หนังสือ ปฏิบัติ สมถะวิปัสสนา-พุทธวจน หัวข้อ 104-105 รอบรู้ซึ่งสักกายะ -บาลี ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙๓-๑๙๔/๒๘๔-๒๘๘. ภิกษุทั้งหลาย.เราจักแสดงสักกายะ สักกายสมุทัย สักกายนิโรธ และสักกายนิโรธคา มินีปฏิปทา แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง ภิกษุทั้งหลาย. ก็สักกายะเป็นอย่างไร สักกายะนั้น ควรจะกล่าวว่าคือ อุปาทานขันธ์ ๕ อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นอย่างไร อุปาทานขันธ์ ๕ นั้น ได้แก่ อุปาทานขันธ์คือรูป (รูปูปาทาน ขันธ์) อุปาทานขันธ์คือเวทนา (เวทนูปาทาน ขันธ์) อุปาทานขันธ์คือสัญญา (สัญญูปาทาน ขันธ์) อุปาทานขันธ์คือสังขาร (สังขารูปาทาน ขันธ์) อุปาทานขันธ์คือวิญญาณ (วิญญาณูปาทาน ขันธ์) ภิกษุทั้งหลายนี้เรียกว่า สักกายะ. ภิกษุทั้งหลาย. ก็สักกายสมุทัยเป็นอย่างไร สักกายสมุทัยนั้น คือ ตัณหาอันนำให้เกิด ในภพใหม่ ประกอบด้วยความกำหนัด ด้วยอำนาจ ความเพลินทำให้เพลิน อย่างยิ่งใน อารมณ์นั้นๆ กล่าวคือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ภิกษุทั้งหลาย. นี้เรียกว่า สักกายสมุทัย ภิกษุทั้งหลาย. ก็สักกายนิโรธเป็นอย่างไร สักกายนิโรธ คือ ความจางคลายดับไปโดย ไม่เหลือ ความสละทิ้ง ความสละคืน ความหลุดพ้น ความไม่อาลัยซึ่งตัณหานั้น. ภิกษุทั้งหลาย. นี้เรียกว่า สักกายนิโรธ ภิกษุทั้งหลาย. ก็สักกายนิโรธคามินีปฏิปทา เป็นอย่างไร สักกายนิโรธคามินีปฏิปทา คือ อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ นี้ กล่าวคือ สัมมา ทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ ภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า สักกาย นิโรธคามินีปฏิปทา เหตุเกิดแห่งสักกายทิฏฐิ -บาลี ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๒๕-๒๒๖/๓๕๖-๓๕๗. ภิกษุทั้งหลาย เมื่ออะไรมีอยู่ เพราะอาศัยอะไร เพราะยึดมั่นอะไร จึงเกิดมีสักกายทิฏฐิ ภิกษุทั้งหลาย เมื่อรูปมีอยู่ เพราะอาศัยรูป เพราะยึดมั่นรูป จึงเกิดมีสักกายทิฏฐิ เมื่อเวทนามีอยู่ … เมื่อสัญญามีอยู่ … เมื่อสังขารมีอยู่ ... เมื่อวิญญาณมีอยู่ เพราะอาศัย วิญญาณ เพราะยึดมั่นวิญญาณ จึงเกิดมีสักกายทิฏฐิ ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นอย่างไร รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา เพราะไม่อาศัยสิ่งนั้น สักกาย ทิฏฐิจะพึงเกิดมีขึ้นบ้างหรือ ไม่ใช่เช่นนั้น พระเจ้าข้า ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นอย่างไร เวทนา .. สัญญา .. สังขาร .. วิญญาณเที่ยงหรือไม่เที่ยง ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา เพราะไม่อาศัยสิ่งนั้น สักกาย ทิฏฐิจะพึงเกิดมีขึ้นบ้างหรือ ไม่ใช่เช่นนั้น พระเจ้าข้า ภิกษุทั้งหลาย. อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรูป ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในเวทนา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสัญญา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสังขาร ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในวิญญาณ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัด จึงหลุดพ้น เมื่อหลุด พ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่า หลุดพ้นแล้วย่อมรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นที่ต้องทำเพื่อ ความเป็นอย่างนี้มิได้มี (ในสูตรหนึ่ง ได้ตรัสถึงเหตุเกิดของอัตตานุทิฏฐิ ก็มีลักษณะอย่างเดียวกัน -บาลี ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๒๖/๓๕๘.)