เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
 
ค้นหาคำที่ต้องการ          

 
  กุศลกรรมบถ10 และ อกุศลกรรมบถ 10 (ยถาภตสูตร) 589
 
บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการ(อกุศลกรรมบถ10)
เป็นผู้ถูกทอดทิ้งไว้ในนรก เหมือนสิ่งของที่เขานำมาทอดทิ้งไว้

ส่วนบุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการนี้ (กุศลกรรมบถ10)
แลเป็นผู้ถูกเชิญ มาประดิษฐาน ไว้ในสวรรค์ เหมือนสิ่งของที่เชิญมาประดิษฐานไว้

 
 
 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๕๙


ยถาภตสูตร



     [๑๘๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการเป็นผู้ถูก ทอดทิ้งไว้ในนรก เหมือนสิ่งของที่เขานำมาทอดทิ้งไว้ ธรรม ๑๐ ประการเป็นไฉน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้
(อกุศลกรรมบถ10)

เป็นคนฆ่าสัตว์ หยาบช้ามีมือชุ่มด้วยโลหิต
ตั้งอยู่ในการฆ่า และการทุบตี ไม่มีความเอ็นดู ในสัตว์ที่มีชีวิตทั้งปวง ๑

เป็นคนลักทรัพย์ ถือเอาวัตถุเป็นอุปกรณ์แก่ทรัพย์เครื่องปลื้มใจแห่งผู้อื่น ของบุคคลอื่น ซึ่งอยู่ ในบ้าน หรือในป่าที่เจ้าของมิได้ให้ ด้วยจิตเป็นขโมย ๑

เป็นผู้ประพฤติผิดในกาม คือ เป็นผู้ถึงความประพฤติล่วงในสตรี ที่มารดารักษา บิดารักษา พี่ชายน้องชายรักษา พี่สาวน้องสาวรักษา ญาติรักษา ธรรมรักษา ผู้มีสามี ผู้มีอาชญาโดยรอบ โดยที่สุดแม้สตรีผู้ที่บุรุษคล้องแล้วด้วยพวงมาลัย ๑

เป็นผู้พูดเท็จ คือ เขาอยู่ในสภา ในบริษัทในท่ามกลางญาติ ในท่ามกลางเสนา หรือในท่ามกลาง ราชสกุล ถูกผู้อื่นนำไปเป็นพยานซักถามว่า มาเถิดบุรุษผู้เจริญ ท่านรู้สิ่งใดจงพูดสิ่งนั้น ดังนี้ บุคคลผู้นั้นเมื่อไม่รู้ก็กล่าวว่ารู้หรือเมื่อรู้ก็กล่าวว่าไม่รู้ เมื่อไม่เห็นก็กล่าวว่าเห็น หรือเมื่อเห็น ก็กล่าวว่าไม่เห็นเป็นผู้กล่าวเท็จ ทั้งรู้เพราะเหตุ แห่งตนบ้าง เพราะเหตุแห่งผู้อื่นบ้าง เพราะเหตุ เห็นแก่อามิสเล็กน้อยบ้าง ด้วยประการดังนี้ ๑

เป็นผู้พูดส่อเสียด คือ ฟังข้างนี้แล้วไปบอกข้างโน้นเพื่อทำลายคนหมู่นี้ หรือ ฟังข้างโน้น มาบอก ข้างนี้ เพื่อทำลายคนหมู่โน้น ยุยงคนทั้งหลายผู้สามัคคีกัน ให้แตกกัน หรือส่งเสริมคนผู้แตกกัน แล้วชอบความแยกกัน ยินดีความแยกกัน เพลิดเพลินในความแยกกัน กล่าวแต่คำที่ทำให้แยกกัน ๑

เป็นผู้พูดคำหยาบ คือกล่าววาจาหยาบช้า กล้าแข็งเดือดร้อนผู้อื่นเสียดสีผู้อื่น ใกล้ต่อความ โกรธ ไม่เป็นไปเพื่อสมาธิ ๑

เป็นพูดเพ้อเจ้อ คือกล่าวไม่ถูกกาลกล่าวไม่จริง กล่าวไม่อิงอรรถ กล่าวไม่อิงธรรม กล่าวไม่อิง วินัย กล่าววาจาที่ไม่มีหลักฐาน ไม่มีที่อ้างอิง ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ประกอบ ด้วยประโยชน์ โดยกาลอัน ไม่ควร ๑

เป็นผู้อยากได้ของ ผู้อื่น คือ อยากได้วัตถุเป็นอุปกรณ์แก่ทรัพย์ เครื่องปลื้มใจแห่ง ผู้อื่น ของ บุคคลอื่นว่า ไฉนหนอวัตถุเป็นอุปกรณ์แก่ทรัพย์เครื่องปลื้มใจแห่งผู้อื่น ของบุคคลอื่น พึงเป็นของเราดังนี้ ๑

เป็นผู้มีจิตคิดปองร้าย คือ มีความดำริในใจอันชั่วร้ายว่า ขอสัตว์เหล่านี้จงถูกฆ่า จงถูกทำลาย จงขาดสูญจงพินาศ หรืออย่าได้เป็นแล้ว ดังนี้ ๑

เป็นผู้มีความเห็นผิด คือ มีความเห็นวิปริตว่า ทานที่ให้แล้วไม่มีผล การเซ่นสรวง ไม่มีผล การบูชาไม่มีผล ผลวิบากแห่งกรรมที่บุคคลทำดีทำชั่ว ไม่มีโลกนี้ ไม่มี โลกหน้าไม่มีมารดา ไม่มีบิดาไม่มีสัตว์ผู้เป็นอุปปาติกะไม่มี สมณพราหมณ์ผู้ดำเนิน ไปโดยชอบ ผู้ปฏิบัติชอบ ผู้ทำโลกนี้ และปรโลกให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่ง ด้วยตนเองแล้วสอนผู้อื่นให้รู้ตาม ย่อมไม่มีในโลก ดังนี้ ๑

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการนี้แล เป็นผู้ถูกทอดทิ้ง ไว้ในนรก เหมือนสิ่งของที่เขานำมาทอดทิ้งไว้ ฯ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการ เป็นผู้ถูกเชิญมาประดิษฐาน ไว้ในสวรรค์ เหมือนสิ่งของที่นำมาประดิษฐานไว้ ธรรม ๑๐ประการเป็นไฉน

ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลบางคนในโลกนี้
(กุศลกรรมบถ10)

ละการฆ่าสัตว์เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ วางทัณฑะ วางศาตรา มีความละอาย มีความ เอ็นดู มีความกรุณาหวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ ละการลักทรัพย์งดเว้น จากการลักทรัพย์ ไม่ถือเอาวัตถุเป็นอุปกรณ์แก่ทรัพย์ เครื่องปลื้มใจแห่งผู้อื่น ของ บุคคลอื่น ซึ่งอยู่ในบ้าน หรืออยู่ในป่า ที่เจ้าของมิได้ให้ด้วยจิตเป็นขโมย ๑

ละการประพฤติผิดในกาม เว้นขาดจากการประพฤติผิดในกาม คือไม่ถึง ความประพฤติล่วงในสตรี ที่มารดารักษา บิดารักษาพี่ชายน้องชายรักษา พี่สาว น้องสาวรักษา ญาติรักษา ธรรมรักษา มีสามี มีอาชญาโดยรอบโดยที่สุดแม้สตรีที่บุรุษ คล้องแล้วด้วยพวงมาลัย ๑

ละการพูดเท็จ เว้นขาดจากการพูดเท็จ คือ อยู่ในสภาในบริษัทในท่ามกลางญาติ ในท่ามกลาง เสนา หรือในท่ามกลางราชสกุล ถูกผู้อื่นนำไปเป็นพยานซักถามว่า มาเถิดบุรุษผู้เจริญ ท่านรู้สิ่งใด จงพูดสิ่งนั้น บุคคลนั้นเมื่อไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ หรือเมื่อรู้ ก็บอกว่ารู้ เมื่อไม่เห็นก็บอกว่าไม่เห็น หรือ เมื่อเห็นก็บอกว่าเห็น ไม่เป็นผู้กล่าวเท็จ ทั้งรู้ เพราะเหตุแห่งตนบ้าง เพราะเหตุของผู้อื่นบ้าง หรือเพราะเหตุเห็นแก่อามิส เล็กน้อยบ้าง ด้วยประการฉะนี้ ๑

ละคำส่อเสียด เว้นขาดจากคำส่อเสียด คือ ฟังข้างนี้แล้วไม่ไปบอกข้างโน้น เพื่อ ทำลายคนหมู่นี้ หรือฟังจากข้างโน้น แล้วไม่มาบอกข้างนี้ เพื่อทำลายคนหมู่โน้น สมานคน ที่แตกร้าวกันบ้าง ส่งเสริมคนที่พร้อมเพรียงกันบ้าง ชอบคนผู้พร้อมเพรียงกัน ยินดีในคนผู้พร้อมเพรียงกัน เพลิดเพลินในคน ผู้พร้อมเพรียงกัน กล่าววาจาที่ทำให้ คน พร้อมเพรียงกันด้วยประการฉะนี้ ๑

ละคำหยาบ เว้นขาดจากคำหยาบ กล่าววาจาที่ไม่มีโทษ เพราะหู ชวนให้รักจับใจ เป็นของ ชาวเมืองคนส่วนมากรักใคร่ พอใจ ๑

ละคำเพ้อเจ้อ เว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อ พูดถูกกาลพูดแต่คำที่เป็นจริง พูดอิงอรรถ พูดอิงธรรม พูดอิงวินัย พูดแต่คำที่มีหลักฐานมีที่อ้างอิง มีที่กำหนด ประกอบด้วย ประโยชน์โดยกาลอันควร ๑

ไม่อยากได้ของผู้อื่น คือไม่อยากได้วัตถุ เป็นเครื่องอุปกรณ์แก่ทรัพย์ เครื่องปลื้มใจ ของผู้อื่นว่า ไฉนหนอ วัตถุที่เป็นเครื่องอุปกรณ์แก่ทรัพย์เครื่องปลื้มใจ แห่งผู้อื่น ของบุคคลอื่นพึงเป็นของเรา ดังนี้ ๑

เป็นผู้ไม่มีจิตคิดปองร้าย คือ ไม่มีความดำริในใจอันชั่วร้ายว่า ขอสัตว์เหล่านี้จงเป็น ผู้ไม่มีเวร ไม่มีความมุ่งร้ายกันไม่มีทุกข์ มีสุขรักษาตนเถิด ดังนี้ ๑

เป็นผู้มีความเห็นชอบ คือ มีความเห็นไม่วิปริตว่าทานที่บุคคลให้แล้วมีผล การเซ่นสรวงมีผล การบูชามีผล ผลวิบากแห่งกรรมที่บุคคลทำดีทำชั่วมีอยู่ โลกนี้มี โลกหน้ามี มารดามี บิดามี สัตว์ทั้งหลายผู้เป็นอุปปาติกะมี สมณพราหมณ์ผู้ดำเนินไป โดยชอบ ผู้ปฏิบัติชอบ ผู้ทำโลกนี้ และโลกหน้าให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่ง ด้วยตนเองแล้ว สอนผู้อื่นให้รู้ตามมีอยู่ ดังนี้ ๑

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการนี้แลเป็นผู้ถูกเชิญ มาประดิษฐาน ไว้ในสวรรค์ เหมือนสิ่งของที่เชิญมาประดิษฐานไว้

 
 
พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์