|
อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคต้น
หน้า 236-239
เบญจขันธ์เป็นทุกข์
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! คนกล่าวกันว่า ทุกข์ทุกข์ ดังนี้ ทุกข์นั้นเป็นอย่างไรเล่า? พระเจ้าข้า !
ราธะ ! รูป เป็นทุกข์ เวทนา เป็นทุกข์ สัญญา เป็นทุกข์ สังขารทั้งหลาย เป็นทุกข์ และ วิญญาณ เป็นทุกข์ แล.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! คนกล่าวกันว่า ทุกขธรรมทุกขธรรม (มีทุกข์เป็นธรรมดา) ดังนี้ ก็ทุกขธรรมนั้น เป็นอย่างไรเล่า? พระเจ้าข้า!”
ราธะ ! รูป เป็นทุกขธรรม, เวทนา เป็นทุกขธรรม, สัญญา เป็นทุกข์ธรรม สังขารทั้งหลาย เป็นทุกขธรรม และวิญญาณ เป็นทุกขธรรม แล.
ภิกษุ ท. ! รูป เป็น ทุกข์ สิ่งใด เป็นทุกข์ สิ่งนั้น เป็นอนัตตา สิ่งใด เป็นอนัตตา พึงเห็นสิ่งนั้น ด้วยปัญญาอันชอบ ตามที่เป็นจริงอย่างนี้ว่า “นั่นไม่ใช่ของเรา (เนตํ มม) นั่นไม่ใช่เรา (เนโสหมสฺมิ) นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา(น เมโส อตฺตา)” ดังนี้
ภิกษุ ท. ! เวทนา เป็นทุกข์ สิ่งใด เป็นทุกข์ สิ่งนั้น เป็นอนัตตา สิ่งใด เป็นอนัตตา พึงเห็นสิ่งนั้น ด้วยปัญญาอันชอบ ตามที่เป็นจริงอย่างนี้ว่า“นั่น ไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เรา นั่น ไม่ใช่ตัวตนของเรา” ดังนี้
ภิกษุ ท. ! สัญญา เป็นทุกข์ สิ่งใด เป็นทุกข์ สิ่งนั้น เป็นอนัตตา สิ่งใด เป็นอนัตตา พึงเห็นสิ่งนั้น ด้วยปัญญาอันชอบ ตามที่เป็นจริงอย่างนี้ว่า“นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เรา นั่น ไม่ใช่ตัวตนของเรา” ดังนี้
ภิกษุ ท. ! สังขารทั้งหลาย เป็นทุกข์ สิ่งใด เป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา สิ่งใด เป็นอนัตตา พึงเห็นสิ่งนั้น ด้วยปัญญาอันชอบ ตามที่เป็นจริงอย่างนี้ว่า “นั่นไม่ใช่ของเรา (เนตํ มม) นั่น ไม่ใช่เรา (เนโสหมสฺมิ) นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา (น เมโส อตฺตา)” ดังนี้
ภิกษุ ท. ! วิญญาณ เป็นทุกข์ สิ่งใด เป็นทุกข์ สิ่งนั้น เป็นอนัตตา สิ่งใด เป็นอนัตตา พึงเห็นสิ่งนั้น ด้วยปัญญาอันชอบ ตามที่เป็นจริงอย่างนี้ว่า“นั่น ไม่ใช่ของเรา นั่น ไม่ใช่เรา นั่น ไม่ใช่ตัวตนของเรา” ดังนี้ แล.
เหตุปัจจัยของเบญจขันธ์ก็เป็นทุกข์
ภิกษุ ท. ! รูป เป็นทุกข์, ถึงแม้เหตุ แม้ปัจจัย เพื่อการบังเกิดขึ้นของรูป ก็เป็นทุกข์, รูป ที่เกิดจากเหตุปัจจัย อันเป็นทุกข์แล้ว จักเป็นสุขได้อย่างไร
ภิกษุ ท. ! เวทนา เป็นทุกข์ ถึงแม้เหตุ แม้ปัจจัย เพื่อการบังเกิดขึ้นของเวทนา ก็เป็นทุกข์ เวทนา ที่เกิดจากเหตุปัจจัย อันเป็นทุกข์แล้วจักเป็นสุขได้อย่างไร
ภิกษุ ท. ! สัญญา เป็นทุกข์ ถึงแม้เหตุ แม้ปัจจัย เพื่อการบังเกิดขึ้นของสัญญา ก็เป็นทุกข์ สัญญา ที่เกิดจากเหตุปัจจัย อันเป็นทุกข์แล้วจักเป็นสุขได้อย่างไร
ภิกษุ ท. ! สังขารทั้งหลาย เป็นทุกข์ ถึงแม้เหตุ แม้ปัจจัย เพื่อการบังเกิดขึ้นของสังขารทั้งหลาย ก็เป็นทุกข์ สังขาร ที่เกิดจากเหตุปัจจัย อันเป็นทุกข์แล้ว จักเป็นสุขได้อย่างไร
ภิกษุ ท. ! วิญญาณ เป็นทุกข์ ถึงแม้เหตุ แม้ปัจจัย เพื่อการบังเกิดขึ้นของวิญญาณ ก็เป็นทุกข์, วิญญาณ ที่เกิดจากเหตุปัจจัย อันเป็นทุกข์แล้วจักเป็นสุขได้อย่างไร.
เบญจขันธ์เป็นอนัตตา
ภิกษุ ท. ! รูป เป็นอนัตตา บุคคล พึงเห็นรูปนั้น ด้วยปัญญาอันชอบ ตามที่เป็นจริง อย่างนี้ว่า “นั่น ไม่ใช่ของเรา (เนตํ มม), นั่น ไม่ใช่เรา(เนโสหมสฺมิ), นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา (น เมโส อตฺตา)” ดังนี้
ภิกษุ ท. ! เวทนา เป็นอนัตตา, บุคคล พึงเห็นเวทนานั้น ด้วยปัญญาอันชอบ ตามที่เป็นจริงอย่างนี้ว่า “นั่น ไม่ใช่ของเรา นั่น ไม่ใช่เรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา” ดังนี้
ภิกษุ ท. ! สัญญา เป็นอนัตตา บุคคล พึงเห็นสัญญานั้น ด้วยปัญญาอันชอบ ตามที่เป็นจริงอย่างนี้ว่า “นั่น ไม่ใช่ของเรา นั่น ไม่ใช่เรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา” ดังนี้;
ภิกษุ ท. ! สังขารทั้งหลาย เป็นอนัตตา บุคคล พึงเห็นสังขารทั้งหลายเหล่านั้น ด้วยปัญญาอันชอบ ตามที่เป็นจริงอย่างนี้ ว่า “นั่น ไม่ใช่ของเรา(เนตํ มม) นั่น ไม่ใช่เรา (เนโสหมสฺมิ) นั่น ไม่ใช่ตัวตนของเรา (น เมโสอตฺตา)” ดังนี้
ภิกษุ ท. ! วิญญาณ เป็นอนัตตา บุคคล พึงเห็นวิญญาณนั้น ด้วยปัญญาอันชอบ ตามที่เป็นจริงอย่างนี้ ว่า “นั่น ไม่ใช่ของเรา นั่น ไม่ใช่เรา. นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา” ดังนี้ แล.
|