คนนั้นทำเหตุ คนนั้นเสวยผล เป็นส่วนสุดที่หนึ่ง คนอื่นทำเหตุ คนอื่นเสวยผล เป็นส่วนสุดที่สอง ตถาคตแสดงธรรมโดยสายกลาง ไม่เข้าใกล้ส่วนสุดทั้งสองนั้นดังนี้ว่า เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ฯลฯ ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ ย่อมมีด้วยประการ อย่างนี้ ก็เพราะอวิชชาดับ ด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับเพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับฯลฯ ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ฯ พระธรรมเทศนาแจ่มแจ้งยิ่งนักข้า แต่พระโคดมผู้เจริญ พระธรรมเทศนาแจ่มแจ้งยิ่งนัก
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๗๓ ๖. อัญญตรสูตร [๑๖๙] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถ บิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล พราหมณ์ผู้หนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มี พระภาค ถึงที่ประทับ ได้ปราศรัยกับ พระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึก ถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ [๑๗๐] พราหมณ์นั้น ครั้นนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่ พระโคดมผู้เจริญ คนนั้นทำเหตุ คนนั้นเสวยผลหรือหนอ พระผู้มีพระภาค ตรัสว่า ดูกรพราหมณ์โวหารนี้ว่า คนนั้นทำเหตุ คนนั้นเสวยผล เป็นส่วนสุดที่หนึ่ง พราหมณ์นั้น ทูลถามว่าพระโคดมผู้เจริญ ก็คนอื่นทำเหตุ คนอื่นเสวยผล หรือ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรพราหมณ์โวหารนี้ว่า คนอื่นทำเหตุ คนอื่นเสวยผล เป็นส่วนสุดที่สอง ดูกรพราหมณ์ ตถาคตแสดงธรรมโดยสายกลางไม่เข้าใกล้ส่วนสุด ทั้งสอง นั้น ดังนี้ว่า เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ฯลฯ ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ก็เพราะ อวิชชาดับ ด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับเพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับฯลฯ ความดับ แห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ [๑๗๑] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว พราหมณ์นั้นได้กราบทูลพระผู้มี พระภาค ว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ พระธรรมเทศนาแจ่มแจ้งยิ่งนักข้า แต่พระโคดม ผู้เจริญ พระธรรมเทศนาแจ่มแจ้งยิ่งนัก ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ เปรียบเหมือนบุคคล หงาย ของที่คว่ำ เปิดของที่ปิดบอกทาง ให้แก่คนหลงทางหรือตามประทีปไว้ในที่มืด ด้วยหวังว่า คนมีจักษุจักเห็นรูปดังนี้ ฉันใด พระองค์ทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย ฉันนั้นเหมือนกัน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญข้าพระองค์นี้ ขอถึงท่านพระโคดมกับทั้งพระธรรม และภิกษุสงฆ์ ว่าเป็นสรณะขอท่านพระโคดมผู้เจริญ จงทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็น อุบาสก ผู้ถึงสรณะ ตลอดชีวิตตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป