|
อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคต้น
หน้า 233
ขันธ์ ๕ (เบญจขันธ์)ไม่เที่ยง
ภิกษุ ท. ! รูป เป็นของไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเป็นโดยอย่างอื่นได้
ภิกษุ ท. ! เวทนา เป็นของไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเป็นโดยอย่างอื่นได้
ภิกษุ ท. ! สัญญา เป็นของไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเป็นโดยอย่างอื่นได้
ภิกษุ ท. ! สังขารทั้งหลาย เป็นของไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเป็นโดยอย่างอื่นได้
ภิกษุ ท. ! วิญญาณ เป็นของไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเป็นโดยอย่างอื่นได้ แล
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! คนกล่าวกันว่า สมุทยธรรม สมุทยธรรม (มีความก่อขึ้นเป็นธรรมดา) ดังนี้ ก็ สมุทยธรรมนั้นเป็นอย่างไรเล่า? พระเจ้าข้า!”
ราธะ ! รูป เป็นสมุทยธรรม เวทนา เป็นสมุทยธรรม, สัญญาเป็นสมุทยธรรม สังขารทั้งหลาย เป็นสมุทยธรรม และวิญญาณ เป็นสมุทยธรรม แล
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! คนกล่าวกันว่า วยธรรมวยธรรม (มีความเสื่อมเป็นธรรมดา) ดังนี้ ก็ วยธรรมนั้นเป็นอย่างไรเล่า ? พระเจ้าข้า !”
ราธะ ! รูป เป็นวยธรรม, เวทนา เป็นวยธรรมสัญญา เป็นวยธรรมสังขารทั้งหลาย เป็นวยธรรม และวิญญาณ เป็นวยธรรม แล.
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! คนกล่าวกันว่า นิโรธธรรม นิโรธธรรม (มีความดับเป็นธรรมดา) ดังนี้ ก็ นิโรธธรรมนั้นเป็นอย่างไรเล่า ? พระเจ้าข้า ! ”
ราธะ ! รูป เป็นนิโรธธรรม เวทนา เป็นนิโรธธรรม สัญญาเป็นนิโรธธรรม สังขารทั้งหลาย เป็นนิโรธธรรม และวิญญาณ เป็นนิโรธธรรม แล
ภิกษุ ท. ! รูป ไม่เที่ยง, สิ่งใด ไม่เที่ยง สิ่งนั้น เป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้น เป็นอนัตตา สิ่งใด เป็นอนัตตา พึงเห็นสิ่งนั้น ด้วยปัญญาอันชอบ ตามที่เป็นจริง อย่างนี้ว่า “นั่น ไม่ใช่ของเรา (เนตํ มม) นั่นไม่ใช่เรา(เนโสหมสฺมิ) นั่นไม่ใช่ตัวตน ของเรา (น เมโส อตฺตา) ” ดังนี้
ภิกษุ ท. ! เวทนา ไม่เที่ยง, สิ่งใด ไม่เที่ยง สิ่งนั้น เป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้น เป็นอนัตตา สิ่งใด เป็นอนัตตา พึงเห็นสิ่งนั้น ด้วยปัญญาอันชอบ ตามที่เป็นจริง อย่างนี้ว่า “นั่น ไม่ใช่ของเรา (เนตํ มม) นั่นไม่ใช่เรา(เนโสหมสฺมิ) นั่นไม่ใช่ตัวตน ของเรา (น เมโส อตฺตา) ” ดังนี้
ภิกษุ ท. ! สัญญา ไม่เที่ยง, สิ่งใด ไม่เที่ยง สิ่งนั้น เป็นทุกข์, สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้น เป็นอนัตตา สิ่งใด เป็นอนัตตา พึงเห็นสิ่งนั้น ด้วยปัญญาอันชอบ ตามที่เป็นจริง อย่างนี้ว่า “นั่น ไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา” ดังนี้
ภิกษุ ท. ! สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยง, สิ่งใด ไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใด เป็นทุกข์ สิ่งนั้น เป็นอนัตตา สิ่งใด เป็นอนัตตา พึงเห็นสิ่งนั้น ด้วยปัญญาอันชอบ ตามที่เป็นจริงอย่างนี้ว่า “นั่น ไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา” ดังนี้
ภิกษุ ท. ! วิญญาณ ไม่เที่ยง, สิ่งใด ไม่เที่ยง สิ่งนั้น เป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้น เป็นอนัตตา สิ่งใด เป็นอนัตตา พึงเห็นสิ่งนั้น ด้วยปัญญาอันชอบ ตามที่เป็นจริง อย่างนี้ว่า “นั่น ไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา” ดังนี้ แล.
เหตุปัจจัยของเบญจขันธ์ก็ไม่เที่ยง
ภิกษุ ท. ! รูป ไม่เที่ยง, ถึงแม้เหตุ แม้ปัจจัย เพื่อการบังเกิดขึ้นของรูปก็ไม่เที่ยง รูป ที่เกิดจาก เหตุปัจจัย อันไม่เที่ยงแล้ว จักเป็นของเที่ยงได้อย่างไร
ภิกษุ ท. ! เวทนา ไม่เที่ยง, ถึงแม้เหตุ แม้ปัจจัย เพื่อการบังเกิดขึ้นของเวทนา ก็ไม่เที่ยง เวทนา ที่เกิดจากเหตุปัจจัย อันไม่เที่ยงแล้ว จักเป็นของเที่ยงได้อย่างไร
ภิกษุ ท. ! สัญญา ไม่เที่ยง ถึงแม้เหตุ แม้ปัจจัย เพื่อการบังเกิดขึ้นของ สัญญา ก็ไม่เที่ยง สัญญา ที่เกิดจากเหตุปัจจัย อันไม่เที่ยงแล้ว จักเป็นของเที่ยงได้อย่างไร
ภิกษุ ท. ! สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยง ถึงแม้เหตุ แม้ปัจจัย เพื่อการบังเกิดขึ้นของ สังขารทั้งหลาย ก็ไม่เที่ยง สังขาร ที่เกิดจากเหตุปัจจัยอันไม่เที่ยงแล้ว จักเป็นของเที่ยงได้อย่างไร
ภิกษุ ท. ! วิญญาณ ไม่เที่ยง ถึงแม้เหตุ แม้ปัจจัย เพื่อการบังเกิดขึ้นของวิญญาณ ก็ไม่เที่ยง วิญญาณ ที่เกิดจากเหตุปัจจัยอันไม่เที่ยงแล้ว จักเป็นของเที่ยงได้อย่างไร
|