พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ หน้า71-75
752-1 ทรงคอยควบคุมวิตก ก่อนตรัสรู้
ภิกษุ ท. ! ครั้งก่อนแต่การตรัสรู้ เมื่อเรายังไม่ได้ตรัสรู้ ยังเป็นโพธิสัตว์อยู่, ได้เกิดความรู้สึกอันนี้ขึ้นว่า เราพึงทำวิตกทั้งหลายให้เป็นสองส่วนเถิด. ภิกษุ ท. ! เราได้ทำ กามวิตก พ๎ยาปาทวิตก วิหิงสาวิตก สามอย่างนี้ให้เป็นส่วนหนึ่ง, ได้ทำ เนกขัมมวิตก อัพ๎ยาปาทวิตก อวิหิงสาวิตก สามอย่างนี้ ให้เป็นอีกส่วนหนึ่งแล้ว.
ภิกษุ ท. เมื่อเราเป็นผู้ไม่ประมาท มีเพียร มีตนส่งไปอยู่อย่างนี้ กามวิตก เกิดขึ้น เราก็รู้ชัดอย่างนี้ว่า กามวิตกเกิดแก่เราแล้ว กามวิตกนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อเบียด เบียนตนบ้าง เบียดเบียนผู้อื่นบ้าง เบียดเบียนทั้งสองฝ่าย(คือทั้งตนและผู้อื่น)บ้าง เป็นไปเพื่อความดับ แห่งป๎ญญา เป็นฝักฝัายแห่งความคับแค้น ไม่เป็นไปพร้อมเพื่อ นิพพาน.
ภิกษุ ท. เมื่อเราพิจารณาเห็นอยู่.... ฯลฯ.... อย่างนี้ กามวิตกย่อมถึงซึ่งอัน ตั้งอยู่ ไม่ได้. ภิกษุ ท.! เราได้ละและบรรเทากามวิตกอันบังเกิดขึ้นแล้ว และ บังเกิดแล้ว กระทําให้สิ้นสุดได้แล้ว.
ภิกษุ ท. เมื่อเราเป็นผู้ไม่ประมาท มีเพียร มีตนส่งไปอยู่อย่างนี้ พยาปาทวิตกเกิดขึ้น
เราก็รู้ชัดอย่างนี้ว่าพยาปาทวิตก เกิดแก่เราแล้ว
ก็พยาปาทวิตกนั้นย่อม เป็นไป เพื่อเบียดเบียนตนบ้าง เบียดเบียนผู้อื่นบ้าง เบียดเบียนทั้งสองฝ่ายบ้าง เป็นไป เพื่อความ ดับแห่งปัญญา เป็นฝักฝ่ายแห่งความคับแค้น ไม่เป็นไปพร้อม เพื่อนิพพาน.
ภิกษุ ท. เมื่อเราพิจารณาเห็นอย่..ฯลฯ.. อย่างนี้ พยาปาทวิตกย่อมถึงซึ่ง อันตั้งอยู่ ไม่ได้. ภิกษุ ท. เราได้ละ และบรรเทาพยาปาทวิตก อันบังเกิดขึ้นแล้ว และบังเกิดแล้ว กระทําให้สิ้นสุดได้แล้ว.
ภิกษุ ท. เมื่อเราเป็นผู้ไม่ประมาท มีเพียร มีตนส่งไปอยู่อย่างนี้ วิหิงสาวิตกเกิดขึ้น เราก็รู้ชัดอย่างนี้ว่าวิหิงสาวิตกเกิดขึ้นแก่เราแล้ว ก็วิหิงสาวิตกนั้น ย่อมเป็นไป เพื่อ เบียดเบียนตนบ้าง เบียดเบียนผู้อื่นบ้าง เบียดเบียนทั้งสองฝ่ายบ้าง เป็นไปเพื่อ ความดับแห่งปัญญา เป็นฝักฝ่ายแห่งความคับแค้น ไม่เป็นไปพร้อมเพื่อนิพพาน.
ภิกษุ ท. เมื่อเราพิจารณาเห็นอยู่...ฯลฯ..อย่างนี้ วิหิงสาวิตกย่อมถึง ซึ่งอัน ตั้งอยู่ไม่ได้ ภิกษุ ท. เราได้ละและบรรเทาวิหิงสาวิตก อันบังเกิดขึ้นแล้ว และ บังเกิดแล้ว กระทํา ให้สิ้นสุดได้แล้ว
ภิกษุ ท. ภิกษุตรึกตามตรองตามถึงอารมณ์ใดๆมาก จิตย่อมน้อมไปโดยอาการ อย่างนั้นๆ
ถ้าภิกษุตรึกตามตรองตามถึงกามวิตกมาก ก็เป็นอันว่าละเนกขัมมวิตกเสีย กระทําแล้ว อย่างมากซึ่งกามวิตก จิตของเธอนั้นย่อมน้อมไป เพื่อความตรึก ในกาม.
ถ้าภิกษุตรึกตรองตามถึงพยาปทวิตกมาก ก็เป็นอันว่าละอัพยาปาทวิตกเสีย กระทําแล้วอย่างมากซึ่งพยาปาทวิตก จิตของเธอนั้นย่อม น้อมไปเพื่อความตรึก ในการพยาบาท.
ถ้าภิกษุตรึกตามตรองตามถึงวิหิงสาวิตกมาก ก็เป็นอันว่าละอวิหิงสาวิตก เสีย กระทําแล้ว อย่างมากซึ่งวิหิงสาวิตก จิตของเธอนั้นย่อมน้อมไปเพื่อความตรึก ในการ ทําสัตว์ให้ลําบาก.
ภิกษุ ท. เปรียบเหมือนในคราวฤดูสารท คือเดือนสุดท้ายแห่งฤดูฝน คนเลี้ยงโคต้องเลี้ยงฝูงโคในที่แคบเพราะเต็มไปด้วยข้าวกล้า เขาต้องตีต้อน ห้ามกันฝูงโคจาก ข้าวกล้านั้นด้วยท่อนไม้ เพราะเขาเห็นโทษ คือการถูกประหาร การถูกจับกุม การถูกปรับไหม การติเตียน เพราะมีข้าวกล้านั้นเป็นเหตุ ข้อนี้ฉันใด
ภิกษุ ท. ถึงเราก็ฉันนั้น ได้เห็นแล้วซึ่งโทษความเลวทรามเศร้าหมองแห่ง อกุศลธรรมทั้งหลาย เห็นอานิสงส์ในการออกจากกาม ความเป็นฝ๎กฝุายของความ ผ่องแผ้ว แห่งกุศลธรรมทั้งหลาย.
ภิกษุ ท. เมื่อเราเป็นผู้ไม่ประมาท มีเพียร มีตนส่งไปอยู่อย่างนี้
เนกขัมมวิตก ย่อมเกิดขึ้น
อัพยาปาทวิตก ย่อมเกิดขึ้น
อวิหิงสาวิตก ย่อมเกิดขึ้น
เราย่อมรู้แจ้งชัดว่า อวิหิงสาวิตกเกิดขึ้นแก่เราแล้ว ก็อวิหิงสาวิตกนั้น ไม่เป็นไปเพื่อเบียดเบียนตน เบียดเบียนผู้อื่น หรือเบียดเบียนทั้งสองฝ่าย แต่เป็นไป พร้อม เพื่อความ เจริญแห่งปัญญา ไม่เป็นฝักฝ่ายแห่งความคับแค้น เป็นไปพร้อมเพื่อ นิพพาน. แม้เราจะตรึกตาม ตรองตาม ถึงอวิหิงสาวิตกนั้นตลอดคืน ก็มองไม่เห็นภัย ที่จะเกิดขึ้น เพราะอวิหิงสาวิตกนั้นเป็นเหตุ. แม้เราจะตรึกตาม ตรองตาม ถึงอวิหิงสา วิตกนั้นตลอดวัน หรือตลอดทั้งกลางคืนกลางวัน ก็มองไม่เห็นภัย อันจะเกิดขึ้นเพราะ อวิหิงสาวิตกนั้นเป็นเหตุ.
ภิกษุ ท. เพราะเราคิดเห็นว่าเมื่อเราตรึกตาม ตรองตามนานเกินไปนัก กายจะ เมื่อยล้า เมื่อกายเมื่อยล้า จิตก็อ่อนเพลีย เมื่อจิตอ่อนเพลีย จิตก็ห่างจากสมาธิ เราจึงได้ ดํารงจิตให้ หยุดอยู่ในภายใน กระทําให้มีอารมณ์อันเดียวตั้งมั่นไว้ ด้วยหวังอยู่ว่าจิตของเราอย่าฟุูงขึ้นเลย ดังนี้.
ภิกษุ ท. ภิกษุตรึกตามตรองตามถึงอารมณ์ใดๆมาก จิตย่อมน้อมไป โดยอาการอย่างนั้นๆ
ถ้าภิกษุตรึกตาม ตรองตาม ถึงเนกขัมมวิตกมาก ก็เป็นอันว่า ละ กามวิตกเสีย กระทําแล้วอย่างมากซึ่งเนกขัมมวิตก จิตของเธอนั้นย่อมน้อมไป เพื่อความตรึกในการ ออกจากกาม.
ถ้าภิกษุตรึกตาม ตรองตาม ถึงอัพยาปาทวิตก มากก็เป็นอันว่า ละ พยาปาทวิตก เสีย กระทําแล้วอย่างมากในอัพยาปาทวิตก จิตของเธอนั้น ย่อมน้อมไป เพื่อความตรึก ในการไม่พยาบาท.
ถ้าภิกษุตรึกตาม ตรองตาม ถึงอวิหิงสาวิตกมาก ก็เป็นอันว่า ละ วิหิงสาวิตกเสียกระทําแล้วอย่างมากใน อวิหิงสาวิตก จิตของเธอนั้นย่อมน้อมไป เพื่อความตรึกในการไม่ยังสัตว์ให้ลําบาก.
ภิกษุ ท. เปรียบเหมือนในเดือนสุดท้ายแห่งฤดูร้อน ข้าวกล้าทั้งหมดเขาขน นําไปในบ้านเสร็จแล้ว๑คนเลี้ยงโคพึงเลี้ยงโคได้.
เมื่อเขาไปพักใต้ร่มไม้ หรือไปกลาง ทุ่งแจ้งๆ พึงทําแต่ความกําหนดว่า นั่นฝูงโคดังนี้ (ก็พอแล้ว) ฉันใด
ภิกษุ ท. ถึงภิกษุ ก็เพียงแต่ทําความระลึกว่า นั่นธรรมทั้งหลายดังนี้ (ก็พอแล้ว) ฉันนั้นเหมือนกัน.
ภิกษุ ท. ความเพียรเราได้ปรารภแล้วไม่ย่อหย่อน สติเราได้ดํารงไว้แล้วไม่ ฟันเฟือน กายสงบระงับไม่กระสับกระส่าย จิตตั้งมั่นมีอารมณ์อันเดียว แล้ว.
ภิกษุ ท. เรานั้น เพราะสงัด จากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย ได เข้าถึงปฐมฌาน มีวิตกวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่.
|