เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
 
ค้นหาคำที่ต้องการ          

 
  ชัปปสูตร วัจฉ-ปริพาชกเข้าเฝ้า ทูลถามการให้ทานตามที่รับฟังมา 795
 
(เนื้อหาพอสังเขป)

วัจฉ-ปริพาชก เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ได้กราบทูลเรื่องที่ได้สดับมาว่า
พระสมณโคดมตรัสว่า
   1.พึงให้ทานแก่เราคนเดียวไม่ควรให้แก่คนอื่นๆ
   2.พึงให้แก่สาวกของเรานี้แหละ ไม่ควรให้ทานแก่สาวกของคนอื่นๆ
   3.ทานที่ให้แก่เราเท่านั้นมีผลมาก ที่ให้แก่คนอื่นๆ หามีผลมากไม่
   4.ทานที่ให้แก่สาวกของเราเท่านั้นมีผลมาก ที่ให้แก่สาวกของคนอื่นๆหามีผลมากไม่

วัชชะ ผู้นั้นชื่อว่าไม่พูดตามที่เราพูด ทั้งกล่าวตู่เราด้วยคำ อันไม่ดี ไม่เป็นจริง ผู้นั้นชื่อว่า ย่อม กระทำอันตราย แก่วัตถุ ๓ อย่างเป็นโจรดักปล้น วัตถุ ๓ อย่าง คือ
   ย่อมทำอันตรายแก่บุญ ของทายก ๑
   ย่อมทำอันตรายแก่ลาภของปฏิคาหก ๑
   ตนของบุคคลนั้น ย่อมเป็นอันถูกกำจัด และถูกทำลายก่อนทีเดียวแล ๑

ดูกรวัจฉะ ก็เราพูดเช่นนี้ว่าผู้ใด สาดน้ำล้างภาชนะ หรือน้ำล้างขันไป แม้ที่สัตว์ ซึ่งอาศัยอยู่ที่บ่อน้ำ คลำ หรือที่ บ่อโสโครกข้างประตูบ้าน ด้วยตั้งใจว่าสัตว์ที่อาศัย อยู่ในที่นั้น จงยังอัตภาพให้เป็นไป ด้วยสิ่งนั้นเถิด ดังนี้

ดูกรวัจฉะ เ
รากล่าวกรรมซึ่งมีการลาดน้ำล้างภาชนะนั้นเป็นเหตุว่า เป็นที่มาแห่งบุญ จะป่วยกล่าวไปไย ถึงในสัตว์มนุษย์เล่า

ดูกรวัจฉะ เราย่อมกล่าวว่า ทานที่ให้แก่ท่านผู้มีศีล มีผลมาก ที่ให้ในคนทุศีล หาเหมือนเช่นนั้นไม่ ทั้งท่านผู้มีศีลนั้นเป็นผู้ละองค์ ๕ ได้แล้ว ประกอบด้วยองค์ ๕ ละองค์ ๕ เหล่าไหนได้ คือ ละกามฉันทะ ๑ พยาบาท ๑ ถีนมิทธะ ๑ อุทธัจจกุกกุจจะ ๑ วิจิกิจฉา ๑ ท่านผู้มีศีลละองค์ ๕ นี้ได้แล้ว

ประกอบด้วยองค์ ๕ เป็นไฉน คือ
   ประกอบด้วย ศีลขันธ์ ที่เป็นของพระอเสขะ ๑
   ประกอบด้วย สมาธิขันธ์ ที่เป็นของพระอเสขะ ๑
   ประกอบด้วย ปัญญาขันธ์ ที่เป็นของพระอเสขะ ๑
   ประกอบด้วย วิมุตติขันธ์ ที่เป็นของพระอเสขะ ๑
   ประกอบด้วย วิมุตติญาณทัสสนขันธ์ ที่เป็นของพระอเสขะ ๑

ท่านผู้มีศีล ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้เรากล่าวว่า ทานที่ให้ในท่านที่ละองค์ ๕ ได้
ประกอบด้วยองค์ ๕ ดังกล่าวมา มีผลมาก


 
 

ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต หน้าที่ ๑๕๕

ชัปปสูตร


         [๔๙๗] ครั้งนั้นแล ปริพาชกผู้วัจฉโคตร ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว นั่งลง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

ครั้นแล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับมาว่า
พระสมณโคดมตรัสว่า
พึงให้ทานแก่เราคนเดียว
ไม่ควรให้แก่คนอื่นๆ
พึงให้แก่สาวกของเรานี้แหละ ไม่ควรให้ทานแก่สาวกของคนอื่นๆ
ทานที่ให้แก่เราเท่านั้นมีผลมาก ที่ให้แก่คนอื่นๆ หามีผลมากไม่
ทานที่ให้แก่สาวกของเราเท่านั้นมีผลมาก ที่ให้แก่สาวกของคนอื่นๆหามีผลมากไม่

ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ชนเหล่าใดได้กล่าวไว้เช่นนี้พระสมณโคดมตรัสว่า พึงให้ทาน แก่เราคนเดียว ไม่ควรให้แก่คนอื่นๆ พึงให้ทานแก่สาวกของเรานี่แหละ ไม่ควรให้แก่สาวกของคนอื่น ทานที่ให้แก่เราเท่านั้นมีผลมาก ที่ให้แก่คนอื่น หามีผลมากไม่ ทานที่ให้แก่สาวกของเราเท่านั้นมีผลมาก ที่ให้แก่สาวกของคนอื่น หามีผลไม่ ดังนี้ ชนเหล่านั้นชื่อว่า พูดตามที่ท่านพระโคดมตรัส ไม่พูดตู่ ท่านพระโคดมด้วยคำไม่เป็นจริง และชื่อว่าพยากรณ์ธรรมสมควรแก่ธรรม อนึ่ง การคล้อยตามคำพูดที่ชอบธรรมไรๆ ย่อมไม่มาถึงฐานะที่น่าติเตียนแหละหรือ เพราะข้าพระองค์ไม่ประสงค์ที่จะพูดตู่ ท่านพระโคดมพระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า

ดูกรวัจฉะ ผู้ใดพูดว่า พระ สมณโคดมตรัสว่า พึงให้ทานแก่เราคนเดียว ฯลฯ ทานที่ให้แก่สาวกของคนอื่นๆ หามีผลมากไม่ ดังนี้ผู้นั้นชื่อว่าไม่พูดตามที่เราพูด ทั้งกล่าวตู่เราด้วยคำ อันไม่ดี ไม่เป็นจริง

ดูกรวัจฉะ ผู้ใดแล ห้ามผู้อื่นซึ่งให้ทานอยู่ ผู้นั้นชื่อว่าย่อมกระทำอันตรายแก่วัตถุ ๓ อย่างเป็นโจรดักปล้นวัตถุ ๓ อย่าง

วัตถุ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ
  ย่อมทำอันตรายแก่บุญ ของทายก ๑
  ย่อมทำอันตรายแก่ลาภของปฏิคาหก ๑
  ตนของบุคคลนั้น ย่อมเป็นอันถูกกำจัด และถูกทำลายก่อนทีเดียวแล ๑


ดูกรวัจฉะ ผู้ใดแลห้ามผู้อื่นซึ่งให้ทานอยู่ ผู้นั้นชื่อว่าย่อมทำอันตรายแก่วัตถุ ๓ อย่าง เป็นโจรดักปล้นวัตถุ ๓ อย่างนี้

ดูกรวัจฉะ ก็เราพูดเช่นนี้ว่าผู้ใด สาดน้ำล้างภาชนะ หรือน้ำล้างขันไป แม้ที่สัตว์ ซึ่งอาศัยอยู่ที่บ่อน้ำคลำ หรือที่บ่อโสโครกข้างประตูบ้าน ด้วยตั้งใจว่าสัตว์ที่อาศัย อยู่ในที่นั้น จงยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยสิ่งนั้นเถิด ดังนี้

ดูกรวัจฉะ เรากล่าวกรรมซึ่งมีการลาดน้ำล้างภาชนะนั้นเป็นเหตุว่า เป็นที่มาแห่งบุญ จะป่วยกล่าวไปไยถึงในสัตว์มนุษย์เล่า

ดูกรวัจฉะ อีกประการหนึ่ง เราย่อมกล่าวว่า ทานที่ให้แก่ท่านผู้มีศีลมีผลมาก ที่ให้ในคนทุศีล หาเหมือนเช่นนั้นไม่ ทั้งท่านผู้มีศีลนั้นเป็นผู้ละองค์ ๕ ได้แล้ว ประกอบด้วยองค์ ๕ ละองค์ ๕ เหล่าไหนได้ คือ ละกามฉันทะ ๑ พยาบาท ๑ ถีนมิทธะ ๑ อุทธัจจกุกกุจจะ ๑ วิจิกิจฉา ๑ ท่านผู้มีศีลละองค์ ๕ นี้ได้แล้ว

ประกอบด้วยองค์ ๕ เป็นไฉน คือ
    ประกอบด้วยศีลขันธ์ที่เป็นของพระอเสขะ ๑
    ประกอบด้วยสมาธิขันธ์ ที่เป็นของพระอเสขะ ๑
    ประกอบด้วยปัญญาขันธ์ ที่เป็นของพระอเสขะ ๑
    ประกอบด้วยวิมุตติขันธ์ ที่เป็นของพระอเสขะ ๑
    ประกอบด้วยวิมุตติญาณทัสสนขันธ์ ที่เป็นของพระอเสขะ ๑


ท่านผู้มีศีล ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้เรากล่าวว่า ทานที่ให้ในท่านที่ละองค์ ๕ ได้ ประกอบด้วยองค์ ๕ ดังกล่าวมา มีผลมาก ฯ

โคอุสุภะ ที่เขาฝึกแล้ว นำธุระไป สมบูรณ์ด้วยกำลัง ประกอบด้วยเชาว์อันดี จะเกิดใน สีสรรชนิดใดๆ คือ สีดำ  สีขาว สีแดง สีเขียว สีด่างสี ตามธรรมชาติ ของตนสีเหมือน โคธรรมดา หรือสีเหมือนนกพิลาปก็ดี ชนทั้งหลาย ย่อมเทียมมันเข้าในแอก ไม่ต้องใฝ่ คำนึงถึงสีสรรของมัน ฉันใด

ในหมู่มนุษย์ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ผู้ที่ฝึกตนดีแล้วมีวัตร เรียบร้อย ตั้งอยู่ในธรรมสมบูรณ์ ด้วยศีล พูดแต่คำสัตย์ มีใจประกอบด้วยหิริ ละชาติ และมรณะได้ มีพรหมจรรย์บริบูรณ์ ปลงภาระลงแล้วพ้นกิเลส ทำกิจเสร็จแล้ว หมดอาสวะ รู้จบธรรมทุกอย่างดับสนิทแล้ว
เพราะไม่ถือมั่น ย่อมจะเกิดได้ในสัญชาติ อย่างใดอย่างหนึ่ง ใน บรรดาสัญชาติเหล่านี้ คือ กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร คน

จัณฑาล และ คนเทขยะมูลฝอย ในเขตที่ปราศจากธุลีนั้นแล ทักษิณาย่อมมีผลมาก ส่วนคนพาล ไม่รู้แจ้ง ทรามปัญญา มิได้สดับตรับฟัง ย่อมพากันให้ทานในภายนอก ไม่เข้าไปหาสัตบุรุษ ก็ศรัทธาของผู้ที่เข้าไปหาสัตบุรุษ ผู้มีปัญญายกย่องกันว่า เป็นปราชญ์ หยั่งรากลงตั้งมั่นในพระสุคต และเขาเหล่านั้นย่อมพากันไปเทวโลก หรือมิฉะนั้น ก็เกิดในสกุลในโลกนี้ บัณฑิตย่อมบรรลุนิพพานได้โดยลำดับ ฯ

 
 
พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90  
 
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์
อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
 
   
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน อานา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์