เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
ค้นหาพระสูตร เรียงตามอักษร
 
  มารผู้มีบาป : มารปลอมตัวเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค 926
 
(เนื้อหาพอสังเขป)

สัมพหุลสูตรที่ ๑
มารปลอมตัวเป็นคนแก่ถือไม้เท้า เข้ามาหาภิกษุหนุ่ม ขอให้ภิกษุเสพกามที่เป็น ของมนุษย์
ภิกษุตอบว่า กามเป็นของชัวคราว มีทุกข์มาก มารฟังแล้วไม่ชอบใจ จึงสั่นหน้า แลบลิ้นแล้วหลีกไป ภิกษุนำไปเล่าให้พระผู้มีพระภาค

พระองค์ตรัสว่า นั้นมิใช่พราหมณ์ เป็นมารผู้มีบาป มาเพื่อกำบังตา เธอทั้งหลาย


สมิทธิสูตรที่ ๒
มารผู้มีบาปทราบความในจิตของท่านสมิทธิ ว่าเป็นลาภของเราดีแท้ ที่เราได้พระอรหันต์ ผู้ตรัสรู้เอง โดยชอบ เป็น พระศาสดาของเรา เป็นลาภของเรา ครั้นแล้วมาร จึงทำเสียงดังน่ากลัวน่าหวาดเสียว ประดุจแผ่นดินจะถล่ม ณ ที่ใกล้ท่านสมิทธิ จึงนำความไปเล่าให้พระองค์
ทรงตรัสว่า นั้นไม่ใช่แผ่นดินจะถล่ม นั้น เป็นมาร ผู้มีบาปมาเพื่อกำบังตาเธอ

 
 


ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๕ สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค หน้าที่ ๑๔๖


สัมพหุลสูตรที่ ๑
(มารปลอมตัวเป็นคนแก่ถือไม้เท้า เข้ามาหาภิกษุหนุ่ม ขอให้ภิกษุเสพกามที่เป็น ของมนุษย์ ภิกษุตอบว่ากามเป็นของชัวคราว มีทุกข์มาก มารฟังแล้วไม่ชอบใจ จึงสั่นหน้า แลบลิ้นแล้วหลีกไป ภิกษุนำไปเล่าให้พระผู้มีพระภาค พระองค์ตรัสว่า นั้นมิใช่พราหมณ์ นั้นเป็นมารผู้มีบาป มาเพื่อกำบังตาเธอทั้งหลาย)

          [๔๗๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ที่นครศิลาวดี ในแคว้นสักกะ ฯ ก็สมัยนั้นแล ภิกษุมากด้วยกัน เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตน อันส่งไปแล้วอยู่ในที่ใกล้พระผู้มีพระภาค

          [๔๗๙] ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปนิรมิตเพศเป็นพราหมณ์มุ่นชฎาใหญ่ นุ่ง หนังเสือ เป็นคนแก่หลังโกง หายใจเสียงดังครืดคราด ถือไม้เท้าทำด้วยไม้มะเดื่อ เข้าไปหาภิกษุเหล่านั้นถึงที่อยู่ ครั้นแล้วจึงกล่าวกะภิกษุเหล่านั้นว่า ท่านบรรพชิตผู้  เจริญทั้งหลายล้วนแต่เป็นคนหนุ่มกระชุ่มกระชวย มีผมดำ ประกอบด้วยความหนุ่มแน่น ยังไม่เบื่อในกามารมณ์ทั้งหลายด้วยปฐมวัย ขอท่านจงบริโภคกามอันเป็น ของมนุษย์ อย่าละผลอันเห็นเอง วิ่งไปสู่ผลชั่วคราวเลย

    ภิกษุเหล่านั้นตอบว่า ดูกรพราหมณ์ พวกเราย่อมไม่ละผลอันเห็นเอง วิ่งไปสู่ผล ชั่วคราวแต่เราทั้งหลาย ละผลชั่วคราว วิ่งไปสู่ผลอันเห็นเอง ดูกรพราหมณ์ เพราะว่า กามทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคตรัสว่าเป็นของชั่วคราว มีทุกข์มาก มีความคับแค้นมาก โทษในกามทั้งหลายมีโดยยิ่ง ธรรมนี้มีผลอันเห็นเอง ให้ผลไม่จำกัดกาล เป็นของควร เรียกกันมาดู ควรน้อมมาไว้ในตน อันวิญญูชน ทั้งหลายพึงรู้ได้เฉพาะตน

    เมื่อภิกษุเหล่านั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว มารผู้มีบาปจึงสั่นศีรษะ แลบลิ้น ทำหน้าขมวด เป็นสามรอย จดจ้องไม้เท้าหลีกไป

          [๔๘๐] ครั้งนั้นแล ภิกษุเหล่านั้นเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ ถวาย อภิวาทพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ภิกษุเหล่านั้นครั้นนั่งแล้ว จึงกราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า พระเจ้าข้า ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นผู้ไม่ประมาท บำเพ็ญความเพียร มีตนอันส่งไปแล้ว อยู่ในที่ใกล้พระองค์ ณ ที่นี้ พระเจ้าข้า มีพราหมณ์คนหนึ่ง มุ่นชฎาใหญ่ นุ่งหนังเสือ เป็นคนแก่ หลังโกง หายใจเสียงดัง ครืดคราด ถือไม้เท้าทำด้วยไม้มะเดื่อ เข้าไปหาข้าพระองค์ยังที่อยู่

      ครั้นแล้วได้กล่าวกะข้าพระองค์ว่า ท่านบรรพชิตผู้เจริญทั้งหลาย ล้วนแต่เป็น คนหนุ่มกระชุ่มกระชวย มีผมดำ ประกอบด้วยความหนุ่มแน่น ยังไม่เบื่อใน กามารมณ์ ทั้งหลายด้วยปฐมวัย ขอท่านจงบริโภคกามอันเป็นของมนุษย์ อย่าละ ผลอันเห็นเอง วิ่งไปสู่ผลชั่วคราวเลยพระเจ้าข้า เมื่อพราหมณ์กล่าวอย่างนี้แล้ว พวกข้าพระองค์ ได้กล่าวกะพราหมณ์นั้นว่า ดูกรพราหมณ์พวกเราย่อมไม่ละผล อันเห็นเอง วิ่งไปสู่ผล ชั่วคราว แต่พวกเราละผลชั่วคราว วิ่งไปสู่ผลอันเห็นเอง

      ดูกรพราหมณ์ เพราะกามทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคตรัสว่า เป็นของชั่วคราว มี ทุกข์มาก มีความคับแค้นมาก โทษในกามทั้งหลายนั้นมีโดยยิ่ง ธรรมนี้มีผลอัน เห็นเอง ให้ผลไม่จำกัดกาล เป็นของควรเรียกมาดู ควรน้อมไว้ในตน อันวิญญูชน ทั้งหลายพึงรู้เฉพาะตน พระเจ้าข้า เมื่อข้าพระองค์กล่าวอย่างนี้แล้ว พราหมณ์นั้นสั่นศีรษะ แลบลิ้น ทำหน้าขมวดเป็นสามรอย จดจ้องไม้เท้าหลีกไป

          [๔๘๑] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย นั้นมิใช่พราหมณ์   นั้นเป็นมารผู้มีบาป มาเพื่อกำบังตาเธอทั้งหลาย

    ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนั้นแล้ว จึงภาษิตพระคาถา นี้ในเวลานั้นว่าผู้ใดได้เห็นทุกข์มีกามเป็นเหตุแล้ว ไฉนผู้นั้นจะพึงน้อมใจไปในกามเล่า บุคคลผู้ทราบอุปธิว่า เป็นเครื่องข้องอยู่ในโลกแล้ว พึงศึกษาเพื่อกำจัดอุปธินั้นเสีย

สมิทธิสูตรที่ ๒
(มารผู้มีบาปทราบความในจิตของท่านสมิทธิ ว่าเป็นลาภของเราดีแท้ ที่เราได้พระอรหันต์ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ เป็น พระศาสดาของเรา เป็นลาภของเรา ครั้นแล้วมาร จึงทำเสียงดังน่ากลัวน่าหวาดเสียว ประดุจแผ่นดินจะถล่ม ณ ที่ใกล้ท่านสมิทธิ จึงนำความไปเล่าให้พระองค์ ทรงตรัสว่า นั้นไม่ใช่แผ่นดินจะถล่ม นั้น เป็นมาร ผู้มีบาปมาเพื่อกำบังตาเธอ )

          [๔๘๒] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ กรุง ศิลาวดี ในแคว้นสักกะ ฯ ก็สมัยนั้นแล ท่านสมิทธิเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนอัน ส่งไปแล้ว อยู่ในที่ใกล้พระผู้มีพระภาค

    ครั้งนั้นแล ท่านสมิทธิผู้พักผ่อนอยู่ในที่ลับ มีความปริวิตกแห่งจิตเกิดขึ้นอย่างนี้ว่า เป็นลาภของเราดีแท้ ที่เราได้พระอรหันต์ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ เป็น พระศาสดาของเรา เป็นลาภของเรา ดีแท้ที่เราได้บวชในพระธรรมวินัย อัน พระศาสดาตรัสดีแล้วอย่างนี้ เป็นลาภของเราดีแท้ที่เราได้เพื่อนพรหมจรรย์อันมี  ศีลมีกัลยาณธรรม

          [๔๘๓] ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปทราบความปริวิตกแห่งจิต ของท่านสมิทธิ ด้วยจิตแล้วเข้าไปหาท่านสมิทธิถึงที่อยู่ ครั้นแล้ว จึงทำเสียงดังน่ากลัวน่าหวาดเสียว ประดุจแผ่นดินจะถล่มณ ที่ใกล้ท่านสมิทธิ

          [๔๘๔] ลำดับนั้น ท่านสมิทธิเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ ถวาย อภิวาทพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่ควรข้างหนึ่ง ท่านสมิทธิครั้นนั่ง ณที่ควร ข้างหนึ่ง แล้วแล จึงได้กราบทูลว่า พระเจ้าข้า ข้าพระองค์เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนอันส่งไปแล้วอยู่ในที่ใกล้พระองค์ ณ ที่นี้ พระเจ้าข้า ข้าพระองค์อยู่ในที่ลับเร้น มีความปริวิตกแห่งจิตเกิดขึ้นอย่างนี้ว่า เป็นลาภของ เราดีแท้ที่เราได้พระอรหันต์ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ เป็นพระศาสดาของเราเป็นลาภ   ของเราดีแท้ที่เราได้บวช ในพระธรรมวินัย อันพระศาสดาตรัสดีแล้วอย่างนี้ เป็นลาภของเราดีแท้ที่เราได้เพื่อน พรหมจรรย์ อันมีศีลมีกัลยาณธรรม พระเจ้าข้า ขณะนั้น ก็ได้มีเสียงดังน่ากลัว น่าหวาด เสียวประดุจแผ่นดินจะถล่ม เกิดขึ้นใน  ที่ใกล้ข้าพระองค์

          [๔๘๕] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า สมิทธิ นั้นไม่ใช่แผ่นดินจะถล่มนั้น เป็นมาร ผู้มีบาปมาเพื่อกำบังตาเธอ เธอจงไปเถิด สมิทธิจงเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนอันส่งไปแล้วอยู่ในที่นั้นตามเดิมเถิด

    ท่านสมิทธิรับพระดำรัสแล้วลุกขึ้นจากอาสนะ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณแล้วหลีกไป

          [๔๘๖] แม้ครั้งที่สอง ท่านสมิทธิเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตน  อันส่งไปแล้วอยู่ในที่นั้นนั่นเอง แม้ในครั้งที่สอง ท่านสมิทธิไปในที่ลับเร้นอยู่ มีความปริวิตกเกิดขึ้นอย่างนี้ฯลฯ แม้ในครั้งที่สอง มารผู้มีบาปทราบความปริวิตก แห่งจิตของท่านสมิทธิ ด้วยจิตแล้ว ฯลฯ จึงทำเสียงดังน่ากลัว น่าหวาดเสียว  ประดุจแผ่นดินจะถล่ม ณ ที่ใกล้ท่านสมิทธิ

          [๔๘๗] ลำดับนั้น ท่านสมิทธิทราบว่า ผู้นี้เป็นมารผู้มีบาป จึงกล่าวกะ มาร ผู้มีบาปด้วยคาถาว่าเราหลีกออกจากเรือน บวชเป็นผู้ไม่มีเรือนด้วยศรัทธา สติและ ปัญญาของเรา เรารู้แล้ว อนึ่ง จิตของเราตั้งมั่นดีแล้ว ท่านจักบันดาลรูปต่างๆ อันน่ากลัวอย่างไร ก็จักไม่ยังเราให้หวาดกลัวได้เลยโดยแท้

 

    

 
 
พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90  
 
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์
อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
 
   
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน อานา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์