ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๘ สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค หน้าที่ ๓๙๕
วัจฉสูตร
[๗๙๔] ครั้งนั้นแล วัจฉโคตรปริพาชกได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ โลกเที่ยงหรือ
พระผู้มีพระภาคตอบว่า
ดูกรวัจฉะปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาที่ เราไม่พยากรณ์ ฯลฯ
ว. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีก ก็หามิได้หรือ ฯ
พ. ดูกรวัจฉะ แม้ปัญหาข้อนี้ก็เป็นปัญหาที่ เราไม่พยากรณ์อีกเหมือนกัน ฯ
ว. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อะไรเล่า เป็นเหตุเป็นปัจจัย ให้พวกปริพาชกผู้ถือลัทธิอื่น เมื่อถูกถามอย่างนั้นแล้ว พยากรณ์อย่างนี้ว่า โลกเที่ยงบ้าง ฯลฯ
สัตว์เบื้องหน้า แต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้บ้าง
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อะไรเล่า เป็นเหตุเป็นปัจจัย ให้พระโคดมผู้เจริญ เมื่อถูกทูลถามอย่างนั้นแล้ว ไม่ทรงพยากรณ์อย่างนี้ว่าโลกเที่ยงก็ดี ฯลฯ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้ก็ดี ฯ
[๗๙๕] พ. ดูกรวัจฉะ พวกปริพาชกผู้ถือลัทธิอื่น
ย่อมเห็นรูปโดย ความเป็นตน ย่อมเห็นตนว่ามีรูป
ย่อมเห็นรูปในตน หรือย่อมเห็นตนในรูป ฯลฯ
ย่อมเห็นวิญญาณ โดยความเป็นตน ย่อมเห็นตนว่ามีวิญญาณ
ย่อมเห็นวิญญาณในตน หรือย่อมเห็นตนในวิญญาณ
เพราะฉะนั้นพวกปริพาชกผู้ถือลัทธิอื่น เมื่อถูกถามอย่างนั้นแล้ว จึงพยากรณ์อย่างนี้ว่า โลกเที่ยงบ้าง ฯลฯ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีก ก็หามิได้บ้าง
ดูกรวัจฉะส่วนพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ย่อมไม่เห็นรูปโดย ความเป็นตน
ย่อมไม่เห็นตนว่ามีรูป
ย่อมไม่เห็นรูปในตน หรือ
ย่อมไม่เห็นตนในรูป ฯลฯ
ย่อมไม่เห็นวิญญาณโดยความเป็นตน
ย่อมไม่เห็นตนว่ามีวิญญาณ
ย่อมไม่เห็นวิญญาณในตน หรือ
ย่อมไม่เห็นตนในวิญญาณ
เพราะฉะนั้น
เมื่อตถาคตถูกถามอย่างนั้น จึงไม่พยากรณ์อย่างนี้ว่าโลกเที่ยงก็ดี ฯลฯ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้ก็ดี ฯ
วัชชะเข้าหาพระโมคคัลลานะ
[๗๙๖] ครั้งนั้นแล วัจฉโคตรปริพาชกลุกขึ้นจากที่นั่งแล้ว ได้เข้าไปหาท่าน พระมหา โมคคัลลานะถึงที่อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระมหาโมคคัลลานะ ครั้นผ่าน การปราศรัย พอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้ถามท่าน พระมหาโมคคัลลานะว่า
ดูกรท่านโมคคัลลานะ โลกเที่ยงหรือ ท่านพระมหาโมคคัลลานะตอบว่า
ดูกรวัจฉะ ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาที่พระผู้มีพระภาคไม่ทรงพยากรณ์ ฯลฯ
ว. ดูกรท่านโมคคัลลานะ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีกก็หามิได้
ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้หรือ ฯ
พ. ดูกรวัจฉะ แม้ปัญหาข้อนี้ก็เป็นปัญหาที่พระผู้มีพระภาคไม่ทรงพยากรณ์ อีกเหมือนกัน ฯ
ว. ดูกรท่านโมคคัลลานะ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พวกปริพาชก ผู้ถือลัทธิอื่น เมื่อถูกถามอย่างนั้น ย่อมพยากรณ์อย่างนี้ว่า โลกเที่ยงบ้าง ฯลฯ
สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้บ้าง
ดูกรท่านโมคคัลลานะ ก็อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พระสมณโคดม เมื่อถูกทูลถามอย่างนั้นแล้ว ย่อมไม่ทรงพยากรณ์อย่างนี้ว่า โลกเที่ยงก็ดี ฯลฯ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้ก็ดี ฯ
[๗๙๗] ดูกรวัจฉะ พวกปริพาชกผู้ถือลัทธิอื่น
ย่อมเห็นรูป โดยความเป็นตน
ย่อมเห็นตนว่ามีรูป
ย่อมเห็นรูปในตน หรือ
ย่อมเห็นตนในรูป ฯลฯ
ย่อมเห็นวิญญาณโดยความเป็นตน
ย่อมเห็นตนว่ามีวิญญาณ
ย่อมเห็นวิญญาณในตน หรือ
ย่อมเห็นตนในวิญญาณ
เพราะฉะนั้นพวกปริพาชกผู้ถือลัทธิอื่น
เมื่อถูกถามอย่างนั้น จึงพยากรณ์อย่างนี้ว่า โลกเที่ยงบ้าง ฯลฯ
สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีก ก็หามิได้บ้าง
ดูกรวัจฉะ ส่วนพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ย่อมไม่ทรงเห็นรูป โดยความเป็นตน
ย่อมไม่ทรงเห็นตนว่ามีรูป
ย่อมไม่ทรงเห็นรูปในตน หรือ
ย่อมไม่ทรงเห็นตนในรูป ฯลฯ
ย่อมไม่ทรงเห็นวิญญาณโดยความเป็นตน
ย่อมไม่ทรงเห็นตนว่ามีวิญญาณ
ย่อมไม่ทรงเห็นวิญญาณในตน หรือ
ย่อมไม่ทรงเห็นตนในวิญญาณ
เพราะฉะนั้น เมื่อพระตถาคตถูกทูลถามอย่างนั้น จึงไม่ทรงพยากรณ์อย่างนี้ว่า โลกเที่ยงก็ดี โลกไม่เที่ยงก็ดี
โลกมีที่สุดก็ดี โลกไม่มีที่สุดก็ดี
ชีพก็อันนั้น สรีระก็อันนั้นก็ดี
ชีพเป็นอย่างอื่น สรีระก็เป็นอย่างอื่นก็ดี
สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีกก็ดี
สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมไม่เกิดอีกก็ดี
สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีกก็มี ย่อมไม่เกิดอีกก็มีก็ดี
สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้ ก็ดี ฯ
[๗๙๘] ดูกรท่านโมคคัลลานะ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมี ในข้อที่อรรถกับอรรถ พยัญชนะ กับพยัญชนะ ของศาสดากับของสาวก ย่อมเทียบกันได้ สมกันได้ ไม่ผิดเพี้ยนกัน ในบทที่สำคัญดูกรท่านโมคคัลลานะ เมื่อกี้นี้ข้าพเจ้าได้เข้าไปเฝ้า พระสมณโคดม ได้ทูลถามเรื่องนี้ แม้พระสมณโคดมก็ได้ทรงพยากรณ์เรื่องนี้ ด้วยบทเหล่านี้ ด้วยพยัญชนะ เหล่านี้ แก่ข้าพเจ้า ดุจท่านโมคคัลลานะเหมือนกัน
ดูกรท่านโมคคัลลานะ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมี ในข้อที่อรรถกับอรรถพยัญชนะ กับพยัญชนะ ของศาสดากับของสาวก ย่อมเทียบกันได้ สมกันได้ ไม่ผิดเพี้ยนกัน ในบท ที่สำคัญ ฯ
|