(เนื้อหาพอสังเขป)
ติกรรณ-พราหมณ์ เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค พระองค์ตรัสถามว่า วิชชา๓ ของพราหมณ์เป็นเช่นใร
วิชชา ๓ แบบของพราหมณ์
ติ. พราหมณ์ในโลกนี้
1. เป็นอุภโตสุชาติ ข้างฝ่ายมารดา และ บิดา มีครรภ์เป็นที่ถือปฏิสนธิสะอาดดีตลอด ๗ ชั่วบรรพบุรุษ
ไม่มีใครจะคัดค้าน ติเตียนได้ ด้วยอ้างถึงชาติ เป็นผู้เล่าเรียน ทรงจำมนต์
2.รู้จบไตรเพท พร้อมทั้งคัมภีร์ นิฆัณฑุ คัมภีร์เกฏุภะ พร้อมทั้งประเภทอักษร มีคัมภีร์ อิติหาสเป็นที่ ๕ เป็นผู้เข้าใจตัวบท
3. เข้าใจไวยากรณ์ ชำนาญในคัมภีร์ โลกายตะ และตำราทายมหาปุริสลักษณะ
วิชชา ๓ ในอริยวินัย
(บรรลุฌาน ๑-๔)
ดูกรพราหมณ์ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจาก อกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตกวิจาร มีปีติและสุข เกิดแต่วิเวก อยู่ บรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุข เกิดแต่สมาธิอยู่ มีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌาน ที่พระอริย ทั้งหลาย สรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข บรรลจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขา เป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่
(บรรลุ บุพเพนิวาสานุสติญาณ)
ภิกษุนั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลสอ่อน ควรแก่ การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวอย่างนี้ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่อ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ เธอย่อมระลึกชาติก่อนๆ ได้เป็นอันมาก คือ ระลึกได้ชาติหนึ่งบ้าง สองชาติบ้าง.... ด้วยประการฉะนี้ วิชชาข้อแรก เป็นอันเธอได้บรรลุแล้ว ดังนี้
(บรรลุ จุตูปปาตญาณ-ทิพย์จักษุ)
ภิกษุนั้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อนควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้ ย่อมโน้มน้อมจิตไป เพื่อรู้จุติ และอุปบัติของสัตว์ทั้งหลาย เธอเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุ อันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ด้วยทิพยจักษุ อันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ ผู้เป็นไปตามกรรม ด้วยประการฉะนี้ วิชชาข้อที่สอง ย่อมเป็นอันเธอได้บรรลุแล้ว ดังนี้
(บรรลุอาสวักขยญาณ)
ภิกษุนั้นเมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลสอ่อนควรแก่การงาน ตั้งมั่นไม่หวั่นไหว อย่างนี้ ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่ออาสวักขยญาณ ย่อมรู้ชัด ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์นี้ ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินี เมื่อจิตหลุดพ้น แล้ว ก็มีญาณหยั่งรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี วิชชาข้อที่สาม ย่อมเป็นอัน เธอได้บรรลุแล้ว ดังนี้
|