|
(โดยย่อ)
ทรงเทศนาโปรดพระเจ้าพิมพิสาร ณ ราชคฤห์
เสด็จพร้อมภิกษุ ๑,๐๐๐ รูป ซึ่งอดีตเป็นสาวกของลัทธิ ชฎิล ๓ พี่น้อง ในการเสด็จครั้งนี้ มีชาว พราหมณ์ คหบดี และชาวมคธ จำนวน ๑๒ นหุต เสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
(๑๒ นหุต เท่ากับ ๑๒๐,๐๐๐ คน หรือ ๑ นหุต เท่ากับ ๑๐.๐๐๐)
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาค ทรงทราบความดำริในใจของพราหมณ์ คหบดีชาวมคธ ๑๒ นหุต นั้น ด้วย พระทัยของพระองค์ (ด้วยเจโตปริญญาณ ญาณรู้ใจผู้อื่น)
พระผู้มีพระภาคตรัสถาม ท่านอุรุเวลกัสสป (หัวหน้าชฎิลที่พาศิษย์ทั้งหมดมาเข้าเฝ้า เพื่อขอ ประพฤติ พรหมจรรย์ในธรรมวินัยนี้) ว่า เหตุใดท่านจึงละเพลิงที่บูชา (บูชาไฟ)
ท่านอุรุเวลกัสสป ตอบว่า นั่นเป็นมลทินในอุปธิ(อุปาทาน) จึงไม่ยินดีในการเซ่นสรวงบูชา ไม่ยินดีแล้ว ในอารมณ์ คือรูปเสียง และรสเหล่านั้น
พระผู้มีพระภาคตรัสถาม แล้วท่านยินดีสิ่งใดเล่า....
ท่านอุรุเวลกัสสป ตอบว่า.. ข้าพระพุทธเจ้าเห็นทางอันสงบ ไม่มี อุปธิ ไม่มีกังวลไม่ติดอยู่ในกามภพ ไม่มีภาวะเป็นอย่างอื่น ไม่ใช่ธรรม ที่ผู้อื่นแนะ ให้บรรลุ เพราะฉะนั้น
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาค ทรงแสดง “อนุปุพพิกถา"คือ ทรงประกาศทานกถา สีลกถา สัคคกถา โทษ ความต่ำทราม ความเศร้าหมอง ของ กามทั้งหลาย และอานิสงส์ในความ ออกจากกาม ให้กับ พราหมณ์คหบดีชาวมคธ ทั้ง ๑๒ นหุต ตามด้วย คือทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ... พราหมณ์คหบดี ๑ นหุต(๑๐,๐๐๐คน) แสดงตนเป็นอุบาสก (รวมพระสูตร อนุปุพพิกถา)
พระเจ้าพิมพิสาร ได้ทรงเห็นธรรมแล้ว บรรลุธรรมแล้ว รู้ธรรมแจ่มแจ้งแล้ว มีธรรมอันหยั่งลงแล้ว ข้ามความสงสัยได้แล้ว เป็นผู้แกล้วกล้า ไม่เชื่อผู้อื่น เชื่อคำสอนของพระศาสดา |
|