อุทายี ..กายนี้เป็นอนัตตาดังนี้ ฉันใด แม้วิญญาณนี้ ก็เป็นอนัตตา ฉันนั้นหรือ อานนท์ .. กายนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสบอก เปิดเผยประกาศแล้วโดยว่าเป็นอนัตตา แม้วิญญาณนี้ ก็เป็นอนัตตา ฉันนั้น ดูกรท่านพระอุทายี จักษุวิญญาณ ย่อมเกิดขึ้นเพราะอาศัยจักษุและรูปหรือ อุ. อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ อา. เหตุและปัจจัยที่อาศัยจักษุวิญญาณเกิดขึ้น พึงดับไปหมดสิ้น หาส่วนเหลือมิได้ จักษุวิญญาณจะปรากฏบ้างหรือหนอ อุ. ไม่ปรากฏเลย ท่านผู้มีอายุ ดูกรท่านพระอุทายี อุปมาเหมือนลอกลอกกาบต้นกล้วย แม้กระพี้ ก็ไม่พบ แก่นก็ไม่พบ ดูกรท่านพระอุทายี ภิกษุจะพิจารณาหาตัวตน หรือสิ่งที่เป็นตัวตนในผัสสายตนะ ๖ ไม่ได้ ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อเล็งเห็นอยู่อย่างนี้ ก็ไม่ยึดถือสิ่งใดในโลก เมื่อไม่ยึดถือ ก็ไม่ดิ้นรน เมื่อไม่ดิ้นรน ก็ปรินิพพานโดยแน่แท้ ย่อมรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่น เพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ฯ
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๘สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๘๗ อุทายีสูตร [๓๐๐] สมัยหนึ่ง ท่านพระอานนท์และท่านพระอุทายีอยู่ ณ โฆสิตาราม ใกล้พระนคร โกสัมพี ครั้งนั้นแล เป็นเวลาเย็น ท่านพระอุทายีออกจากที่พักผ่อนแล้ว เข้าไปหาท่าน พระอานนท์ถึงที่อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระอานนท์ ครั้นผ่านการ ปราศรัย พอให้ระลึก ถึงกันไปแล้วจึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กล่าว กะท่าน พระอานนท์ว่า ดูกรท่านพระอานนท์ กายนี้พระผู้มีพระภาคตรัสบอกเปิดเผย ประกาศแล้วโดยปริยาย ต่างๆ ว่า แม้เพราะเหตุนี้ กายนี้เป็นอนัตตาดังนี้ ฉันใด แม้วิญญาณนี้ ท่านอาจจะบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผยจำแนก กระทำให้ตื้นว่า แม้เพราะเหตุนี้ วิญญาณนี้ เป็นอนัตตา ฉันนั้นหรือ ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ดูกรท่านพระอุทายี กายนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสบอก เปิดเผยประกาศแล้วโดยปริยาย ต่างๆ ว่าแม้เพราะเหตุนี้ กายนี้ เป็นอนัตตา ดังนี้ ฉันใด แม้วิญญาณนี้ผมอาจจะบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้งเปิดเผย จำแนก กระทำให้ตื้นว่า แม้เพราะเหตุนี้วิญญาณนี้ เป็นอนัตตา ฉันนั้น [๓๐๑] ดูกรท่านพระอุทายี จักษุวิญญาณ ย่อมเกิดขึ้นเพราะอาศัยจักษุ และ รูปหรือ อุ. อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ อา. เหตุและปัจจัยที่อาศัยจักษุวิญญาณเกิดขึ้น พึงดับไปหมดสิ้น หาส่วนเหลือมิได้ จักษุวิญญาณจะปรากฏบ้างหรือหนอ อุ. ไม่ปรากฏเลย ท่านผู้มีอายุ อา. แม้โดยปริยายนี้แล จักษุวิญญาณนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสบอกเปิดเผย ประกาศแล้ว ว่า แม้เพราะเหตุนี้ วิญญาณนี้เป็นอนัตตา ดังนี้ ฯลฯ ดูกรท่านพระอุทายี มโนวิญญาณ ย่อมเกิดขึ้นเพราะอาศัยใจและธรรมารมณ์หรือ อุ. อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ อา. เหตุและปัจจัยที่อาศัยมโนวิญญาณเกิดขึ้น พึงดับไปหมดสิ้น หาส่วนเหลือมิได้ มโนวิญญาณจะปรากฏบ้างหรือหนอ อุ. ไม่ปรากฏเลย ท่านผู้มีอายุ อา. ดูกรท่านผู้มีอายุ แม้โดยปริยายนี้แล มโนวิญญาณนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสบอก เปิดเผย ประกาศแล้วว่า แม้เพราะเหตุนี้ วิญญาณนี้เป็นอนัตตา [๓๐๒] ดูกรท่านพระอุทายี บุรุษต้องการแก่นไม้ เที่ยวเสาะแสวงหาแก่นไม้ ถือเอา ขวานอันคมเข้าไปสู่ป่า พบต้นกล้วยใหญ่ ตรง ใหม่ ไม่รุงรัง ในป่านั้น พึงตัด ที่โคน ต้นแล้วตัดที่ปลาย ครั้นแล้วลอกกาบอก แม้กระพี้ที่ต้นกล้วยนั้นก็ไม่พบ ที่ไหน จะพบแก่นได้ ฉันใด ดูกรท่านพระอุทายี ภิกษุจะพิจารณาหาตัวตน หรือสิ่งที่เป็นตัวตนในผัสสายตนะ ๖ ไม่ได้ ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อเล็งเห็นอยู่อย่างนี้ ก็ไม่ยึดถือสิ่งใดในโลก เมื่อไม่ยึดถือ ก็ไม่ดิ้นรน เมื่อไม่ดิ้นรน ก็ปรินิพพานโดยแน่แท้ ย่อมรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่น เพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี