มรรค8 โดยย่อ ปัญญา (ปัญญาขันธ์) 1. สัมมาทิฐิ (ความเห็นชอบ ปัญญาชอบ) 2. สัมมาสังกัปปะ (ดำริชอบ คิดชอบ)
ศีล (ศีลขันธ์) 3. สัมมาวาจา (วาจาชอบ) 4. สัมมากัมมันตะ (ประพฤติชอบ) 5. สัมมาอาชีวะ (เลี้ยงชีพชอบ)
สมาธิ (สมาธิขันธ์) 6. สัมมาวายามะ (ความเพียรชอบ) 7. สัมมาสติ (ระลึกชอบ) 8. สัมมาสมาธิ (ตั้งจิตชอบ จิตตั้งมั่น)
1. พิจารณาเห็นกายในกาย จิตอยู่กับกาย(ลมหายใจ) 2. พิจารณาเห็นเวทนา เห็นปิติ เห็นทุกข์ (ในเวทนา) 3. พิจารณาเห็นจิตในจิต เห็นจิตเกิดดับในรูป-นาม 4. พิจารณาเห็นธรรมในธรรม เห็นความไม่เที่ยง
1. ปฐมฌาน สงัดแล้วจากกาม สงัดจากอกุศล บรรลุปฐมฌาน 2. ทุติยฌาน บรรลุทุติยฌาน จิตผ่องใส ไม่มีวิตกวิจาร เกิดปิติ 3. ตติยฌาน อุเบกขามีอยู่ มีสติ มีสัมปชัญญะ ปีติสิ้นไป 4. จตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์
อาชีพต้องห้ามของฆราวาส (มิจฉาวณิชชา๕) 1. สัตถวณิชชา คือ การขายอาวุธ 2. สัตตวณิชชา หมายถึง การค้าขายมนุษย์ 3. มังสวณิชชา หมายถึง การค้าขายสัตว์เป็นที่ยังมีชีวิต 4. มัชชวณิชชา หมายถึง การค้าขายน้ำเมา ตลอดจนการค้าสารเสพติดทุกชนิด 5. วิสวณิชชา หมายถึง การค้าขายยาพิษ ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ รวมทั้งเป็นอันตราย ต่อสัตว์ และสิ่งแวดล้อม
อาขีพต้องห้าม ของฆราวาสและภิกษุ (มหาจัตตารีสกสูตร) ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็มิจฉาอาชีวะเป็นไฉน คือ การโกง การล่อลวง การตลบตะแลง การยอมมอบตน ในทางผิด การเอาลาภต่อลาภ นี้ มิจฉาอาชีวะ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาอาชีวะเป็นไฉน เรากล่าวสัมมาอาชีวะเป็น ๒ อย่าง คือ ๑ สัมมาอาชีวะที่ยังเป็น สาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์ คืออริยสาวกในธรรมวินัย นี้ ย่อมละมิจฉาอาชีวะ เลี้ยงชีพด้วยสัมมาอาชีวะ นี้ สัมมาอาชีวะที่ ยังเป็นสาสวะเป็นส่วน แห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์ ๒ สัมมาอาชีวะของพระอริยะที่เป็น อนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค คือ ความงด ความเว้น เจตนางดเว้น จาก มิจฉาอาชีวะ ของภิกษุผู้มีจิตไกลข้าศึก มีจิตหาอาสวะมิได้ พรั่งพร้อมด้วยอริยมรรค เจริญอริยมรรคอยู่ นี้แล สัมมาอาชีวะของพระอริยะ ที่เป็นอนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค