พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ หน้า 67
751-1
ทรงแน่พระทัยว่าไม่อาจตรัสรู้เพราะการทำทุกรกิริยา ๑
สารีบุตร ! ด้วยอิริยา๒ (เครื่องออกไปจากข้าศึก) แม้ชนิดนั้น ด้วยปฏิปทา ชนิดนั้น ด้วยทุกรกิริยาชนิดนั้น เราไม่ได้บรรลุแล้วซึ่ง อลมริยญาณทัสสนวิเสส ที่ยิ่งไปกว่าธรรมดาแห่ง มนุษย์เลย. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?
ข้อนั้นเพราะเหตุว่า ไม่มีการถึงทับซึ่งอริยปัญญา อันเป็นอริยปัญญาที่ถึงทับ แล้ว จักเป็นนิยยานิกธรรมอันประเสริฐ นำผู้ปฏิบัติตามนั้นให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ นั่นเทียว.
หมายเหตุ : ข้อความเหล่านี้ แสดงถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายหลังจากการทรง กระทำทุกรกิริยา ทุกรูปแบบแล้ว ทรงเห็นว่าไม่เป็นทางตรัสรู้ ก็ทรงเลิกเสีย ทรงกลับ พระทัยฉันอาหารหยาบ เพื่อบำเพ็ญเพียรทางจิตต่อไป. - ผู้รวบรวม
๑. บาลี มหาสีหนาทสูตร มู. ม. ๑๒/๑๖๒/๑๘๖. ตรัสแก่พระสารีบุตร ที่อปรปูรวนสัณฑ์ นอกนครเวสาลี.
๒. อิริยา คำนี้ถือเอาตามพระบาลีในปาสราสิสูตร ม. ม. และโพธิกุมารสูตร ม. ม. ซึ่งเป็นอิริยาย ตรงกัน ; ส่วนบาลี มหาสีหนาทสูตร นี้เป็น อิริยา.
751-2
ทรงกลับพระทัยฉันอาหารหยาบ ๑
ราชกุมาร ! ความคิดอันนี้ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า ในอดีตกาลอันยาวยืดก็ดี... ในอนาคตกาล อันยาวยืดก็ดี...แม้ในปัจจุบันนี้ก็ดี
สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด ที่ได้เสวยทุกขเวทนากล้าแข็งเผ็ดร้อน อันเกิดจาก การทำความเพียร อย่างสูงสุด ก็เท่าที่เราได้เสวยอยู่นี้ ไม่ยิ่งไปกว่านี้ได้ ก็แต่ว่าเราหา อาจบรรลุธรรมอันยิ่งกว่า ธรรมของมนุษย์ หรืออลมริยญาณทัศนวิเศษ ด้วยทุกรกิริยา อันกล้าแข็งแสบเผ็ดนี้ไม่ ชะรอยหนทางแห่งการตรัสรู้จักพึงมีโดยประการอื่น.
ราชกุมาร ! ความระลึกอันนี้ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า เออก็เรายังจำได้อยู่ เมื่องาน แรกนา แห่งบิดา เรานั่ง ณ ร่มไม้หว้ามีเงาเย็นสนิท มีใจสงัดแล้วจากกาม และ อกุศลธรรม ทั้งหลาย บรรลุปฐมฌาน มีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกแล้ว แลอยู่ ชะรอยนั่น จักเป็นทางแห่งการตรัสรู้บ้าง ดังนี้.
ราชกุมาร ! วิญญาณอันแล่นไปตามความระลึก ได้มีแล้วแก่เราว่า นี่แล แน่แล้ว หนทางแห่งการตรัสรู้ ดังนี้.
ราชกุมาร ! ความสงสัยอันนี้ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า เราควรจะกลัวต่อความสุข ชนิดที่เว้น จากกาม และอกุศลธรรมหรือไม่หนอ ?
ราชกุมาร ! ความแน่ใจอันนี้ได้เกิดขึ้นแก่เราว่า เราไม่ควรกลัวต่อสุข อันเว้น จากกาม และอกุศลทั้งหลาย.
ราชกุมาร ! ความคิดได้มีแก่เราสืบไปว่า ก็ความสุขชนิดนั้น คนที่มีร่างกาย หิวโหย เกินกว่าเหตุเช่นนี้ จะบรรลุได้โดยง่ายไม่ได้เลย ถ้าไฉนเราพึงกลืนกินอาหาร หยาบ คือข้าวสุก และขนมสดเถิด.
ราชกุมาร ! เราได้กลืนกินอาหารหยาบ คือข้าวสุกและขนมสดแล้ว.
751-3
ภิกษุปัญจวัคคีย์หลีก ๑
ราชกุมาร ! เรานั้นได้กลืนกินอาหารหยาบ คือข้าวสุกและขนมสดแล้ว.
ราชกุมาร ! ก็ครั้งนั้นมีภิกษุผู้เป็นพวกกัน ๕ รูป (ปัญจวัคคีย์) เป็นผู้คอยบำรุง เรา ด้วยหวังอยู่ว่า พระสมณโคดมได้บรรลุธรรมใด จักบอกธรรมนั้นแก่เราทั้งหลาย.
ราชกุมาร ! ครั้นตถาคตกลืนกินอาหารหยาบ คือข้าวสุกและขนมสดแล้ว ภิกษุผู้เป็นพวกกัน ๕ รูปนั้น พากันหน่ายในเรา หลีกไปเสีย ด้วยคิดว่าพระสมณโคดม เป็น คนมักมาก คลายความเพียร เวียนมาเป็นคนมักมากเสียแล้ว ดังนี้.
751-4
ทรงตริตรึกเพื่อตรัสรู้
ภิกษุ ท.! ครั้งก่อนแต่การตรัสรู้ เมื่อเรายังเป็น โพธิสัตว์ ยังไม่ได้ตรัสรู้นั่นเทียว ได้เกิดความปริวิตกขึ้นว่า
อะไรหนอ
เป็น รสอร่อย ในโลก?
อะไรเป็น โทษ ในโลก?
อะไรเป็น อุบายเครื่องออก ไปจากโลก?
ภิกษุ ท. ! ความรู้สึกได้เกิดขึ้นแก่เราว่า สุขโสมนัส ที่ปรารภโลกเกิดขึ้นนี่เอง เป็นรสอร่อยในโลก. โลกที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ทรมาน มีการเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา นี่เองเป็นโทษในโลก. การนําออกและการละเสียสิ้นเชิงซึ่งความกําหนัด ด้วยอํานาจ ความเพลินในโลกนี่เอง เป็นอุบายเครื่องออกไปจากโลกได้.
ภิกษุ ท. ! ตลอดเวลาเพียงไร ที่เรายังไม่รู้จักรสอร่อยของโลกว่าเป็นรสอร่อย ยังไม่รู้จักโทษของโลกว่าเป็นโทษ ยังไม่รู้จักอุบายเครื่องออกว่าเป็นอุบายเครื่องออก ตามที่เป็นจริง ตลอดเวลาเพียงนั้น เรายังไม่รู้สึกว่าได้ตรัสรู้ พร้อมเฉพาะซึ่งอนุตตร สัมมาสัมโพธิญาณในโลก พร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดา พร้อมทั้งมนุษย์.
ภิกษุ ท. ! เมื่อใดแลเราได้
รู้จักรสอร่อยของโลก ว่าเป็นรสอร่อย
รู้จักโทษของโลก ว่าเป็นโทษ
รู้จักอุบายเครื่องออก ว่าเป็นอุบายเครื่องออกตามที่เป็นจริง
ด้วยอาการอย่างนี้แล้ว เมื่อนั้นเรารู้สึกว่าได้ตรัสรู้พร้อมเฉพาะ ซึ่งอนุตตร สัมมาสัมโพธิญาณ ในโลก พร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณ พราหมณ์ เทวดา พร้อมทั้งมนุษย์.
ก็แหละญาณทัศนะ เครื่องรู้ เครื่องเห็น เกิดขึ้นแล้ว แก่เราว่า ความหลุดพ้น ของเราไม่กลับกําเริบ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย บัดนี้ภพเป็นที่เกิดใหม่มิได้มีอีก ดังนี้.
๑. บาลี โพธิราชกุมารสูตร ราชวรรค ม. ม. ๑๓/๔๕๙/๕๐๕, และบาลี สคารวสูตร พราหมณวรรค ม. ม., บาลี มหาสัจจกสูตร มหายมกวรรค มู. ม.; บาลี ปาสราสิสูตรไม่มี. ๒. บาลี ปฐมสูตร สัมโพธิวรรค ตติยปัณณาสก์ ติก. อํ. ๒๐/๓๓๒/๕๔๓.
751-5
ทรงเที่ยวแสวงเพื่อความตรัสรู้
ภิกษุ ท.! ตลอดเวลาเพียงไร ที่เรายังไม่รู้เท่ารสอร่อยของโลก ว่าเป็นรสอร่อย (เครื่องล่อใจสัตว์)ไม่รู้จักโทษของโลกโดยความเป็นโทษ ไม่รู้จักอุบาย เครื่องออกว่า เป็นอุบายเครื่องออกตามที่เป็นจริง ตลอดเวลาเพียงนั้นแหละ เรายังไม่รู้สึกว่าเป็นผู้ ตรัสรู้ พร้อมเฉพาะ ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในโลก พร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณ พราหมณ์ เทวดา พร้อมทั้งมนุษย์.
ภิกษุ ท! เมื่อใดแล
เราได้รู้ยิ่งซึ่ง รสอร่อยของโลก ว่าเป็นรสอร่อย
รู้โทษของโลกโดย ความเป็นโทษ
รู้อุบายเครื่องออกของโลก ว่าเป็นอุบายเครื่องออกตามที่เป็นจริง
เมื่อนั้นแหละ เรารู้สึกว่าเป็นผู้ตรัสรู้พร้อมเฉพาะ ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิ ญาณ ในโลก พร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมนพราหมณ์ เทวดา พร้อมทั้งมนุษย์. ก็แหละญาณทัศนะเครื่องรู้ เครื่องเห็น เกิดขึ้นแก่เราว่า ความหลุดพ้น ของเราไม่กลับกําเริบ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย บัดนี้ภพเป็นที่เกิดใหม่ไม่มีอีก ดังนี้.
|