อาหาร ๔ อย่าง เพื่อความดำรงอยู่ของสัตว์โลกที่เกิดมาแล้ว หรือเพื่ออนุเคราะห์แก่เหล่าสัตว์ ผู้แสวงหาที่เกิด (สัมภเวสีสัตว์ และ ภูตสัตว์)
อาหาร ๔ อย่างนั้นคือ
๑. กพฬีการาหาร หยาบบ้างละเอียดบ้าง (คำข้าว)
๒. ผัสสาหาร
๓. มโนสัญเจตนาหาร
๔. วิญญาณาหาร
๑. กวฬีการาหารจะพึงเห็นได้อย่างไร ภิกษุทั้งหลาย อุปมาสองสามีภรรยา เดินไปสู่ ทางดาร มีบุตรน้อยน่ารักอยู่คนหนึ่ง เมื่อสะเบียงหมดไป จึงฆ่าบุตรน้อยทำเป็นเนื้อเค็ม และ เนื้อย่าง เขาจะบริโภคเนื้อบุตร เพื่อความคะนอง เพื่อความมัวเมาหรือไม่..
เมื่อ กพฬีการาหาร กำหนดรู้ได้แล้ว ราคะ (ความกำหนัด) ที่มีเบญจกามคุณเป็นแดนเกิด ย่อมเป็นสิ่งที่กำหนดรู้ได้ด้วย
เมื่อ ราคะที่มีเบญจกามคุณ เป็นแดนเกิด กำหนดรู้ได้แล้ว เหตุให้มาสู่โลกนี้ได้อีกย่อมไม่มี.
๒. ผัสสาหารจะพึงเห็นได้อย่างไร อุปมาเหมือนแม่โคนมที่ไม่มีหนังหุ้ม ยืนพิงฝาก็จะถูกพวก ตัวสัตว์อาศัยฝาเจาะกิน ยืนพิงต้นไม้ ก็จะถูกพวกสัตวอาศัยต้นไม้ไชกิน ลงไปยืนแช่น้ำ ก็จะถูก สัตว์น้ำตอดกิน ถ้ายืนอาศัยอยู่ก็จะถูกสัตว์่ในอากาศจิกกิน
เมื่อ ผัสสาหาร กำหนดรู้ได้แล้ว เวทนาทั้งสาม ย่อมเป็นสิ่งกำหนดรู้ ได้ด้วย
เมื่อ เวทนาทั้งสามกำหนดรู้ได้แล้ว เราย่อมกล่าวว่า "สิ่งไร ๆ ที่ควรกระทำให้ยิ่งขึ้นไป (กว่านี้) ย่อมไม่มี แก่อริยสาวกนั้น" ดังนี้.
๓. มโนสัญเจตนาหารจะพึงเห็นได้อย่างไร อุปมาว่ามีหลุมถ่านเพลิงลึกมากกว่าชั่วบุรุษ ไม่มีเปลว ไม่มีควัน มีบุรุษคนหนึ่ง อยากมีชีวิตอยู่ ไม่อยากตายรักสุข เกลียดทุกข์ เดินมา บุรุษมีกำลังสองคนจับแขนไปสู่หลุมถ่านเพลิง ทันใดนั้นเอง เขามีเจตนาปรารถนา ตั้งใจ อยากจะให้ไกลจากหลุมถ่านเพลิง
เมื่อ มโนสัญเจตนาหาร อันอริยสาวกกำหนด รู้ได้แล้ว (หลุมถ่านเพลิง) ตัณหาทั้งสาม ย่อมเป็นสิ่งที่กำหนดรู้ได้แล้วด้วย
เมื่อ ตัณหาทั้งสาม เป็นสิ่งที่กำหนดรู้ได้แล้ว เราย่อมกล่าวว่า "สิ่งไร ๆ ที่ควรกระทำให้ยิ่งขึ้นไป (กว่านี้) ย่อมไม่มีแก่อริยสาวกนั้น”
๔. วิญญาณาหารจะพึงเห็นได้อย่างไร อุปมาเหมือนเจ้าหน้าที่จับโจร แล้วให้พระราชา ลงโทษ พระองค์สั่งให้ประหารด้วยหอก ร้อยเล่มในเวลาเช้านี้ ...ร้อยเล่มในเวลากลางวัน.... ร้อยเล่มในเวลาเย็น
เมื่อ วิญญาณาหาร อันกำหนดรู้ได้แล้ว นามรูป ย่อมเป็นสิ่งที่กำหนดรู้ได้ด้วย
เมื่อ นามรูป กำหนดรู้ได้แล้ว เราย่อมกล่าวว่า "สิ่งไร ๆ ที่ควรกระทำให้ยิ่งขึ้นไป (กว่านี้) ย่อมไม่มีแก่อริยาสาวกนั้น" ดังนี้ แล. |