เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
 
ค้นหาคำที่ต้องการ          

 
 เสด็จประพาสพระอุทยาน เห็นคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และบรรพชิต 337  
 
 

(โดยย่อ)
พระราชกุมารเสด็จประพาสพระอุทยาน
พระสูตรนี้เป็นเรื่องราวสมัย พระพุทธเจ้าวิปัสสี
(ยุคมนุษย์อายุ 80,000 ปี ย้อนไป 91กัป)

1.ทรงเห็นคนชรา
ครั้งนั้นแล พระวิปัสสีราชกุมารทรงยานอันดี เสด็จประพาสพระอุทยาน ทอดพระเนตรชายชรา มีซี่โครงคด เหมือนกลอน หลังงอ ถือไม้เท้า เดินงกๆ เงิ่นๆ จึงถามนายสารถีว่า ชายผู้นี้ถูกใคร ทำอะไรให้ แม้ผมของเขา แม้ร่างกายของเขา ก็ไม่เหมือนคนอื่นๆ นายสารถีกราบทูลว่า ขอเดชะ นี้แลเรียกว่า คนชรา บัดนี้ เขาจักมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน... ถึงตัวเราก็จะต้องมีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้
2.ทรงเห็นคนเจ็บ
ครั้งนั้นแล โดยกาลล่วงไปหลายปี พระวิปัสสี ราชกุมาร เสด็จประพาสพระอุทยาน ได้ทอดพระเนตร คนเจ็บ ถึงความลำบาก เป็นไข้หนัก นอนจม อยู่ในมูตร และกรีสของตน คนอื่นต้องช่วยพยุง ให้ลุก ต้องช่วยให้กิน จึงรับสั่งถามนายสารถีว่า ก็ชายนี้ถูกใครทำอะไรให้ แม้ตาทั้งสองของเขา แม้ศีรษะ ของเขาก็ไม่เหมือนของคนอื่นๆ นายสารถี กราบทูลว่า นี้แลเรียกว่าคนเจ็บ ถึงตัวเราก็จะต้องมีความ เจ็บเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความเจ็บไปได้
3.ทรงเห็นคนตาย
พระวิปัสสีราชกุมาร ขณะเสด็จประพาสพระอุทยาน ได้ทอดพระเนตรหมู่มหาชน ประชุมกัน และวอ ที่ทำด้วยผ้าสีต่างๆ จึงรับสั่งถามนายสารถีว่า หมู่มหาชนเขาประชุมกันทำไม และเขาทำวอด้วยผ้า สีต่างๆ กันทำไม นายสารถี ได้กราบทูลว่า ขอเดชะ นี้แลเรียกว่า คน บัดนี้ มารดาบิดา หรือญาติ สาโลหิตอื่นๆ จักไม่เห็นเขา แม้เขาก็จักไม่เห็นมารดาบิดา หรือญาติสาโลหิตอื่นๆถึงตัวเราก็จะต้อง มีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้
4. ทรงเห็นคนบรรพชิต
ครั้งนั้นแล พระวิปัสสีราชกุมาร ขณะเมื่อเสด็จประพาสพระอุทยาน ได้ทอดพระเนตรบุรุษบรรพชิต ศีรษะโล้น นุ่งห่มผ้า กาสาวพัสตร์ จึงรับสั่งถาม นายสารถีว่า นายสารถีผู้สหาย บุรุษนี้ถูกใครทำอะไร ให้ แม้ศีรษะของเขาก็ไม่เหมือนคนอื่นๆ …ขอเดชะ นี้แล เรียกว่าบรรพชิต ถ้าเช่นนั้น เธอจงขับรถไป ทาง บรรพชิตนั้น บรรพชิตนั้นได้ทูลว่า ขอถวายพระพร อาตมภาพแลชื่อบรรพชิต ฯ สหาย ก็ท่านหรือ ชื่อบรรพชิต ฯ ขอถวายพระพร อาตมภาพชื่อบรรพชิต การประพฤติธรรมเป็นความดี การประพฤติ สม่ำเสมอเป็นความดี การประพฤติกุศลเป็นความดี การกระทำบุญเป็นความดี การไม่เบียดเบียน เป็นความดี การอนุเคราะห์แก่หมู่สัตว์เป็นความดี … พระวิปัสสีราชกุมารได้ตรัส เรียกนายสารถี ให้นำรถกลับไปภายในบุรีจากสวนนี้ ส่วนเราจักปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ออกบวชเป็นบรรพชิต ณ สวนนี้แหละ
5. ทรงผนวช
นายสารถีรับรับสั่งแล้ว ได้พารถกลับไปยังภายในบุรี จากสวนนั้น ส่วนพระวิปัสสี ได้ทรงปลงพระเกศา และ พระมัสสุ ทรงครองผ้ากาสาวพัสตร์เสด็จออก ทรงผนวช เป็นบรรพชิต แล้ว ณ อุทยานนั้นเอง …ดูกรภิกษุทั้งหลาย หมู่มหาชนในพระนครพันธุมดีราชธานีประมาณ ๘๔,๐๐๐ คน ได้พากัน โกนผม และหนวด นุ่งห่มผ้า กาสาวพัสตร์ออกบวชเป็นบรรพชิตตามเสด็จ พระวิปัสสี โพธิสัตว์แล้ว ได้ยินว่า พระวิปัสสีโพธิสัตว์ อันบริษัทนั้นห้อมล้อม เสด็จเที่ยวจาริกไป ในบ้าน นิคม ชนบท และราชธานี

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 
 

พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๐ หน้าที่ ๑๖

พระราชกุมารเสด็จประพาสพระอุทยาน


              [๓๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล โดยกาลล่วงไปหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี พระวิปัสสี ราชกุมาร ได้ตรัสเรียกนายสารถีมาสั่งว่า นายสารถี ผู้สหาย เธอจงเทียมยานที่ดีๆ เราจะไปสวนเพื่อชม พื้นที่อันสวยสด ภิกษุทั้งหลาย นายสารถี รับ รับสั่งของพระวิปัสสีราชกุมารแล้ว เทียมยานที่ดีๆ เสร็จแล้ว จึงกราบทูลแด่พระ วิปัสสี ราชกุมารว่า ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าได้เทียมยานที่ดีๆ เสร็จแล้วบัดนี้ พระองค์ ทรงกำหนดเวลาอันสมควรเถิด

1.ทรงเห็นคนชรา

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล พระวิปัสสีราชกุมารทรงยานอันดี เสด็จ ประพาสพระอุทยาน พร้อมกับยานที่ดีๆ ทั้งหลาย พระวิปัสสีราชกุมาร ขณะเมื่อเสด็จ ประพาสพระอุทยาน ได้ทอดพระเนตรชายชรา มีซี่โครงคดเหมือนกลอน หลังงอ ถือไม้เท้า เดินงกๆ เงิ่นๆ กระสับกระส่าย หมดความหนุ่มแน่น ครั้นทอดพระเนตรแล้ว จึงรับสั่งถามนายสารถีว่า นายสารถีผู้สหาย ก็ชายผู้นี้ถูกใครทำอะไรให้ แม้ผมของเขา ก็ไม่เหมือนของคนอื่นๆ แม้ร่างกายของเขาก็ไม่เหมือน ของคนอื่นๆ

             นายสารถีกราบทูลว่า ขอเดชะ นี้แลเรียกว่า คนชรา ฯ นายสารถีผู้สหาย นี้หรือ เรียกว่า คนชรา ฯ ขอเดชะ นี้แลเรียกว่า คนชรา บัดนี้ เขาจักพึงมีชีวิตอยู่ได้ ไม่นาน ฯ นายสารถี ถึงตัวเราก็จะต้องมีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ ไปได้หรือ ฯ ขอเดชะ พระองค์และข้าพระพุทธเจ้า ล้วนแต่จะต้องมีความแก่เป็น ธรรมดา ไม่ล่วง พ้นความแก่ ไปได้ ฯ นายสารถีผู้สหาย ถ้าเช่นนั้น วันนี้พอแล้ว สำหรับภูมิภาค แห่งสวน เธอจงนำเรา กลับภายในบุรี จากสวนนี้เถิด ฯ นายสารถี รับรับสั่งของ พระวิปัสส ราชกุมารแล้ว ได้นำเสด็จกลับไปยังภายในบุรี จากพระอุทยาน นั้น

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่า ครั้งนั้นพระวิปัสสีราชกุมารเสด็จถึง ภายในบุรี แล้วทรง เป็นทุกข์ เศร้าพระทัย ทรงพระดำริว่า ผู้เจริญทั้งหลาย ได้ยินว่าขึ้นชื่อว่า ความเกิดเป็นของน่ารังเกียจ เพราะธรรมดาว่า เมื่อความเกิดมีอยู่ความแก่จัก ปรากฏ แก่ผู้ ที่เกิดมาแล้ว

             [๓๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล พระเจ้าพันธุมารับสั่งหานายสารถี มาตรัสถามว่า นายสารถี ผู้สหาย ราชกุมารได้อภิรมย์ ในภูมิภาคแห่งสวนแล หรือ นายสารถีผู้สหาย ราชกุมารพอพระทัย ในภูมิภาค แห่งสวนแลหรือ นายสารถีกราบทูล ว่า ขอเดชะ พระราชกุมารมิได้ทรงอภิรมย์ในภูมิภาค แห่งพระอุทยาน ขอเดชะ พระราชกุมาร มิได้ทรงพอพระทัยในภูมิภาคแห่งพระอุทยาน ดังนี้ ตรัสถามต่อไปว่า ดูกรนาย สารถีผู้สหาย ก็ราชกุมารขณะเมื่อเสด็จประพาสสวน ได้ทอดพระเนตร อะไรเข้า

             นายสารถีได้กราบทูลว่า ขอเดชะ พระราชกุมารขณะเมื่อเสด็จประพาส พระอุทยาน ได้ทอด พระเนตรชายชรา มีซี่โครงคดเหมือนกลอน หลังงอ ถือไม้เท้า เดินงกๆ เงิ่นๆ กระสับกระส่าย หมดความ หนุ่มแน่น ครั้นได้ทอดพระเนตร แล้ว ได้มีรับสั่งถามข้าพระพุทธเจ้าว่า นายสารถีผู้สหาย ก็ชายผู้นี้ถูกใคร ทำอะไรให้ แม้ผมของเขาก็ไม่เหมือนของ คนอื่นๆ แม้ร่างกายของเขาก็ไม่เหมือนของคนอื่นๆ เมื่อข้าพระพุทธเจ้ากราบทูลว่า

             ขอเดชะ นี้แล เรียกว่า คนชรา พระองค์ได้ตรัสถาม ย้ำว่า นายสารถีผู้สหาย นี้หรือเรียกว่า คนชรา เมื่อข้าพระพุทธเจ้ากราบทูลว่า ขอเดชะ นี้แลเรียกว่าคนชรา บัดนี้เขาจักพึงมีชีวิต อยู่ได้ไม่นานพระราชกุมารได้ตรัส ถามว่า นายสารถีผู้สหาย ถึงตัวเราก็จะต้อง มีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ ไปได้หรือ เมื่อข้าพระพุทธเจ้ากราบทูลว่า ขอเดชะพระองค์ และข้าพระพุทธเจ้า ล้วนแต่จะต้องมีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้

             พระองค์ตรัสสั่งว่า นายสารถีผู้สหาย ถ้าเช่นนั้น วันนี้พอแล้วสำหรับภูมิภาค แห่งสวน เธอจงนำ เรากลับไปภายในบุรีจากสวนนี้ ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้ารับ รับสั่ง ของ พระวิปัสสีราชกุมาร แล้วได้นำเสด็จ กลับไปภายในบุรีจากพระอุทยานนั้น ขอเดชะ พระราชกุมารนั้นแล เสด็จถึงภายในบุรีแล้ว ทรงเป็นทุกข์ เศร้าพระทัย ทรงพระดำริว่า ผู้เจริญทั้งหลาย ได้ยินว่า ขึ้นชื่อว่าความเกิดเป็น ของน่ารังเกียจ เพราะ ธรรมดาว่า เมื่อความเกิดมีอยู่ ความแก่จักปรากฏแก่ผู้ที่เกิดมาแล้วฯ

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล พระเจ้าพันธุมา ทรงพระดำริว่า วิปัสสี ราชกุมาร อย่าไม่เสวยราชย์ เสียเลย วิปัสสีราชกุมารอย่าออกผนวชเป็น บรรพชิตเลย ถ้อยคำ ของเนมิตตพราหมณ์อย่าพึงเป็นความจริง เลย

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล พระเจ้าพันธุมารับสั่งให้บำรุงบำเรอ พระวิปัสสี ราชกุมาร ด้วยกามคุณ ๕ ยิ่งกว่าแต่ก่อน โดยอาการที่จะให้ พระวิปัสสีราช กุมาร เสวยราชย์ โดยอาการที่จะไม่ให้ พระวิปัสสีราชกุมาร เสด็จออก ผนวชเป็น บรรพชิต โดยอาการที่จะให้ถ้อยคำของเนมิตตพราหมณ์เป็นผิด ภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่า ครั้งนั้น พระวิปัสสี ราชกุมารเพียบพร้อมพรั่งพร้อมด้วยกามคุณ ๕ ได้รับการ บำรุง บำเรออยู่
----------------------------------------------------------------------------------------------------------

2.
ทรงเห็นคนเจ็บ

              [๓๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล โดยกาลล่วงไปหลายปี พระวิปัสสี ราชกุมาร ฯลฯ ภิกษุทั้งหลาย พระวิปัสสีราชกุมาร ขณะเมื่อเสด็จประพาส พระอุทยาน ได้ทอดพระเนตรคนเจ็บ ถึงความ ลำบาก เป็นไข้หนัก นอนจม อยู่ในมูตร และ กรีส ของตน คนอื่นๆ ต้องช่วยพยุงให้ลุก ผู้อื่นต้องช่วย ให้กิน ครั้นทอดพระเนตรแล้ว จึงรับสั่งถาม นายสารถีว่า นายสารถีผู้สหาย ก็ชายนี้ถูกใครทำอะไรให้ แม้ตา ทั้งสอง ของเขาก็ไม่เหมือนของคนอื่นๆ แม้ศีรษะของเขา ก็ไม่เหมือนของคนอื่นๆ

             นายสารถีกราบทูลว่า ขอเดชะ นี้แลเรียกว่า คนเจ็บ ฯ นายสารถีผู้สหาย นี้หรือเรียกว่า คนเจ็บ ฯ ขอเดชะ นี้แลเรียกว่า คนเจ็บ ไฉนเล่าเขาจะพึงหายจาก ความเจ็บนั้นได้ ฯ นายสารถีผู้สหาย ถึงตัวเราก็จะต้องมีความเจ็บเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความเจ็บไปได้หรือ ฯ ขอเดชะ พระองค์และข้าพระพุทธเจ้า ล้วนจะต้องมี ความเจ็บเป็นธรรมดาไม่ล่วงพ้นความเจ็บ ไปได้ ฯ นายสารถีผู้สหาย ถ้าเช่นนั้น วันนี้พอแล้ว สำหรับภูมิภาคแห่งสวนเธอ จงนำเรากลับไปยัง ภายในบุรีจากสวนนี้เถิด ฯ นายสารถีรับรับสั่งของพระวิปัสสีราชกุมารแล้ว ได้นำเสด็จกลับไปยังภายในบุรี จากพระอุทยาน นั้น

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่า ครั้งนั้น พระวิปัสสีราชกุมารเสด็จถึง ภายในบุรี แล้ว ทรงเป็นทุกข์ เศร้าพระทัย ทรงพระดำริว่า ผู้เจริญทั้งหลาย ได้ยินว่าขึ้นชื่อว่า ความเกิด เป็นของน่ารังเกียจ เพราะธรรมดาว่า เมื่อความเกิดมีอยู่ ความแก่จักปรากฏ ความเจ็บ จักปรากฏ แก่ผู้ที่เกิดมาแล้ว

              [๓๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล พระเจ้าพันธุมารับสั่งหานายสารถี มาตรัสถามว่า นายสารถี ผู้สหาย ราชกุมารได้อภิรมย์ในภูมิภาคแห่งสวนแล หรือ นายสารถีผู้สหาย ราชกุมารพอพระทัยในภูมิภาค แห่งสวนแลหรือ นายสารถี กราบทูลว่า ขอเดชะ พระราชกุมารมิได้ทรงอภิรมย์ในภูมิภาคแห่งพระอุทยาน ขอเดชะ พระราชกุมารมิได้ทรง พอพระทัยในภูมิภาคแห่งพระอุทยานดังนี้ ตรัสถามต่อไปว่า นายสารถี ผู้สหาย ก็ราชกุมารขณะเมื่อเสด็จประพาสสวน ได้ทอดพระเนตรอะไรเข้า

             นายสารถีกราบทูลว่า ขอเดชะ พระราชกุมารขณะเมื่อเสด็จประพาส พระอุทยาน ได้ทอด พระเนตรคนเจ็บ ถึงความลำบาก เป็นไข้หนัก นอนจมอยู่ในมูตร และกรีสของตน บุคคลอื่นๆ ต้องช่วย พยุงให้ลุก ผู้อื่นต้องช่วยให้กิน ครั้น ทอดพระเนตร แล้ว ได้รับสั่งถามข้าพระพุทธเจ้าว่า นายสารถีผู้สหาย ชายคนนี้ถูกใคร ทำอะไรให้ แม้ตาทั้งสอง ของเขาก็ไม่เหมือนของคนอื่นๆ แม้ศีรษะของเขา ก็ไม่เหมือน ของคนอื่นๆ

             เมื่อข้าพระพุทธเจ้ากราบทูลว่า ขอเดชะ นี้แลเรียกว่า คนเจ็บ พระองค์ ได้ตรัส ถามย้ำว่า นายสารถีผู้สหาย นี้หรือเรียกว่าคนเจ็บ เมื่อข้าพระพุทธเจ้า กราบทูลว่า ขอเดชะ นี้แลเรียกว่า คนเจ็บ ไฉนเล่าเขาจะพึงหายจากความเจ็บนั้นได้ พระราชกุมารได้ตรัสถาม ว่า นายสารถี ผู้สหายแม้ถึงตัวเรา ก็จะต้องมีความเจ็บเป็น ธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความเจ็บ ไปได้หรือ แต่พอข้าพระพุทธเจ้ากราบทูลว่า ขอเดชะ พระองค์และข้าพระพุทธเจ้า ล้วนแต่จะต้องมีความเจ็บป่วยเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้น ความเจ็บป่วยไปได้ พระองค์ตรัส สั่งว่า

             นายสารถีผู้สหาย ถ้าเช่นนั้น วันนี้พอแล้วสำหรับภูมิภาคแห่งสวน เธอจง นำเรา กลับไป ยังภายในบุรี จากสวนนี้ ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้ารับรับสั่งของ พระวิปัสสี ราชกุมารแล้ว ได้นำเสด็จกลับไป ภายในบุรีจาก พระอุทยานนั้น ขอเดชะ พระราชกุมาร นั้นแล เสด็จถึงภายในบุรีแล้ว ทรงเป็นทุกข์ เศร้าพระทัย ทรงพระดำริว่า ผู้เจริญทั้งหลาย ได้ยินว่า ขึ้นชื่อว่า ความเกิดเป็นของน่ารังเกียจ เพราะธรรมดาว่า เมื่อความเกิดมีอยู่ ความแก่จักปรากฏ ความเจ็บป่วยจักปรากฏแก่ผู้ที่เกิดมาแล้ว

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล พระเจ้าพันธุมา ทรงพระดำริว่า วิปัสสีราชกุมาร อย่าไม่เสวยราช เสียเลย วิปัสสีราชกุมารอย่าออกผนวชเป็น บรรพชิต เลย ถ้อยคำของ เนมิตตพราหมณ์ อย่าพึงเป็นความจริง เลย

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล พระเจ้าพันธุมารับสั่งให้บำรุงบำเรอ พระวิปัสสีราชกุมาร ด้วยกามคุณ ๕ ยิ่งกว่า แต่ก่อน โดยอาการที่จะให้พระวิปัสสี ราชกุมาร เสวยราชย์ โดยอาการที่จะไม่ให้ พระวิปัสสีราชกุมาร เสด็จออกผนวช เป็นบรรพชิต โดยอาการที่จะให้ถ้อยคำของเนมิตตพราหมณ์เป็นผิด ภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่า ครั้งนั้น พระวิปัสสีราชกุมาร เพียบพร้อมพรั่งพร้อมด้วยกามคุณ ๕ ได้รับการบำรุง บำเรออยู่ ฯลฯ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------

3.
ทรงเห็นคนตาย

              [๓๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระวิปัสสีราชกุมารขณะเมื่อเสด็จประพาส พระอุทยาน ได้ทอด พระเนตรหมู่มหาชน ประชุมกัน และวอที่ทำด้วยผ้าสีต่างๆ ครั้น ทอดพระเนตรแล้ว จึงรับสั่งถามนายสารถีว่า นายสารถีผู้สหาย หมู่มหาชน เขาประชุม กันทำไม และเขาทำวอด้วยผ้าสีต่างๆ กันทำไม นายสารถี ได้กราบทูลว่า ขอเดชะ นี้แลเรียกว่า คนตาย พระวิปัสสีราชกุมาร ได้ตรัสสั่งว่า นายสารถีถ้าเช่นนั้น เธอจง ขับรถไปทางคนตายนั้น ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นายสารถีรับรับสั่งของพระวิปัสสี ราชกุมาร แล้ว ได้ขับรถ ไปทางคนตายนั้น ภิกษุทั้งหลาย พระวิปัสสีราชกุมาร ได้ทอดพระเนตรคนตายไปแล้ว ได้ตรัสเรียกนายสารถีมารับสั่งถามว่า นายสารถี ผู้สหาย นี้หรือเรียกว่าคนตาย

            นายสารถีกราบทูลว่า ขอเดชะ นี้แลเรียกว่าคนตาย บัดนี้ มารดาบิดา หรือญาติ สาโลหิตอื่นๆ จักไม่เห็นเขา แม้เขาก็จักไม่เห็นมารดาบิดาหรือญาติสาโลหิต อื่นๆ

             นายสารถีผู้สหาย ถึงตัวเราก็จะต้องมีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้น ความตายไปได้หรือ พระเจ้าแผ่นดิน พระเทวี หรือพระญาติสาโลหิตอื่นๆ จักไม่เห็นเรา หรือ แม้เราก็จักไม่เห็นพระเจ้าแผ่นดิน พระเทวี หรือพระญาติ สาโลหิตอื่นๆ หรือ

             ขอเดชะ พระองค์และข้าพระพุทธเจ้าล้วนแต่จะต้องมีความตาย เป็น ธรรมดาไม่ล่วงพ้น ความตาย ไปได้ พระเจ้าแผ่นดิน พระเทวี หรือพระญาติสาโลหิต อื่นๆ จักไม่เห็นพระองค์ แม้พระองค์ ก็จะไม่เห็น พระเจ้าแผ่นดิน พระเทวีหรือพระญาติ สาโลหิตอื่นๆ นายสารถี ผู้สหาย ถ้าเช่นนั้น วันนี้พอแล้ว สำหรับภูมิภาคแห่งสวน เธอจงนำเรา กลับไปภายในบุรี จากสวนนี้เถิด

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย นายสารถีรับรับสั่งของพระวิปัสสีราชกุมารแล้ว ได้นำ เสด็จ กลับไปภายในบุรี จากพระอุทยานนั้น

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่า ครั้งนั้น พระวิปัสสีราชกุมารเสด็จถึงภายในบุรี แล้ว ทรงเป็นทุกข์ เศร้าพระทัย ทรงพระดำริว่า ผู้เจริญทั้งหลาย ได้ยินว่า ขึ้นชื่อว่า ความเกิด เป็นของน่ารังเกียจ เพราะ ธรรมดาว่า เมื่อความเกิดมีอยู่ ความแก่จักปรากฏ ความเจ็บจัก ปรากฏ ความตายจักปรากฏ แก่ผู้ที่เกิด มาแล้ว

              [๓๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล พระเจ้าพันธุมารับสั่งหานายสารถี มาตรัสถามว่า นายสารถี ผู้สหาย ราชกุมารได้ทรงอภิรมย์ในภูมิภาคแห่งสวนแลหรือ นายสารถีผู้สหาย ราชกุมารพอพระทัยใน ภูมิภาคแห่งสวน แลหรือ นายสารถี กราบทูลว่า ขอเดชะ พระราชกุมารมิได้ทรงอภิรมย์ในภูมิภาคแห่ง พระอุทยาน ขอเดชะ พระราชกุมาร มิได้ทรงพอพระทัยในภูมิภาคแห่งพระอุทยานดังนี้ ตรัสถามต่อไปว่า นายสารถีผู้สหาย ก็ราชกุมารขณะเมื่อเสด็จประพาสสวน ได้ทอดพระเนตรอะไรเข้า

             นายสารถีกราบทูลว่า ขอเดชะ พระราชกุมารขณะเมื่อเสด็จประพาส พระอุทยาน ได้ทอด พระเนตรหมู่มหาชน ประชุมกันและวอที่ทำด้วยผ้าสีต่างๆ แล้วได้ตรัสถามข้าพระพุทธเจ้าว่า นายสารถี ผู้สหาย หมู่มหาชนประชุมกันทำไม เขากระทำวอด้วยผ้าสีต่างๆ กันทำไม เมื่อข้าพระพุทธเจ้ากราบทูลว่า นี้แลเรียกว่า คนตาย พระองค์ได้ตรัสสั่งว่า นายสารถีผู้สหาย ถ้าเช่นนั้น เธอจงขับรถไปทางคนตาย นั้น

             ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้ารับรับสั่งของพระวิปัสสีราชกุมารแล้ว ได้ขับรถไป ทางคนตายนั้น ขอเดชะ พระราชกุมารได้ทอดพระเนตรคนตายเข้าแล้ว ได้ตรัสถาม ข้าพระพุทธเจ้าว่า นายสารถีผู้สหาย นี้หรือเรียกว่าคนตาย เมื่อข้าพระพุทธเจ้า กราบทูลว่า ขอเดชะ นี้แลเรียกว่าคนตาย บัดนี้ มารดาบิดาและญาติสาโลหิตอื่นๆ จักไม่เห็นเขา แม้เขาก็จัก ไม่เห็นมารดา บิดา หรือญาติสาโลหิตอื่นๆ ดังนี้ พระองค์ได ้ตรัสถามว่า นายสารถีผู้สหาย ถึงตัวเรา ก็จะต้องมีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้น ความตายไปได้หรือ พระเจ้าแผ่นดิน พระเทวี หรือพระญาติ สาโลหิตอื่นๆ จักไม่เห็น เรา หรือ แม้เราก็จักไม่เห็น พระเจ้าแผ่นดิน พระเทวีหรือพระญาติสาโลหิตอื่นๆ หรือเมื่อ ข้าพระพุทธเจ้ากราบทูลว่า ขอเดชะ พระองค์และข้า พระพุทธเจ้า ล้วนแต่ จะต้องมี ความตาย เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้ พระเจ้าแผ่นดิน พระเทวี หรือ พระญาติ สาโลหิตอื่นๆ จักไม่เห็น พระองค์ แม้พระองค์ก็จักไม่เห็น พระเจ้าแผ่นดิน พระเทวี หรือพระญาติสาโลหิตอื่นๆ ดังนี้

             พระองค์ตรัสสั่งว่า นายสารถีผู้สหายถ้าเช่นนั้น วันนี้พอแล้วสำหรับภูมิภาค แห่งสวน เธอจงนำ เรากลับไปในบุรี จากสวนนี้ ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้ารับรับสั่ง ของพระวิปัสสีราชกุมารแล้ว ได้นำเสด็จกลับ ไปภายในบุรีจากพระอุทยานนั้น

             ขอเดชะ พระราชกุมารนั้น เสด็จถึงภายในบุรีแล้วทรงเป็นทุกข์เศร้า พระทัย ทรงพระดำริว่า ผู้เจริญทั้งหลาย ได้ยินว่า ขึ้นชื่อว่าความเกิดเป็นของน่ารังเกียจ เพราะเมื่อความ เกิดมีอยู่ ความแก่จักปรากฏ ความเจ็บจักปรากฏ ความตายจัก ปรากฏ แก่ผู้ที่เกิดมาแล้ว

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล พระเจ้าพันธุมาทรงพระดำริว่า วิปัสสี ราชกุมาร อย่าไม่พึง เสวยราชย์เลย วิปัสสีราชกุมารอย่าออกผนวชเป็นบรรพชิต เลยถ้อยคำ ของเนมิตตพราหมณ์ทั้งหลายอย่า เป็นความจริงเลย

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล พระเจ้าพันธุมาได้รับสั่งให้บำรุงบำเรอ พระวิปัสสีราชกุมาร ด้วยกามคุณ ๕ ยิ่งกว่าแต่ก่อน โดยอาการที่จะให้พระวิปัสสี ราชกุมารเสวยราชย์ โดยอาการที่จะไม่ให้ พระวิปัสสีราชกุมาร เสด็จออก ผนวชเป็น บรรพชิต โดยอาการที่จะให้ถ้อยคำของเนมิตตพราหมณ์เป็นผิด ภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่า ครั้งนั้น พระวิปัสสีราช กุมารเพียบพร้อม พรั่งพร้อมด้วยกามคุณ ๕ ได้รับการ บำรุง บำเรออยู่

              [๓๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล โดยกาลล่วงไปหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี พระวิปัสสีราชกุมาร ได้ตรัสเรียกนายสารถีมาสั่งว่า นายสารถีผู้สหาย เธอจงเทียมยานที่ดีๆ เราจะไปใน สวนเพื่อชมพื้นที่อันสวยสด

             ภิกษุทั้งหลาย นายสารถีรับรับสั่งของพระวิปัสสีราชกุมาร แล้วเทียมยาน ที่ดีๆ เสร็จแล้ว ได้กราบทูลแด่ พระวิปัสสี ราชกุมารว่า ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า เทียมยานที่ดีๆ เสร็จแล้ว บัดนี้ พระองค์ ทรงกำหนดเวลาอันสมควรเถิด
----------------------------------------------------------------------------------------------------------

4. ทรงเห็นคนบรรพชิต

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล พระวิปัสสีราชกุมารทรงยานที่ดีเสด็จ ประพาส พระอุทยาน พร้อมกับยานที่ดีๆ ทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลาย พระวิปัสสีราชกุมาร ขณะเมื่อเสด็จประพาสพระอุทยาน ได้ทอดพระเนตรบุรุษบรรพชิตศีรษะโล้น นุ่งห่มผ้า กาสาวพัสตร์ ครั้นทอดพระเนตรแล้ว จึงรับสั่งถาม นายสารถีว่า นายสารถีผู้สหาย บุรุษนี้ถูกใครทำอะไรให้ แม้ศีรษะของเขาก็ไม่เหมือนคนอื่นๆ แม้ผ้าทั้ง หลายของเขา ก็ไม่เหมือนคนอื่นๆ

             นายสารถีกราบทูลว่า ขอเดชะ นี้แลเรียกว่าบรรพชิต ฯ นายสารถี ผู้สหาย นี้หรือเรียกว่า บรรพชิต ฯ ขอเดชะ นี้แลเรียกว่า บรรพชิต การประพฤติธรรม เป็นความดี การประพฤติ สม่ำเสมอเป็นความดี การประพฤติ กุศลเป็นความดี การ กระทำบุญเป็นความดี การไม่เบียดเบียนเป็นความดี การอนุเคราะห์แก่ หมู่สัตว์เป็น ความดี

             นายสารถีผู้สหาย ดีละ ที่บุคคลนั้นได้นามว่า บรรพชิต การประพฤติธรรม เป็นความดี การประพฤติสม่ำเสมอเป็นความดี การประพฤติกุศลเป็นความดี การกระทำ บุญเป็นความดี การไม่เบียด เบียนเป็นความดี การอนุเคราะห์แก่หมู่สัตว์ เป็นความดี นายสารถีผู้สหาย ถ้าเช่นนั้น เธอจงขับรถไปทาง บรรพชิตนั้น

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย นายสารถีรับรับสั่งของพระวิปัสสีราชกุมารแล้ว ขับรถไปทางบรรพชิตนั้น

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล พระวิปัสสีราชกุมารได้ตรัสถามบรรพชิต นั้น ว่า สหาย ท่านถูกใคร ทำอะไรให้ แม้ศีรษะของท่านก็ไม่เหมือนของคนอื่นๆ แม้ผ้า ทั้งหลาย ของท่านก็ไม่เหมือนของคนอื่นๆ

            บรรพชิตนั้นได้ทูลว่า ขอถวายพระพร อาตมภาพแลชื่อบรรพชิต ฯ สหาย ก็ท่านหรือชื่อบรรพชิต ฯ ขอถวายพระพร อาตมภาพชื่อบรรพชิต การประพฤติธรรมเป็นความดี การประพฤติสม่ำเสมอ เป็นความดี การประพฤติกุศลเป็นความดี การกระทำบุญเป็น ความดี
การไม่เบียดเบียนเป็นความดี การอนุเคราะห์แก่หมู่สัตว์ เป็นความดี

             ดีละสหาย ที่ท่านได้นามว่าบรรพชิต การประพฤติธรรมเป็นความดี การประพฤติสม่ำเสมอ เป็นความดี การประพฤติกุศลเป็นความดี การกระทำบุญ เป็นความดี การไม่เบียดเบียนเป็นความดี การอนุเคราะห์แก่หมู่สัตว์ เป็นความดี

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล พระวิปัสสีราชกุมารได้ตรัสเรียกนายสารถี มาสั่งว่า นายสารถี ผู้สหาย ถ้าเช่นนั้น เธอจงนำรถกลับไปภายในบุรีจากสวนนี้ ส่วนเรา จักปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากา สาวพัสตร์ ออกบวชเป็นบรรพชิต ณ สวนนี้แหละ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------

5.
ทรงผนวช

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย นายสารถีรับรับสั่งของพระวิปัสสีราชกุมารแล้ว ได้พารถ กลับไปยังภายในบุรี จากสวนนั้น ส่วนพระวิปัสสีราชกุมาร ได้ทรงปลงพระเกศา และ พระมัสสุ ทรงครองผ้ากาสาวพัสตร์เสด็จออก ทรงผนวช เป็นบรรพชิต แล้ว ณ พระอุทยานนั้นเอง

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย หมู่มหาชนในพระนครพันธุมดีราชธานีประมาณ ๘๔,๐๐๐ คน ได้สดับข่าวว่า พระวิปัสสีราช กุมารได้ทรงปลงพระเกศา และพระมัสสุ ทรงครองผ้า กาสาวพัสตร์ เสด็จออกทรงผนวช เป็นบรรพชิตเสียแล้ว ดังนี้ ครั้นแล้ว มหาชนเหล่านั้น ได้ดำริดังนี้ว่า ก็พระวิปัสสีราชกุมารได้ทรงปลง พระเกศา และ พระมัสสุ ทรงครองผ้า กาสาวพัสตร์ เสด็จออกทรงผนวชเป็นบรรพชิตในพระธรรม วินัยใด พระธรรมวินัยนั้นคง ไม่เลวทรามเป็นแน่ บรรพชานั้นคงไม่เลวทราม เป็นแน่ แต่พระวิปัสสีราชกุมาร ยังทรงปลง พระเกศาและพระมัสสุ ทรงครองผ้ากาสาวพัสตร์ เสด็จออกทรงผนวช เป็นบรรพชิตได้ พวกเราทำไมจึงจักบวชไม่ได้เล่า

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล หมู่มหาชนประมาณ ๘๔,๐๐๐ คน ได้พากัน โกนผมและหนวด นุ่งห่มผ้า กาสาวพัสตร์ออกบวชเป็นบรรพชิตตามเสด็จ พระวิปัสสี โพธิสัตว์แล้ว ได้ยินว่าพระวิปัสสีโพธิสัตว์ อันบริษัทนั้นห้อมล้อม เสด็จเที่ยวจาริกไป ในบ้าน นิคม ชนบท และราชธานีฯ

   
 
 
พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์