|
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๘๙
๑๐ เวปุลลปัพพตสูตร
[๔๕๖] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฏ เขตพระนคร ราชคฤห์ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้น ทูลรับพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ดังนี้ ฯ
[๔๕๗] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสดังนี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้กำหนดที่สุด เบื้องต้น เบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่อง ประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ
....................................................................................................................................................
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว (1) เวปุลลบรรพต นี้ได้ชื่อว่า ปาจีนวังสะ สมัยนั้นแล หมู่มนุษย์ได้ชื่อว่า ติวรา หมู่มนุษย์ชื่อ ติวรา มีอายุประมาณ สี่หมื่นปี หมู่มนุษย์ ชื่อติวราขึ้นปาจีนวังสบรรพตเป็นเวลา ๔ วัน ลงก็เป็นเวลา ๔ วัน สมัยพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า พระนามว่าเสด็จอุบัติขึ้น ในโลก พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า กกุสันธ มีพระสาวกคู่หนึ่ง เป็นคู่เลิศ เป็นคู่เจริญ ชื่อว่า วิธูระ และสัญชีวะ ดูกรภิกษุทั้งหลายพวกเธอจงดูเถิด ชื่อแห่งภูเขานี้นั้นแล (ปาจีนวังสะ) อันตรธาน ไปแล้ว มนุษย์เหล่านั้นกระทำกาละ ไปแล้ว และพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ก็ปรินิพพานแล้ว สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง อย่างนี้ ไม่ยั่งยืนอย่างนี้ ไม่น่าชื่นใจอย่างนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้ พอทีเดียวเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอเพื่อจะคลายกำหนัดพอ เพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้
....................................................................................................................................................
[๔๕๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว (2) ภูเขาเวปุลละ นี้มีชื่อว่า วงกฏ สมัยนั้นแลหมู่มนุษย์มีชื่อว่า โรหิตัสสะ มีอายุประมาณ สามหมื่นปีมนุษย์ ชื่อว่าโรหิตัสสะขึ้นวงกฏบรรพตเป็นเวลา ๓ วัน ลงก็เป็นเวลา ๓ วัน สมัยนั้น พระผู้มี พระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง พระนามว่า โกนาคมนะ เสด็จอุบัติขึ้น ในโลก พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าโกนาคมนะ มีพระสาวกคู่หนึ่ง เป็นคู่เลิศ เป็นคู่เจริญ ชื่อว่าภิยโยสและอุตตระ ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงดูเถิด ชื่อแห่งภูเขานี้นั้นแลอันตรธานไปแล้ว มนุษย์เหล่านั้นทำกาละไปแล้ว และพระผู้มี พระภาคพระองค์นั้นก็ปรินิพพานแล้ว สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง อย่างนี้ ฯลฯ พอเพื่อ จะหลุดพ้น ดังนี้ ฯ
....................................................................................................................................................
[๔๕๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว (3) เวปุลลบรรพต นี้มีชื่อว่า สุปัสสะ สมัยนั้นแล หมู่มนุษย์มีชื่อว่า สุปปิยา หมู่มนุษย์ชื่อ สุปปิยา มีอายุประมาณ สองหมื่นปี หมู่มนุษย์ที่ชื่อว่าสุปปิยาขึ้นสุปัสสบรรพต เป็นเวลา ๒ วัน ลงก็เป็นเวลา ๒ วัน สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า กัสสป เสด็จอุบัติ ขึ้นในโลก พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่ากัสสป ได้มีพระสาวก คู่หนึ่ง เป็นคู่เลิศ เป็นคู่เจริญ ชื่อว่าติสสและภารทวาชะดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจง ดูเถิด ชื่อแห่งภูเขานี้นั้นแลอันตรธานไปแล้วมนุษย์เหล่านั้นกระทำกาละไปแล้ว และพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นก็ปรินิพพานแล้ว สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ ฯลฯ พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้ ฯ
....................................................................................................................................................
[๔๖๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บัดนี้แล (4) ภูเขาเวปุลละ นี้มีชื่อ เวปุลละ ทีเดียว ก็บัดนี้หมู่มนุษย์เหล่านี้มีชื่อว่า มาคธ หมู่มนุษย์ที่ชื่อ มาคธ มีอายุน้อย นิดหน่อย ผู้ใดมีชีวิตอยู่นาน
ผู้นั้น มีอายุเพียงร้อยปี น้อยกว่าก็มี เกินกว่าก็มี หมู่มนุษย์ชื่อ มาคธ (มคธ) ขึ้นเวปุลลบรรพตเพียงครู่เดียว ลงก็เพียงครู่เดียว และบัดนี้ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า(โคดม) พระองค์นี้เสด็จอุบัติขึ้นแล้วในโลก ก็เราแลมีสาวกคู่หนึ่ง เป็นคู่เลิศ เป็นคู่เจริญ ชื่อสารีบุตรและโมคคัลลานะ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ชื่อแห่งบรรพตนี้จัก อันตรธาน หมู่มนุษย์เหล่านี้จักทำกาละ และเราก็จักปรินิพพาน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ ไม่ยั่งยืน อย่างนี้ ไม่น่าชื่นใจ อย่างนี้ ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้ พอทีเดียวเพื่อจะ เบื่อหน่าย ในสังขารทั้งปวง พอเพื่อจะ คลายกำหนัด พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้ ฯ
....................................................................................................................................................
[๔๖๑] พระผู้มีพระภาค ผู้สุคตศาสดา ครั้นได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว จึงตรัสพระคาถาประพันธ์ต่อไปว่า
ปาจีนวังสบรรพต ของหมู่มนุษย์ ชื่อ ติวระ (มนุษย์อายุ 40,000 ปี)
วงกฎบรรพต ของหมู่มนุษย์ ชื่อโรหิตัสสะ (มนุษย์อายุ 30,000 ปี)
สุปัสสบรรพต ของหมู่มนุษย์ ชื่อ สุปปิยา (มนุษย์อายุ 20,000 ปี)
เวปุลลบรรพต ของหมู่มนุษย์ ชื่อ มาคธะ (มนุษย์อายุ 100 ปี)
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีอันเกิดขึ้นแลเสื่อมไปเป็นธรรมดา ครั้นเกิดขึ้นแล้ว ย่อมดับไป ความที่สังขารเหล่านั้นสงบระงับไปเป็นสุข ดังนี้ ฯ
จบสูตรที่ ๑๐
|