เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
 
ค้นหาคำที่ต้องการ          

 
  อนุรุทธสูตร เหล่าเทวดาเข้าหาพระอนุรุทธะ... ธรรม ๘ ประการ ในการอยู่ครองเรือน 836
 
(เนื้อหาพอสังเขป)

อนุรุทธสูตร เหล่าเทวดาเข้าหาพระอนุรุทธะ
ธรรม ๘ ประการ ของสตรีในการอยู่ครองเรือน

ดูกรอนุรุทธะ มาตุคามประกอบด้วยธรรม ๘ ประการนี้แล
เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความ เป็นสหายของเทวดา เหล่า มนาปกายิกา (ชั้นนิมมานนรดี )

ธรรม ๘ ประการ ในการอยู่ครองเรือน

(1) เกื้อกูล อนุเคราะห์ ยอมยกให้แก่ชายใดผู้เป็นสามี เธอต้องตื่นก่อน นอนภายหลัง คอยฟังรับใช้ ประพฤติให้ถูกใจกล่าวถ้อยคำ เป็นที่รัก

(2) บุคคลเคารพของสามี คือ มารดา บิดาหรือสมณพราหมณ์ เธอสักการะเคารพ นับถือบูชาชน เหล่านั้น และต้อนรับท่านเหล่านั้น

(3) การงานใดเป็นงาน ในบ้านของสามี เธอเป็นคน ขยัน ไม่เกียจคร้าน ในการงานนั้น ประกอบด้วย ปัญญา อันเป็นอุบาย ในการงานนั้น

(4) ทาส คนใช้ หรือ กรรมกร ย่อมรู้ว่า การงาน ที่เขาเหล่านั้น ทำแล้ว และยังไม่ได้ทำ ย่อมแบ่งปัน ของกินของบริโภค ให้แก่เขาตามควร

(5) สิ่งใดที่สามีหามาได้ จะเป็นทรัพย์ ข้าว เงินหรือทอง ย่อมรักษา คุ้มครองสิ่งนั้น ไว้ และไม่เป็น นักเลงการพนันไม่ผลาญทรัพย์

(6) เป็นอุบาสิกาถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ว่า เป็นสรณะ

(7) เป็นผู้มีศีล งดเว้นจาก ปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท และการดื่มน้ำเมาคือ สุราและเมรัย (ศีล5)

(8) เป็นผู้มีการบริจาค มีใจปราศจากมลทิน คือ ความตระหนี่ อยู่ครองเรือน มีจาคะ อันปล่อยแล้ว มีฝ่ามืออันชุ่ม ยินดีในการสละ



 
 

 

ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๓ สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต หน้าที่ ๒๐๖

 อนุรุทธสูตร

(เหล่าเทวดาเข้าหาพระอนุรุทธะ)

     [๑๓๖] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ โฆสิตารามใกล้พระนครโกสัมพี ก็สมัยนั้นแล ท่าน พระอนุรุทธะ ไปยังวิหาร ที่พัก กลางวัน หลีกเร้นอยู่ ลำดับนั้น มีเทวดาเหล่ามนาปกายิกามากมาย พากันเข้าไปหาท่านพระอนุรุทธะถึงที่อยู่ อภิวาทแล้ว ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

ครั้นแล้วได้กล่าวดังนี้ว่า ข้าแต่ท่าน พระอนุรุทธะผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นเทวดา ชื่อ มนาปกายิกา* มีอิสระและอำนาจ ในฐานะ ๓ ประการ คือ
*เทวดาชั้นนิมมานนรดี (ชั้นที่5) (อ้างอิง)

ข้าพเจ้าทั้งหลาย
หวัง วรรณะ [ผิวพรรณ] เช่นใด ก็ได้วรรณะเช่นนั้น โดยพลัน ๑
หวัง เสียง [พูดเพราะ] เช่นใด ก็ได้เสียงเช่นนั้น โดยพลัน ๑
หวัง
ความสุข เช่นใด ก็ได้ความสุขเช่นนั้น โดยพลัน ๑

     ลำดับนั้น ท่านพระอนุรุทธะดำริว่า โอหนอ ขอให้เทวดาทั้งปวงนี้ พึงมีร่างเขียว นุ่งผ้าเขียว มีผิวพรรณเขียว มีเครื่องประดับ เขียว ฯ

     ลำดับนั้น เทวดาเหล่านั้น ทราบความดำริของท่านพระอนุรุทธะแล้ว ล้วนมีร่าง เขียว มีผิวพรรณเขียว นุ่งผ้าเขียว มีเครื่อง ประดับ เขียว ฯ

     ท่านพระอนุรุทธะจึงดำริต่อไปว่า โอหนอ ขอให้เทวดาทั้งปวงนี้ มีร่างเหลือง ฯลฯ มีร่างแดง ฯลฯ มีร่างขาว มีผิวพรรณขาว นุ่งผ้าขาวมีเครื่องประดับขาว ฯ

     เทวดาเหล่านั้นทราบความดำริของท่านพระอนุรุทธะแล้ว ล้วนมีร่างขาวมีผิวพรรณ ขาวนุ่งผ้าขาว มีเครื่องประดับขาว เทวดา เหล่านั้น ตนหนึ่งขับร้อง ตนหนึ่งฟ้อนรำ ตนหนึ่งปรบมือ เปรียบเหมือนดนตรีมีองค์ ๕ ที่เขาปรับดีแล้วตีดังไพเราะ ทั้งบรรเลง โดยนักดนตรีผู้เชี่ยวชาญมีเสียงไพเราะ เร้าใจ ชวนให้เคลิบเคลิ้ม ดูดดื่ม และน่า รื่นรมย์ ฉันใด เสียงแห่งเครื่องประดับ ของ เทวดาเหล่านั้น ก็ฉันนั้นเหมือนกัน มีเสียงไพเราะ เร้าใจ ชวนให้เคลิบเคลิ้ม ดูดดื่ม และน่ารื่นรมย์ ฯ

     ลำดับนั้น ท่านพระอนุรุทธะ ทอดอินทรีย์ลง เทวดาเหล่านั้นทราบว่า พระผู้เป็นเจ้า อนุรุทธะ ไม่ยินดี จึงอันตรธานไป ณ ที่นั้น ฯ

     ครั้งนั้น เป็นเวลาเย็น ท่านพระอนุรุทธะออกจากที่เร้น เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควร ส่วนข้างหนึ่ง ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญขอประทานวโรกาส วันนี้ ข้าพระองค์ไปยังวิหารที่พักกลางวัน หลีกเร้นอยู่ ....

(พระอนุรุทธะเล่าตามความข้างต้น)

     พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอนุรุทธะ มาตุคามประกอบด้วยธรรม ๘ ประการ เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหาย ของเทวดา เหล่ามนาปกายิกา ธรรม๘ ประการ เป็นไฉน

(1) ดูกรอนุรุทธะมาตุคามในโลกนี้ ที่มารดาบิดาผู้มุ่งประโยชน์แสวงหา ความเกื้อกูล อนุเคราะห์ เอื้อเอ็นดูยอมยกให้แก่ชายใดผู้เป็นสามีสำหรับชายนั้น เธอต้องตื่นก่อน นอนภายหลัง คอยฟังรับใช้ ประพฤติให้ถูกใจกล่าวถ้อยคำ เป็นที่รัก

(2) ชนเหล่าใดเป็นที่ เคารพของสามี คือ มารดา บิดาหรือสมณพราหมณ์ เธอสักการะ เคารพ นับถือบูชาชนเหล่านั้น และต้อนรับท่านเหล่านั้นผู้มาถึงแล้ว ด้วย อาสนะและ น้ำ

(3) การงานใดเป็นงาน ในบ้านของสามี คือการทำผ้าขนสัตว์หรือผ้าฝ้าย เธอเป็นคน ขยัน ไม่เกียจคร้าน ในการงานนั้น ประกอบด้วยปัญญาอันเป็นอุบาย ในการงานนั้น สามารถจัดทำ

(4) ชนเหล่าใดเป็นคนภายในบ้านของสามี คือ ทาส คนใช้ หรือ กรรมกรย่อมรู้ว่า การงาน ที่เขาเหล่านั้น ทำแล้ว และยังไม่ได้ทำ ๑ ย่อมรู้อาการ ของคนภายในผู้เป็น ไข้ว่า ดีขึ้นหรือทรุดลง ๑ ย่อมแบ่งปันของกินของบริโภค ให้แก่เขาตามควร

(5) สิ่งใดที่สามีหามาได้ จะเป็นทรัพย์ ข้าว เงินหรือทอง ย่อมรักษา คุ้มครองสิ่งนั้น ไว้ และไม่เป็นนักเลงการพนันไม่เป็นขโมย ไม่เป็น นักดื่ม ไม่ผลาญทรัพย์ให้พินาศ

(6) เป็นอุบาสิกาถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ว่า เป็นสรณะ

(7) เป็นผู้มีศีล งดเว้นจาก ปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท และการดื่มน้ำเมาคือ สุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท

(8) เป็นผู้มีการบริจาค มีใจปราศจากมลทิน คือ ความตระหนี่ อยู่ครองเรือน มีจาคะ อันปล่อยแล้ว มีฝ่ามืออันชุ่ม ยินดีในการสละ ควรแก่การขอ ยินดีในการจำแนกทาน

ดูกรอนุรุทธะ มาตุคามประกอบด้วยธรรม ๘ ประการนี้แล เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความ เป็นสหายของเทวดาเหล่า มนาปกายิกา (ชั้นนิมมานนรดี )

         สุภาพสตรีผู้มีปรีชา ย่อมไม่ดูหมิ่นสามี ผู้หมั่นเพียร ขวนขวายอยู่เป็นนิตย์ เลี้ยงตนอยู่ทุกเมื่อ ให้ความปรารถนา ทั้งปวง ไม่ยังสามีให้ขุ่นเคือง ด้วยถ้อยคำ  แสดงความ หึงหวง  และย่อมบูชาผู้ที่เคารพทั้งปวงของสามี เป็นผู้ขยัน
ไม่เกียจคร้าน สงเคราะห์คนข้างเคียงของสามี ประพฤติ เป็นที่พอใจของสามี รักษาทรัพย์ที่สามีหามาได้ นารีใดย่อมประพฤติตามความชอบใจ ของสามีอย่างนี้ นารีนั้นย่อมเข้า ถึงความเป็นเทวดาเหล่ามนาปกายิกา ฯ

(ย่อ)
1. ตื่นก่อนนอนทีหลัง ประพฤติตนให้ถูกใจ ไม่ดูหมิ่นสามี กล่าวถ้อยคำไพเราะ
2. สามีเคารพบูชาชนเหล่าใด ให้เคารพนับถือบูชาชนเหล่านั้น
3. ขยัน ไม่เกียจคร้าน
4. สงเคราะห์คนข้างเคียงของสามี
5. รักษาทรัพย์ที่สามีหามาได
6. นับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ
7. รักษาศีล 5
8. เป็นผู้มีการบริจาค ปราศจากมลทิน

หญิงใดเข้าถึงคุณธรรม๘ ประการนี้ เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงเทวดาเหล่า มนาปกายิกา



 
 
พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90  
 
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์
อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
 
   
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน อานา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์