เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
 
ค้นหาคำที่ต้องการ          

 
ปฐมมหารุกขสูตร ความพอใจเป็นปัจจัย แห่งอุปาทาน ตัณหาย่อมเจริญ อุปมาเหมือนต้นไม้ใหญ่
689
 
(เนื้อหาพอสังเขป)

ความพอใจในธรรมอันเป็นปัจจัย แห่งอุปาทานอยู่ ตัณหาย่อมเจริญ
เมื่อภิกษุเห็นโทษเนืองๆในธรรมอันเป็นปัจจัย แห่งอุปาทาน ตัณหาย่อมดับ
เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ ฯลฯ

อุปมาเหมือนต้นไม้ใหญ่
มีรากหยั่งลงและแผ่ไปรากออกไป ย่อมดูดโอชารสขึ้นไปเบื้องบน

ต้นไม้ใหญ่ ตั้งอยู่ที่นั้น บุรุษเอาจอบ และภาชนะมา ตัดต้นไม้นั้นที่โคนต้นแล้วขุดลงไป
ครั้นขุดลงไปแล้ว คุ้ยเอารากใหญ่เล็ก แม้เท่าก้านแฝกขึ้น
บุรุษนั้นพึงทอนต้นไม้นั้น เป็นท่อนเล็กท่อนใหญ่ แล้วพึงผ่า

ครั้นผ่าแล้ว เจียกให้เป็นชิ้นๆ ครั้นเจียกให้เป็นชิ้นๆ แล้วพึงผึ่งลมตากแดด
ครั้นผึ่งลม ตากแดดแล้วพึงเอาไฟเผา
ครั้นเอาไฟเผาแล้ว พึงทำให้เป็นเขม่า
ครั้นทำให้เป็นเขม่าแล้ว พึงโปรยที่ลมแรง
หรือ ลอยในแม่น้ำมีกระแสอันเชี่ยว

ก็เมื่อเป็นอย่างนี้ ต้นไม้ใหญ่นั้น ถูกตัดเอารากขึ้นแล้ว
ถูกทำให้เป็นดังตาลยอดด้วน ถึงความไม่มีไม่เกิดอีกต่อไป

ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้

 
 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๘๖



๕. ปฐมมหารุกขสูตร

           [๒๐๖] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถ บิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุเห็นความพอใจเนืองๆ ในธรรมทั้งหลาย อันเป็น ปัจจัยแห่งอุปาทานอยู่ ตัณหาย่อมเจริญ เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมี อุปาทาน เพราะ อุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ ฯลฯ ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมี ด้วยประการอย่างนี้

           [๒๐๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ต้นไม้ใหญ่ มีรากหยั่งลงและแผ่ไปข้างๆ รากทั้งหมด นั้น ย่อมดูดโอชารสไปเบื้องบน เมื่อเป็นอย่างนี้ ต้นไม้ใหญ่นั้น มีอาหารอย่างนั้น มีเชื้ออย่างนั้นพึงเป็นอยู่ตลอดกาลนาน แม้ฉันใด

           ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุเห็นความพอใจเนืองๆ ในธรรมทั้งหลาย อันเป็น ปัจจัยแห่ง อุปาทานอยู่ ตัณหาย่อมเจริญ ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน เพราะอุปาทานเป็น ปัจจัย จึงมีภพ ฯลฯ ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้

           [๒๐๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุเห็นโทษเนืองๆ ในธรรมทั้งหลาย อันเป็น ปัจจัย แห่งอุปาทานอยู่ ตัณหาย่อมดับ เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ
เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ ฯลฯ ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการ อย่างนี้

           [๒๐๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ต้นไม้ใหญ่ตั้งอยู่อย่างนั้น ที่นั้นบุรุษเอาจอบ และภาชนะมา ตัดต้นไม้นั้นที่โคนต้นแล้ว ขุดลงไป

ครั้นขุดลงไปแล้ว คุ้ยเอารากใหญ่เล็ก แม้เท่าก้านแฝกขึ้น บุรุษนั้นพึงทอนต้นไม้นั้น เป็นท่อนเล็กท่อนใหญ่แล้วพึงผ่า

ครั้นผ่าแล้ว เจียกให้เป็นชิ้นๆ ครั้นเจียกให้เป็นชิ้นๆ แล้วพึงผึ่งลมตากแดด ครั้นผึ่งลม ตากแดดแล้วพึงเอาไฟเผา

ครั้นเอาไฟเผาแล้ว พึงทำให้เป็นเขม่า ครั้นทำให้เป็นเขม่าแล้ว พึงโปรยที่ลมแรง หรือลอยในแม่น้ำมีกระแสอันเชี่ยว

ก็เมื่อเป็นอย่างนี้ ต้นไม้ใหญ่นั้น ถูกตัดเอารากขึ้นแล้ว ถูกทำให้เป็นดังตาลยอดด้วน ถึงความไม่มีไม่เกิดอีกต่อไป แม้ฉันใด

ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุเห็นโทษเนืองๆ ในธรรมทั้งหลาย อันเป็นปัจจัยแห่ง อุปาทานอยู่ ตัณหาย่อมดับ ฉันนั้นเหมือนกัน

เพราะตัณหาดับอุปาทานจึงดับ เพราะอุปาทานดับภพจึงดับ ฯลฯ ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้


 
 
พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์