(เนื้อหาพอสังเขป)
ก่อนแต่กาลตรัสรู้ เมื่อเรายังเป็นพระโพธิสัตว์ ยังมิได้ตรัสรู้ เราได้มี ความคิดอย่างนี้ว่า โลกนี้ ถึงความลำบากหนอ ย่อมเกิด แก่ ตาย จุติและอุบัติ ...ไม่มีผู้ใดทราบชัดซึ่งธรรมเป็นที่สลัดออก จากกองทุกข์ คือ ชรา และ มรณะนี้ได้เลย เมื่ออะไรหนอแลมีอยู่ ชรา และมรณะจึงมี เพราะอะไร เป็นปัจจัย จึงมีชราและมรณะ
เพราะการใส่ใจโดยแยบคายของเรานั้น จึงรู้ได้ด้วยปัญญาว่า
เมื่อชาติแลมีอยู่ ชราและมรณะจึงมี
เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชราและมรณะ
เรานั้นได้มีความคิดว่าเมื่ออะไรหนอมีอยู่ ชาติจึงมี ... ภพจึงมี ... อุปาทานจึงมี ... ตัณหาจึงมี ...เวทนาจึงมี ... ผัสสะจึงมี ... สฬายตนะจึงมี ... นามรูปจึงมี ... เพราะอะไรเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป
เพราะการใส่ใจโดยแยบคายของเรานั้น จึงได้รู้ด้วยปัญญาว่า เมื่อวิญญาณมีอยู่ นามรูปจึงมี เพราะวิญญาณเป็น ปัจจัย จึงมีนามรูป เมื่ออะไรหนอแลมีอยู่ วิญญาณจึงมี เพราะอะไรเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ได้รู้ด้วยปัญญาว่า เมื่อ นามรูปมีอยู่ วิญญาณจึงมี เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ
เรานั้นได้มีความคิดดังนี้ว่า วิญญาณนี้แล ได้กลับแล้วเพียงเท่านี้ ไม่ไปพ้นจาก นามรูป ได้เลย ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ โลกย่อมเกิด แก่ ตาย จุติและอุบัติ
ดูกรภิกษุทั้งหลายจักษุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลาย ที่เรา ไม่เคยได้ฟังมา ในกาลก่อนว่า เหตุให้ทุกข์เกิด เหตุให้ทุกข์เกิด ดังนี้ ฯ
|