(เนื้อหาพอสังเขป)
ภิกษุฆ่าตัวตาย….
ครั้งนั้นพระองค์ทรงแสดง อสุภกถา ทรงสรรเสริญคุณแห่งการเจริญ อุสภกัมมัฏฐาน ทรงพรรณนา คุณอสุภ สมาบัติเนืองๆ แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า เราจะหลีกออกเร้นอยู่ตลอดกึ่งเดือน ใครๆอย่า เข้าไปหาเรา นอกจากภิกษุผู้นำบิณฑบาตเข้าไปให้รูปเดียว
ภิกษุเหล่านั้นสนทนากัน ว่าเราจะพากันประกอบความเพียร ในการเจริญอสุภกัมมัฏฐานหลาย อย่าง หลายกระบวนอยู่ ภิกษุเหล่านั้นจึงรู้สึก อึดอัด ระอา เกลียดชัง ร่างกายของตน ดุจมีศพงู ซากศพ สุนัข หรือซากศพมนุษย์ มาคล้องอยู่ที่คอ รู้สึกสะอิดสะเอียน
จึงปลงชีวิตตนเองบ้าง วานกันและกัน ให้ปลงชีวิตบ้าง บางเหล่าก็เข้าไปหา มิคลัณฑิกสมณกุตตก์ ว่าพ่อคุณขอท่านได้ปลงชีวิตพวกฉันที บาตรจีวรนี้จักเป็นของท่าน
ครั้งนั้นมิคลัณฑิกฯ กำลังล้างดาบที่เปื้อนเลือด รู้สึกกังวลใจว่า ไม่ใช่ลาภของเราหนอ ลาภของเรา ไม่มีหนอ เราได้ชั่วแล้วหนอ เราไม่ได้ดีแล้วหนอ เราสร้างบาปไว้มากจริงหนอ เพราะเราได้ปลงชีวิต ภิกษุผู้มีศีล
ขณะนั้นเทพดาตนหนึ่ง ผู้นับเนื่องในหมู่มาร เดินมาบนน้ำมิได้แตก ได้กล่าวคำนี้ กะเขา ว่าดีแล้ว ดีแล้วท่านสัตบุรุษ เป็นลาภท่าน ท่านได้ดีแล้ว ท่านได้สร้างสมบุญไว้มาก เพราะท่านได้ช่วยส่งคน ที่ยังข้ามไม่พ้น ให้ข้ามพ้นได้
ครั้นมิคลัณฑิกฯ ทราบว่าเป็นลาภของเรา เราได้ดีแล้ว ส่งคนที่ยังข้ามไม่พ้นให้ข้ามพ้นได้ จึงถือดาบ อันคม เข้าไปสู่วิหาร แล้วกล่าวว่า “ใครยังข้ามไม่พ้น ข้าพเจ้าจะช่วยส่ง ให้ข้ามพ้น”
บรรดาภิกษุที่ยังไม่ปราศจากราคะ ความกลัว ความหวาดเสียว ความสยอง ย่อมมีแก่ภิกษุเหล่านั้น ส่วนภิกษุที่ ปราศจากราคะแล้ว ความกลัวความหวาดเสียว ความสยองย่อมไม่มีแก่ภิกษุเหล่านั้น
ครั้งนั้นมิคลัณฑิกฯ ปลงชีวิตภิกษุ วันละ ๑ รูปบ้าง ๒ รูปบ้าง ๓ รูปบ้าง ๔ รูปบ้าง ๕ รูปบ้าง ๖ รูปบ้าง ๗ รูปบ้าง ๘ รูปบ้าง ๙ รูปบ้าง๑๐ รูปบ้าง ๒๐ รูปบ้าง ๓๐ รูปบ้าง ๔๐ รูปบ้าง ๕๐ รูปบ้าง ๖๐ รูปบ้าง.
ครั้นล่วงกึ่งเดือน พระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากที่เร้น รับสั่งถามท่านพระอานนท์ว่า เหตุไฉนหนอ ภิกษุสงฆ์จึงดูน้อย
ท่านพระอานนท์กราบทูลว่า จริงอย่างนั้น จึงเล่าความจริงให้ฟัง....
พระผู้มีพระภาคทรงติเตียนว่า การกระทำของภิกษุเหล่านั้นไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใส ของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใส ยิ่งของผู้ที่เลื่อมใสแล้ว
ครั้นพระผู้มีพระภาคทรงติเตียนภิกษุเหล่านั้นแล้ว จึงทรงติโทษ แห่งความเป็นคนเลี้ยงยาก ความเป็นคน บำรุงยาก ความเป็นคนมักมาก ความเป็นคน ไม่สันโดษ
…ทรงสรรเสริญคุณแห่งความเป็นคนเลี้ยงง่ายความเป็นคนบำรุงง่าย ความเป็นคนมักน้อย ความเป็นคนสันโดษ แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
เพราะเหตุนั้นแล เราจักบัญญัติสิกขาบทแก่ภิกษุทั้งหลาย อาศัย อำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ
๑.เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์
๒.เพื่อความสำราญแห่งสงฆ์
๓.เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก
๔.เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก
๕.เพื่อป้องกันอาสวะอันจะบังเกิดในปัจจุบัน
๖.เพื่อกำจัดอาสวะจักบังเกิดในอนาคต
๗.เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส
๘.เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว
๙.เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม
๑๐. เพื่อถือตามพระวินัย
พระปฐมบัญญัติ
อนึ่ง ภิกษุใดจงใจพรากกายมนุษย์จากชีวิต หรือแสวงหาศัสตรา อันจะปลิดชีวิตให้แก่กายมนุษย์นั้น แม้ภิกษุนี้ก็เป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้ (ให้สึก - อยู่ร่วมกับสงฆ์ไม่ได้ ต้อง- ขับออกจากวัด)
|