ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค หน้าที่ ๙๗ ข้อที่ ๒๔๑
กวฬิงการาหาร จะพึงเห็นได้อย่างไร
(การละสังโยชน์ ที่เป็นเหตุให้ กลับมายังโลกนี้อีก)
ภิกษุทั้งหลาย ก็อาหารคือคำข้าว จะพึงเห็นได้อย่างไร
ภิกษุทั้งหลาย เหมือนอย่างว่า ภรรยาสามี ๒ คนถือเอาเสบียงเดินทางเล็กน้อย แล้วออกเดินไปสู่ทาง กันดารเขาทั้งสองมีบุตรน้อยๆ น่ารักน่าพอใจอยู่คนหนึ่ง เมื่อขณะทั้งสองคนกำลังเดินไปในทาง กันดารอยู่
เสบียงเดินทางที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยนั้นได้หมดสิ้นไป แต่ทางกันดารนั้นยังเหลืออยู่ เขาทั้งสองยังข้าม พ้นไปไม่ได้ครั้งนั้น เขาทั้งสองคนคิดตกลงกันอย่างนี้ว่า เสบียงเดินทางของเราทั้งสอง อันใดแล มีอยู่เล็กน้อย เสบียงเดินทางอันนั้น ก็ได้หมดสิ้นไปแล้ว แต่ทางกันดารนี้ยังเหลืออยู่ เรายังข้ามพ้น ไปไม่ได้
อย่ากระนั้นเลย เราสองคนมาช่วยกันฆ่าบุตรน้อยๆคนเดียว ผู้น่ารัก น่าพอใจ คนนี้เสีย ทำให้เป็นเนื้อเค็ม และเนื้อย่าง เมื่อได้บริโภคเนื้อบุตร จะได้พากันเดิน ข้ามพ้นทาง กันดารที่ยังเหลืออยู่นั้น ถ้าไม่เช่นนั้น เราทั้งสามคนต้องพากันพินาศ หมดแน่
ครั้งนั้นภรรยาสามีทั้งสองคนนั้น ก็ฆ่าบุตรน้อยๆ คนเดียวผู้น่ารัก น่าพอใจนั้นเสีย ทำให้เป็นเนื้อเค็ม และเนื้อย่าง เมื่อบริโภคเนื้อบุตรเสร็จ ก็พากันเดินข้ามทางกันดาร ที่ยังเหลืออยู่นั้น
เขาทั้งสองคน รับประทานเนื้อบุตรพลาง ค่อนอกพลางรำพันว่า ลูกชายน้อยๆคนเดียว ของฉันไปไหนเสีย ลูกชายน้อยๆคนเดียวของฉันไปไหนเสีย ดังนี้
ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นอย่างไร คือว่าเขาได้บริโภค เนื้อบุตร ที่เป็นอาหาร เพื่อความคะนองหรือเพื่อความมัวเมา หรือเพื่อความตกแต่ง หรือเพื่อความประดับประดา ร่างกายใช่ไหม.
หามิได้ พระเจ้าข้า.
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเช่นนั้น เขาพากันรับประทานเนื้อบุตรเป็นอาหาร เพียงเพื่อข้ามพ้น ทางกันดาร ใช่ไหม.
ใช่ พระเจ้าข้า.
ภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้ฉันใด เรากล่าวว่าบุคคลควรเห็นกวฬีการาหารว่า (เปรียบด้วยเนื้อบุตร) ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล
เมื่ออริยสาวกกำหนดรู้กวฬีการาหารได้แล้ว ก็เป็นอันกำหนดรู้ความยินดีซึ่งเกิด แต่เบญจกามคุณ เมื่ออริยสาวกกำหนดรู้ ความยินดี ซึ่งเกิดแต่เบญจกามคุณได้แล้ว สังโยชน์อันเป็นเครื่องชักนำอริยสาวก ให้มาสู่โลกนี้ อีกก็ไม่มี. |