พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ หน้าที่ ๑๑
อาบัติ อนาบัติ
(แสดงสิ่งที่ตรงกันข้ามกับคำสอนของพระศาสดา)
[๑๓๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุพวกที่แสดง อนาบัติว่า อาบัติ ฯลฯ
ที่แสดง อาบัติว่า อนาบัติ ฯลฯ
ที่แสดง ลหุกาบัติว่า เป็นครุกาบัติ ฯลฯ
ที่แสดง ครุกาบัติว่า เป็นลหุกาบัติ ฯลฯ
ที่แสดง อาบัติชั่วหยาบว่า อาบัติไม่ชั่วหยาบ ฯลฯ
ที่แสดง อาบัติไม่ชั่วหยาบว่า อาบัติชั่วหยาบ ฯลฯ
ที่แสดง อาบัติมีส่วนเหลือว่าอาบัติไม่มีส่วนเหลือ ฯลฯ
ที่แสดง อาบัติไม่มีส่วนเหลือว่า อาบัติมีส่วนเหลือ ฯลฯ
ที่แสดง อาบัติทำคืนได้ว่า อาบัติทำคืนไม่ได้ ฯลฯ
ที่แสดง อาบัติทำคืนไม่ได้ว่าอาบัติทำคืนได้
ภิกษุเหล่านั้น ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล เพื่อไม่เป็นสุข แก่ชน เป็นอันมาก เพื่ออนัตถะ มิใช่ประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความ ทุกข์ แก่เทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งย่อมประสบบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก และ ย่อมทำ ให้สัทธรรมนี้อันตรธาน ฯ
(แสดงสิ่งที่ตรงไปตรงมา ตามคำสอนของพระศาสดา)
[๑๓๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุพวกที่ แสดง อนาบัติว่า อนาบัติ
ภิกษุเหล่านั้น ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติ เพื่อประโยชน์เกื้อกูล
เพื่อความสุขแก่ชน เป็นอันมาก
เพื่ออัตถะประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก
เพื่อความสุขแก่เทวดา และ มนุษย์ทั้งหลาย
ทั้งย่อมประสบบุญเป็นอันมาก และย่อมดำรงสัทธรรมนี้ไว้มั่น ฯ
[๑๓๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่ แสดง อาบัติว่า อาบัติ ภิกษุเหล่านั้น ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติ เพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออัตถะ ประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่เทวดา และ มนุษย์ทั้งหลาย ทั้งย่อมประสบบุญเป็นอันมาก และย่อมดำรงสัทธรรมนี้ไว้มั่น ฯ
[๑๓๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวก
ที่แสดงลหุกาบัติว่า เป็นลหุกาบัติ ฯลฯ
ที่แสดงครุกาบัติว่า เป็นครุกาบัติ ฯลฯ
ที่แสดงอาบัติชั่วหยาบว่า อาบัติชั่วหยาบ ฯลฯ
ที่แสดงอาบัติไม่ชั่วหยาบว่า อาบัติไม่ชั่วหยาบ ฯลฯ
ที่แสดงอาบัติที่มีส่วนเหลือว่า อาบัติมีส่วนเหลือ ฯลฯ
ที่แสดงอาบัติไม่มีส่วนเหลือว่า อาบัติไม่มีส่วนเหลือ ฯลฯ
ที่แสดงอาบัติทำคืนได้ว่า อาบัติทำคืนได้ ฯลฯ
ที่แสดงอาบัติทำคืนไม่ได้ว่า อาบัติทำคืนไม่ได้
ภิกษุเหล่านั้น ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติ
เพื่อประโยชน์เกื้อกูลเพื่อความสุขแก่ชน เป็นอันมาก เพื่ออัตถะประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่เทวดา และมนุษย์ ทั้งหลาย ทั้งย่อมประสบบุญเป็นอันมาก และย่อมดำรงสัทธรรมนี้ไว้มั่น
จบวรรคที่ ๑๒ |