เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
 
ค้นหาคำที่ต้องการ          

 
 พระโมคเห็นเปรต ถูกเพ่งโทษว่าอวดอุตตริ.. เปรต 21 ชนิด ทำอกุศลกรรมอะไรบ้างจึงเสวยวิบาก 673
 
(เนื้อหาพอสังเขป)

เรื่องเปรตที่พระโมคเห็นจริง
พระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า  ขณะลงจากคิชฌกูฏบรรพต ได้เห็น อัฏฐิสังขลิกเปรต มีแต่ร่างกระดูก ลอยไปในเวหาส์ ฝูงแร้ง เหยี่ยว และนกตะกรุม พากันโฉบอยู่ขวักไขว่ เมื่อกล่าวมาถึงตอนนี้ ภิกษ ท.ที่ได้ยินได้ฟัง พากันเพ่งโทษ ติเตียนว่า พระมหาโมคคัลลานะ อวดอุตตริมนุสสธรรม ...พระผู้มีพระ ภาครับสั่งกะ ภิกษ ท.ว่า สาวกทั้งหลายย่อมเป็นผู้มีจักษุอยู่ ย่อมเป็นผู้มีญาณ อยู่ เพราะสาวกได้รู้ได้เห็น หรือได้ทำสัตว์เช่นนี้ให้เป็นพยานแล้ว

ดูกรภิกษ ท. เมื่อกาลก่อนเราก็ได้เห็นสัตว์นั้น แต่ไม่ได้พยากรณ์ ถ้าเราพยากรณ์คนอื่นอาจไม่เชื่อเรา จึงไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ เกื้อกูลเพื่อทุกข์ แก่เขาเหล่านั้นสิ้นกาลนาน

ดูกรภิกษุ ท.สัตว์นั้นเคยเป็นคนฆ่าโค อยู่ในพระนครราชคฤห์นี่เอง ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น เขาหมกไหม้ อยู่ในนรกหลายแสนปี แล้วได้ประสบอัตภาพเช่นนี้ ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้นแหละที่ยังเป็นส่วนเหลืออยู่ดูกรภิกษุ ท. โมคคัลลานะพูดจริง โมคคัลลานะ ไม่ต้องอาบัติ

จากนั้นพระโมคได้เล่าว่า เห็นเปรตแต่ละประเภท (21 ประเภท) และพระศาสดาได้ตรัสว่า เปรตแต่ละ ประเภทเหล่านั้น มีเหตุปัจจัยอันใด จึงเป็นเปรตที่มีลักษณะอย่างนั้น

เรื่องกล่าวอวดอุตริ

เรื่องแม่น้ำตโปทา ภิกษุทั้งหลายกล่าวโทษพระโมคคัลลานะว่าอวดอุตริ  ว่าเห็นดอกบัวเท่ากงเกวียน แย้มบานอยู่ที่ต้นแม่น้ำ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า โมคคัลลานะพูดจริง ไม่ต้องอาบัติ

เรื่องรบ ณ พระนครราชคฤห์  ภิกษุทั้งหลายกล่าวโทษพระโมคคัลลานะว่าอวดอุตริ ที่ทำนายว่า พระเจ้าพิมพิมสาร จะรบชนะพวกเจ้าลิจฉวี  ดูกรภิกษุ ท.โมคคัลลานะพูดจริง ไม่ต้องอาบัติ.

เรื่องช้างลงน้ำ ภิกษุทั้งหลายกล่าวโทษพระโมคคัลลานะว่า อวดอุตริ ที่กล่าวว่าได้เข้าอาเนญชสมาธิ ใกล้ฝั่งแม่น้ำสัปปินิกา และได้ยินเสียง โขลงช้าง ลงน้ำเวลาขึ้นจากน้ำ เปล่งเสียงดังดุจนกกระเรียน ดูกรภิกษ ท. สมาธินั้นมีอยู่ แต่ไม่บริสุทธิ์ โมคคัลลานะพูดจริง โมคคัลลานะ ไม่ต้องอาบัติ.

เรื่องพระโสภิตะอรหันต์ ท่านพระโสภิตะกล่าวว่าเราระลึกชาติได้ห้าร้อยกัลป์ จึงถูก เพ่งโทษ ติเตียน ว่าไฉนท่าน พระโสภิตะจึงกล่าวอย่างนี้ ดูกรภิกษุ ท.โสภิตะพูดจริง โสภิตะ ไม่ต้องอาบัติ.

 
 


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑
มหาวิภังค์ ภาค ๑ หน้าที่ ๔๒๖-๔๓๗.


เรื่องเปรต

เรื่องอัฏฐิสังขลิกเปรต

          [๒๙๕] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระลักขณะกับท่านพระมหาโมคคัลลานะอยู่ ณ คิชฌกูฏบรรพต ครั้นเวลาเช้า ท่านพระมหาโมคคัลลานะครองอันตรวาสกแล้ว ถือบาตรจีวรเข้าไปหาท่าน พระลักขณะ จนถึงที่อยู่ ครั้นแล้วได้กล่าวคำนี้กะท่านพระลักขณะว่า อาวุโส ลักขณะมาเถิด เราจะเข้าไปบิณฑบาตยังกรุงราชคฤห์ด้วยกัน ท่านพระลักขณะรับคำ ท่านมหาโมคคัลลานะว่า ได้ อาวุโส

ขณะที่ท่านพระมหาโมคคัลลานะ กำลังลงจากคิชฌกูฏบรรพตนั้น ได้แย้มให้ปรากฏ ณประเทศแห่งหนึ่ง จึงท่านพระลักขณะได้ถามท่านพระมหา โมคคัลลานะว่า อาวุโส มหาโมคคัลลานะอะไรหนอ เป็นเหตุ อะไรหนอ เป็นปัจจัยให้แย้ม?

ม. อาวุโส ลักขณะ ยังไม่สมควรที่จะพยากรณ์ปัญหานี้ ท่านจงถามปัญหานี้กะผม ในสำนักพระผู้มีพระภาคเถิด ครั้นท่านพระลักขณะกับท่านพระมหา โมคคัลลานะ เที่ยวบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ กลับจากบิณฑบาตในเวลาภายหลังภัตรแล้ว จึงพากัน เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ท่านพระลักขณะได้กล่าวคำนี้กะท่านพระมหาโมคคัลลานะว่า ท่านพระมหา โมคคัลลานะ เมื่อกำลังลงจากคิชฌกูฏบรรพต เขตพระนครราชคฤห์นี้ ได้ทำการแย้ม ให้ปรากฏ ณ ประเทศแห่งหนึ่ง อาวุโส โมคคัลลานะ อะไรหนอ เป็นเหตุ อะไรหนอ เป็นปัจจัยให้แย้ม

ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า อาวุโส ผมลงจากคิชฌกูฏบรรพต เขตพระนคร ราชคฤห์นี้ ได้เห็น(1) อัฏฐิสังขลิกเปรต มีแต่ร่างกระดูก ลอยไปในเวหาส์ ฝูงแร้ง เหยี่ยว และนกตะกรุม พากันโฉบอยู่ขวักไขว่ จิกสับโดยแรง จิกทึ้ง ยื้อแย่งตามช่องซี่โครง สะบัดซึ่งเปรตนั้นอยู่ไปมา เปรตนั้นร้องครวญคราง อาวุโส ผมนั้นได้คิดเช่นนี้ว่า น่าอัศจรรย์จริงหนอ น่าประหลาดจริงหนอ ที่สัตว์แม้เห็นปานนี้ ยักษ์แม้เห็นปานนี้ เปรตแม้เห็นปานนี้ การได้อัตภาพแม้เห็นปานนี้ก็มีอยู่

ภิกษุทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ท่านพระมหาโมคคัลลานะ อวดอุตต-ริมนุสสธรรม ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่ง กะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย สาวกทั้งหลายย่อมเป็นผู้มีจักษุอยู่ ย่อมเป็นผู้มีญาณอยู่ เพราะสาวกได้รู้ได้เห็น หรือได้ทำสัตว์เช่นนี้ให้เป็นพยานแล้ว

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อกาลก่อนเราก็ได้เห็นสัตว์นั้น แต่เราไม่ได้พยากรณ์ ถ้าเรา พยากรณ์สัตว์นั้น และคนอื่นไม่เชื่อเรา ข้อนั้นก็จะพึงเป็นไปเพื่อไม่เป็น ประโยชน์ เกื้อกูลเพื่อทุกข์ แก่เขาเหล่านั้นสิ้นกาลนาน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์นั้นเคยเป็นคนฆ่าโคอยู่ในพระนครราชคฤห์นี่เอง ด้วยวิบาก แห่งกรรมนั้น เขาหมกไหม้อยู่ในนรกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี แล้วได้ประสบอัตภาพเช่นนี้ ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น แหละที่ยังเป็นส่วนเหลืออยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย โมคคัลลานะพูดจริง โมคคัลลานะ ไม่ต้องอาบัติ.

(2) เรื่องมังสเปสิเปรต
โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่ พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระลักขณะกับท่าน พระมหา-โมคคัลลานะ ... ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า อาวุโส ผมลงจาก คิชฌกูฏบรรพต เขตพระนคร-ราชคฤห์นี้ ได้เห็นมังสเปสิเปรต มีแต่ชิ้นเนื้อลอยไปใน เวหาส์ ฝูงแร้ง เหยี่ยว และนกตะกรุมพากันโฉบอยู่ขวักไขว่ จิกสับโดยแรง จิกทึ้ง ยื้อแย่ง สะบัดซึ่งเปรตนั้นอยู่ไปมา เปรตนั้น ร้องครวญคราง ...

ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ...  สัตว์นั้น เคยเป็นคนฆ่าโค อยู่ในพระนครราชคฤห์นี้เอง ...

(3) เรื่องมังสปิณฑเปรต
โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่ พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระลักขณะกับท่าน พระมหา-โมคคัลลานะ ... ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า อาวุโส ผมลงจาก คิชฌกูฏบรรพต เขตพระนคร-ราชคฤห์นี้ ได้เห็น มังสปิณฑเปรต มีแต่ก้อนเนื้อ ลอยไปในเวหาส์ ฝูงแร้ง เหยี่ยว และนกตะกรุม พากันโฉบอยู่ขวักไขว่ จิกสับโดยแรง จิกทึ้ง ยื้อแย่ง สะบัดซึ่งเปรตนั้นอยู่ไปมาเปรตนั้นร้องครวญคราง ...

ครั้งนั้น พระผู้มี พระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ...  สัตว์นั้น เคยเป็นพรานนกอยู่ในพระนครราชคฤห์นี้เอง ...

(4) เรื่องนิจฉวิเปรต
โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระลักขณะกับท่านพระมหา-โมคคัลลานะ ...
ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า อาวุโส ผมลงจากคิชฌกูฏบรรพต เขตพระนคร-ราชคฤห์นี้ ได้เห็นนิจฉวิเปรตชาย ไม่มีผิวหนัง ลอยไปในเวหาส์ ฝูงแร้ง เหยี่ยว และนกตะกรุม พากันโฉบอยู่ขวักไขว่ จิกสับโดยแรง จิกทึ้ง ยื้อแย่ง สะบัดซึ่งเปรตนั้นอยู่ไปมา เปรตนั้นร้องครวญคราง ...
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ...  สัตว์นั้นเคยเป็นคนฆ่าแกะอยู่ในพระนครราชคฤห์นี้เอง ...

(5) เรื่องอสิโลมเปรต
โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระลักขณะกับท่านพระมหา-โมคคัลลานะ ...
ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า อาวุโส ผมลงจากคิชฌกูฏบรรพต เขตพระนครราชคฤห์นี้ ได้ห็นอสิโลมเปรตชาย มีขนเป็นดาบ ลอยไปในเวหาส์ ดาบเหล่านั้นของมันหลุดลอยขึ้นไปแล้วตกลงที่กายของมันเอง เปรตนั้นร้องครวญคราง ...
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย ...  สัตว์นั้นเคยเป็นคนฆ่าสุกรอยู่ในพระนครราชคฤห์นี้เอง ...

(6) เรื่องสัตติโลมเปรต
โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระลักขณะกับท่านพระมหา-โมคคัลลานะ ...
ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า อาวุโส ผมลงจากคิชฌกูฏบรรพต เขตพระนครราชคฤห์นี้ ได้เห็นสัตติโลมเปรตชาย มีขนเป็นหอก ลอยไปในเวหาส์ หอกเหล่านั้นของมันหลุดลอยขึ้นไปแล้วตกลงที่กายของมันเอง เปรตนั้นร้องครวญคราง ...
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ...  สัตว์นั้นเคยเป็นพรานเนื้ออยู่ในพระนครราชคฤห์นี่เอง ...

(7) เรื่องอุสุโลมเปรต
โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระลักขณะกับท่านพระมหา-โมคคัลลานะ ...           ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า อาวุโส ผมลงจากคิชฌกูฏบรรพต เขตพระนครราชคฤห์นี้ ได้เห็นอุสุโลมเปรตชาย มีขนเป็นลูกศรลอยไปในเวหาส์ ลูกศรนั้นของมัน หลุดลอยขึ้นไปแล้วตกลงที่กายของมันเอง เปรตนั้นร้องครวญคราง ...
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ...  สัตว์นั้นเคยเป็นเพชฌฆาตอยู่ในพระนครราชคฤห์นี้เอง ...

(8) เรื่องสูจิโลมเปรต
โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่ พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระลักขณะกับท่าน พระมหา-โมคคัลลานะ ... ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า อาวุโส ผมลงจาก คิชฌกูฏบรรพต เขตพระนครราชคฤห์นี้ ได้เห็นสูจิโลมเปรตชาย มีขนเป็นเข็ม ลอยไปในเวหาส์ เข็มเหล่านั้นของมันหลุดลอยขึ้นไปแล้ว ตกลงที่กายของ มันเอง เปรตนั้นร้องครวญคราง ...
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ...  สัตว์นั้นเคยเป็นนายสารถีอยู่ในพระนครราชคฤห์นี้เอง ...

(9) เรื่องสูจกเปรต
โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่ พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระลักขณะกับท่าน พระมหา-โมคคัลลานะ ... ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า อาวุโส ผมลงจาก คิชฌกูฏบรรพต เขตพระนครราชคฤห์นี้ ได้เห็นสูจกโลมเปรตชาย มีขนเป็นเข็ม ลอยไปในเวหาส์ เข็มเหล่านั้นของมันทิ่มเข้าไปในศีรษะ แล้วออกทางปาก ทิ่มเข้าไปในปาก แล้วออกทางอก เข็มออกทางอก ทิ่มเข้าไปในอก แล้วออกทาง ปาก ทิ่มเข้าไปในปาก แล้วออกทางอก ทิ่มเข้าไปในอก แล้วออกทางท้อง ทิ่มเข้าไป ในท้อง แล้วออกทางขาทั้งสอง ทิ่มเข้าไปในขาทั้งสอง แล้วออกทางแข้งทั้งสอง ทิ่มเข้าไปในแข้งทั้งสอง แล้วออกทางเท้าทั้งสอง เปรตนั้นร้องครวญคราง ...
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ...  สัตว์นั้นเคยเป็นคนส่อเสียดอยู่ในพระนครราชคฤห์นี้เอง ...


(10) เรื่องกุมภัณฑเปรต

โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็น สถานที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระลักขณะ กับ ท่านพระมหาโมคคัลลานะ ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า อาวุโส ผมลงจากคิชฌกูฏบรรพต เขต พระนครราชคฤห์นี้ ได้เห็นกุมภัณฑเปรตชาย มีอัณฑะโตเท่าหม้อ ลอยไปในเวหาส เปรตนั้นแม้เมื่อเดินไปย่อมยกอัณฑะ เหล่านั้น แหละขึ้นพาดบ่าเดินไป แม้เมื่อนั่งก็ย่อมนั่งบน อัณฑะเหล่านั้นแหละ ฝูงแร้งเหยี่ยว และนกตะกรุม พากันโฉบอยู่ขวักไขว่ จิกสับโดยแรง จิกทึ้ง ยื้อแย่ง สะบัดซึ่งเปรตนั้นอยู่ไปมา เปรตนั้นร้องครวญคราง ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาค รับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ...  สัตว์นั้นเคยเป็นผู้พิพากษาโกงชาวบ้าน อยู่ในพระนครราชคฤห์นี้เอง ...

(11) เรื่องคูถนิมุคคเปรต
โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็น สถานที่ พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระลักขณะ กับท่าน พระมหาโมคคัลลานะ ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า อาวุโส ผมลงจากคิชฌกูฏ บรรพต เขต พระนครราชคฤห์นี้ ได้เห็นคูถนิมุคคเปรตชาย ผู้จมอยู่ในหลุมคูถท่วม ศีรษะ
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ...  สัตว์นั้นเคยเป็นชู้กับภรรยาของชายอื่น อยู่ในพระนครราชคฤห์นี้เอง ...


(12) เรื่องคูถขาทิเปรต
โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็น สถานที่ พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระลักขณะ กับท่าน พระมหาโมคคัลลานะ .. ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่าอาวุโส ผมลงจากคิชฌกูฏ บรรพต เขต พระนครราชคฤห์นี้ ได้เห็นคูถขาทิเปรตชาย ผู้จมอยู่ในหลุมคูถท่วม ศีรษะ กำลังเอามือ ทั้งสองกอบคูถกินอยู่ ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษ ุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ...  สัตว์นั้นเคยเป็นพราหมณ์ผู้ชั่วช้า อยู่ในพระนคร ราชคฤห์นี้เอง ครั้งศาสนาพระกัสสปสัมมา สัมพุทธเจ้าพราหมณ์นั้นนิมนต์ พระภิกษุ สงฆ์ด้วย ภัตตาหารแล้ว เทคูถลงในรางจนเต็ม สั่งคนให้ไปบอกภัตตกาล แล้วได้ กล่าวคำนี้ว่า ขอท่านผู้เจริญทั้งหลาย จงฉันอาหารและนำไปให้พอแก่ความต้องการ จากสถานที่นี้ ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น เขาหมกไหม้ในนรก หลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี แล้วได้ประสบอัตภาพเช่นนี้ ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้นแหละ ซึ่งยังเป็นส่วนเหลืออยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย โมคคัลลานะพูดจริง โมคคัลลานะ ไม่ต้องอาบัติ.

(13) เรื่องนิจฉวิตถีเปรต
โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่ พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระลักขณะกับท่าน พระมหาโมคคัลลานะ ... ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า อาวุโส ผมลงจาก คิชฌกูฏบรรพต เขตพระนคร ราชคฤห์นี้ ได้เห็นนิจฉวิตถีเปรตหญิง ไม่มีผิวหนัง ลอยไปในเวหาส ฝูงแร้ง เหยี่ยว และนกตะกรุม พากันโฉบอยู่ขวักไขว่ จิกสับ โดยแรง จิกทึ้ง ยื้อแย่ง สะบัดซึ่งเปรตหญิงนั้น อยู่ไปมาเปรตหญิงนั้นร้องครวญคราง ...
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ...  เปรตหญิงนั้นเคย เป็นหญิงประพฤตินอกใจสามีอยู่ในพระนครราชคฤห์นี้เอง  ...  ดูกรภิกษุทั้งหลาย โมคคัลลานะพูดจริง โมคคัลลานะ ไม่ต้องอาบัติ.

(14) เรื่องมังคุลิตถีเปรต
โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่ พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระลักขณะกับท่าน พระมหาโมคคัลลานะ ...ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่าอาวุโส ผมลงจากคิชฌกูฏ บรรพต เขตพระนครราชคฤห์ นี้ ได้เห็นมังคุลิตถีเปรตหญิง มีรูปร่างน่าเกลียด มีกลิ่นเหม็น ลอยไปในเวหาสฝูงแร้ง เหยี่ยว และนกตะกรุม พากันโฉบอยู่ ขวักไขว่ จิกสับโดยแรง จิกทึ้ง ยื้อแย่ง สะบัดซึ่งเปรตหญิงนั้นอยู่ไปมา เปรตหญิงนั้น ร้องครวญคราง ... ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ...  เปรตหญิงนั้นเคย เป็นแม่มดอยู่ในพระนครราชคฤห์นี้เอง ...
(พ่อมด แม่มด หมอดู บาลี อิกฺขณิโก-กา ตุลฺยา)

(15) เรื่องโอกิลินีเปรต
โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่ พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น  ท่านพระลักขณะกับ ท่านพระมหาโมคคัลลานะ ... ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า อาวุโส ผมลงจากคิชฌกูฏบรรพต เขตพระนครราชคฤห์ นี้ ได้เห็นโอกิลินีเปรตหญิง มีร่างกายถูกไฟลวก มีหยาดเหงื่อไหลหยด มีถ่านเพลิง โปรยลง ลอยไปใน เวหาส เปรตหญิงนั้นร้องครวญคราง ...
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่ง กะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ...  เปรตหญิงนั้นเคย เป็นอัครมเหสีของพระเจ้ากาลิงคะ นางเป็นคนขี้หึง ได้เอากระทะเต็มด้วยถ่านเพลิง คลอกสตรีร่วมพระสวามี ..

(16) เรื่องอสีสกพันธเปรต
โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่ พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระลักขณะกับท่าน พระมหาโมคคัลลานะ ... ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า อาวุโส ผมลงจาก คิชฌกูฏบรรพต เขตพระนครราชคฤห์ นี้ ได้เห็นอสีสกพันธเปรตมีศีรษะขาด ลอยไปในเวหาส ตาและปากของมันอยู่ที่อกฝูงแร้ง เหยี่ยว และนกตะกรุม พากันโฉบอยู่ขวักไขว่ จิกสับโดยแรง จิกทึ้ง ยื้อแย่ง สะบัดซึ่งเปรต นั้นอยู่ไปมา เปรตนั้นร้องครวญคราง ...
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ...  สัตว์นั้นเคยเป็น เพชฌฆาตผู้ฆ่าโจร ชื่อทามริกะ อยู่ในพระนครราชคฤห์นี้เอง ...

(17) เรื่องภิกษุเปรต
โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่  ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่ พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระลักขณะกับท่าน พระมหาโมคคัลลานะ ... ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า อาวุโส ผมลงจาก คิชฌกูฏบรรพต เขตพระนคร ราชคฤห์นี้ ได้เห็นภิกษุเปรตลอยไปในเวหาส สังฆาฏิ บาตร ประคตเอวและร่างกายของมันถูกไฟติดลุกโชน เปรตนั้นร้องครวญคราง ...
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ...  ภิกษุเปรตนั้นเคย เป็นภิกษุผู้ลามก ในศาสนาของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ...

(18) เรื่องภิกษุณีเปรต
โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่ พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระลักขณะกับท่าน พระมหาโมคคัลลานะ ... ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า อาวุโส ผมลงจาก คิชฌกูฏบรรพต เขตพระนครราช คฤห์นี้ ได้เห็นภิกษุณีเปรตลอยไปใน เวหาส สังฆาฏิ บาตร ประคตเอว และร่างกายของ มันถูกไฟติดลุกโชน เปรตนั้นร้อง ครวญคราง ...
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ...  ภิกษุณีเปรตนั้น เคยเป็นภิกษุณีผู้ลามก ในศาสนาของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ...

(19) เรื่องสิกขมานาเปรต
โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่ พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระลักขณะกับท่าน พระมหาโมคคัลลานะ ... ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า อาวุโส ผมลงจาก คิชฌกูฏบรรพต เขตพระนครราช คฤห์นี้ ได้เห็นสิกขมานาเปรต ลอยไปในเวหาส สังฆาฏิ บาตร ประคตเอว และร่างกาย ของมัน ถูกไฟติดลุกโชน เปรตนั้นร้อง ครวญคราง ...
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ...  สิกขมานาเปรตนั้น เคยเป็นสิกขมานาผู้ลามก ในศาสนาของพระกัสสปสัมมา สัมพุทธเจ้า ...

(20) เรื่องสามเณรเปรต

โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่ พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระลักขณะกับท่าน พระมหาโมคคัลลานะ ... ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า อาวุโส ผมลงจากคิชฌ กูฏบรรพต เขตพระนครราช คฤห์นี้ ได้เห็นสามเณรเปรตลอยไปใน เวหาส สังฆาฏิ บาตร ประคตเอว และร่างกายของมัน ถูกไฟติดลุกโชน เปรตนั้นร้องครวญ คราง ...
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า  ...  สามเณรเปรตนั้น เคยเป็นสามเณร ผู้ลามก ในศาสนาของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ...

(21) เรื่องสามเณรีเปรต

โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่ พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระลักขณะกับท่าน พระมหาโมคคัลลานะ ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า อาวุโส ผมลงจากคิชฌกูฏ บรรพต เขตพระนครราช คฤห์นี้ ได้เห็นสามเณรีเปรตลอยไปใน เวหาส สังฆาฏิ บาตร ประคตเอว และร่างกายของมัน ถูกไฟติดลุกโชน เปรตนั้นร้องครวญ คราง
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ...  สามเณรี เปรตนั้น เคยเป็นสามเณรีผู้ลามก ในศาสนาของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ...



เรื่องกล่าวอวดอุตริ

เรื่องแม่น้ำตโปทา

[๒๙๖] ครั้งนั้นแล ท่านพระมหาโมคคัลลานะ เรียกภิกษุทั้งหลายมากล่าวว่า ดูกรอาวุโส ทั้งหลาย แม่น้ำตโปทานี้ไหลมาแต่ห้วงใด ห้วงนั้นมีน้ำใสเย็น จืดสนิท สะอาดสะอ้าน มีท่าเรียบราบ น่ารื่นรมย์ มีปลาและเต่ามาก อนึ่งดอกบัวประมาณเท่า กงเกวียนแย้มบานอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น แม่น้ำตโปทานี้ก็เดือดพล่านไหลไปอยู่
ภิกษุทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทนาว่า ไฉนท่านพระมหาโมคคัลลานะ จึงกล่าว อย่างนี้ว่า

ดูกรอาวุโส แม่น้ำตโปทานี้ไหลมาแต่ห้วงใด ห้วงนั้นมีน้ำใส เย็นจืดสนิท สะอาด สะอ้านมีท่าเรียบราบ น่ารื่นรมย์ มีปลาและเต่ามาก อนึ่ง ดอกบัวประมาณเท่า กงเกวียน แย้มบานอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น แม่น้ำตโปทานี้ ก็เดือดพล่าน ไหลไปอยู่ ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่า อวดอุตตริมนุสสธรรม แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่ พระผู้มีพระภาค

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่น้ำตโปทานี้ไหลมาแต่ห้วงใด ห้วงนั้นมีน้ำใส เย็น จืดสนิท สะอาดสะอ้าน มีท่าเรียบราบน่ารื่นรมย์ มีปลาและเต่ามาก อนึ่ง ดอกบัว ประมาณเท่ากงเกวียนแย้มบานอยู่

ดูกรภิกษุทั้งหลาย แต่แม่น้ำตโปทานี้ ไหลผ่านมาในระหว่างมหานรกสองขุม เพราะฉะนั้น แม่น้ำตโปทานี้จึงเดือดพล่านไหลไปอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย โมคคัลลานะพูดจริง โมคคัลลานะ ไม่ต้องอาบัติ.

...........................................................................................................................................................

เรื่องรบ ณ พระนครราชคฤห์

[๒๙๗] ก็โดยสมัยนั้นแล พระเจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราช ทำสงครามพ่ายแพ้ พวกเจ้าลิจฉวี ต่อมาภายหลัง ท้าวเธอทรงระดมพลยกไปรบพวกเจ้าลิจฉวีได้ชัยชนะ และตีกลองนันทิเภรีประกาศในสงครามว่า พระราชาทรงชนะพวกเจ้าลิจฉวีแล้ว ครั้งนั้น

ท่านพระมหาโมคคัลลานะพูดกะภิกษุทั้งหลายว่า อาวุโสทั้งหลายพระราชาทรง ปราชัย พวกเจ้าลิจฉวีแล้ว แต่เขาตีกองนันทิเภรี ประกาศใน สงครามว่า พระราชา ทรงได้ชัยชนะพวกเจ้าลิจฉวีแล้ว ภิกษุทั้งหลาย พากัน เพ่งโทษ ติเตียน โพนทนาว่า ไฉนท่านพระมหาโมคคัลลานะจึงกล่าวอย่างนี้ว่า อาวุโสทั้งหลาย พระราชาทรง ปราชัยพวกเจ้าลิจฉวีแล้ว แต่เขาตีกองนันทิเภรี ประกาศในสงครามว่า พระราชาทรง ได้ชัยชนะพวกเจ้าลิจฉวีแล้ว

ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าว อวดอุตตริมนุสสธรรม แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มี พระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสว่าดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งแรกพระราชาทรงปราชัย พวกเจ้าลิจฉวี ต่อมาภายหลังท้าวเธอทรงระดมพลยกไปรบพวกเจ้าลิจฉวีได้ชัยชนะ ดูกรภิกษุทั้งหลาย โมคคัลลานะพูดจริง โมคคัลลานะไม่ต้องอาบัติ.


...........................................................................................................................................................

เรื่องช้างลงน้ำ

[๒๙๘] ครั้งนั้น ท่านพระมหาโมคคัลลานะ เรียกภิกษุทั้งหลายมากล่าวว่า ดูกรอาวุโส ทั้งหลาย เราเข้าอาเนญชสมาธิใกล้ฝั่งแม่น้ำสัปปินิกา ณ ตำบลนี้ ได้ยินเสียง โขลงช้าง ลงน้ำเวลาขึ้นจากน้ำเปล่งเสียงดังดุจนกกระเรียน ภิกษุทั้งหลายพากัน เพ่งโทษ ติเตียน โพทะนาว่า ไฉนท่าน พระมหาโมคคัลลานะจึงกล่าวอย่างนี้ว่า

ดูกรอาวุโสทั้งหลาย เราเข้าอาเนญชสมาธิใกล้ฝั่งแม่น้ำสัปปินิกา ณ ตำบลนี้ได้ยิน เสียงโขลงช้างลงน้ำ เวลาขึ้นจากน้ำเปล่งเสียงดังดุจนกกระเรียน ท่านพระมหา โมคคัลลานะ กล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรม แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมาธินั้นมีอยู่ แต่ไม่บริสุทธิ์ โมคคัลลานะพูดจริง โมคคัลลานะ ไม่ต้องอาบัติ.
...........................................................................................................................................................

เรื่องพระโสภิตะอรหันต์


[๒๙๙] ครั้งนั้น ท่านพระโสภิตะเรียกภิกษุทั้งหลายมากล่าวว่า ดูกรอาวุโสทั้งหลาย เราระลึกชาติได้ห้าร้อยกัลป์ ภิกษุทั้งหลายพากัน เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนท่าน พระโสภิตะ จึงกล่าวอย่างนี้ว่า

ดูกรอาวุโสทั้งหลาย เราระลึกชาติได้ห้าร้อยกัลป์ ท่านพระโสภิตะ กล่าวอวดอุตตริ มนุสสธรรม แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ชาตินี้ของโสภิตะมีอยู่ แต่มีชาติเดียวเท่านั้นแล ดูกรภิกษุทั้งหลาย โสภิตะพูดจริง โสภิตะ ไม่ต้องอาบัติ.

ปาราชิกสิกขาบทที่ ๔ จบ.


 
 
พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์