เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
 
ค้นหาคำที่ต้องการ          

 
 อักโกสกสูตร โทษของคนทุศีล 548
 
อักโกสกสูตร :
โทษของคนทุศีล เพราะศีลวิบัติ ๕ ประการ เสื่อมทรัพย์
ศีลวิบัติย่อมฟุ้งไป เข้าสู่สังคมใดไม่องอาจ
เป็นผู้หลงเมื่อกระทำกาละ
ตายไปย่อมเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาตนรก



 
 
 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๒๗ - ๒๓๐


อักโกสกวรรคที่ ๒

๑. อักโกสกสูตร

          [๒๑๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดชอบด่า ชอบบริภาษเพื่อนพรหมจรรย์ ชอบติเตียนพระอริยเจ้า ภิกษุนั้นพึงหวังได้โทษ ๕ ประการ ๕ ประการเป็นไฉน คือ
          ๑. เธอย่อมต้องอาบัติปาราชิก ขาดทางบรรลุโลกุตรธรรม ๑
          ๒. ย่อมต้องอาบัติที่เศร้าหมองอย่างอื่น ๑
          ๓. ย่อมได้รับโรคเรื้อรังอย่างหนัก ๑
          ๔. ย่อมเป็นผู้หลงกระทำกาละ ๑
          ๕. เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาตนรก ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดชอบด่า ชอบบริภาษเพื่อนพรหมจรรย์ ชอบติเตียนพระ อริยเจ้า ภิกษุนั้น พึงหวังได้โทษ ๕ ประการนี้แล ฯ
..............................................................................................................................................

๒. ภัณทนสูตร

          [๒๑๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดผู้ทำความบาดหมาง ทำการทะเลาะ  ทำการวิวาททำการอื้อฉาว ก่ออธิกรณ์ในสงฆ์  ภิกษุนั้นพึงหวังได้โทษ ๕ ประการ ๕ ประการเป็นไฉน คือ
          ๑. ย่อมไม่ได้บรรลุคุณวิเศษที่ยังไม่ได้บรรลุ ๑
          ๒. ย่อมเสื่อมจากคุณที่ได้บรรลุแล้ว ๑
          ๓. กิติศัพท์ที่ชั่วย่อมฟุ้งไป ๑
          ๔. ย่อมเป็นผู้หลงกระทำกาละ ๑
          ๕. เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดทำความบาดหมาง ทำการทะเลาะ ทำการวิวาท ทำการอื้อฉาว ก่ออธิกรณ์ในสงฆ์ ภิกษุนั้นพึงหวังได้โทษ ๕ ประการนี้แล ฯ
..............................................................................................................................................

๓. สีลสูตร

          [๒๑๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษของคนทุศีล เพราะศีลวิบัติ ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ
          ผู้ทุศีล มีศีลวิบัติ ในธรรมวินัยนี้ ย่อมถึงความเสื่อมโภคทรัพย์อย่างมากอันมี ความประมาทเป็นเหตุ นี้เป็นโทษข้อที่ ๑ ของคนทุศีล
          เพราะศีลวิบัติ อีกประการหนึ่ง กิติศัพท์ที่ชั่วของผู้ทุศีล มีศีลวิบัติย่อมฟุ้งไป นี้เป็นโทษข้อที่ ๒ ของคนทุศีล
          เพราะศีลวิบัติ อีกประการหนึ่ง ผู้ทุศีลมีศีลวิบัติ จะเข้าสู่บริษัทใดๆ คือ ขัตติยบริษัท พราหมณบริษัท คฤหบดีบริษัทสมณบริษัทย่อมไม่องอาจ เก้อเขิน เข้าไปนี้เป็นโทษข้อที่ ๓ ของคนทุศีล
          เพราะศีลวิบัติอีกประการหนึ่งคนทุศีล มีศีลวิบัติ ย่อมเป็นผู้หลงกระทำ กาละ นี้เป็นโทษข้อที่ ๔ ของคนทุศีล
          เพราะศีลวิบัติ อีกประการหนึ่ง คนทุศีล มีศีลวิบัติ เมื่อตายไปย่อมเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาตนรก นี้เป็นโทษ ข้อที่ ๕ ของคนทุศีลเพราะศีลวิบัติ
          ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษของคนทุศีลเพราะศีลวิบัติ ๕ ประการนี้แล ฯ

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ของคนมีศีล

          เพราะความถึงพร้อมด้วยศีล ๕ ประการนี้๕ ประการเป็นไฉน คือคนมีศีล ถึงพร้อมด้วย ศีล ในธรรมวินัยนี้ ย่อมถึงกองโภคทรัพย์มากมาย อันมีความไม่ ประมาทเป็นเหตุ นี้เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๑ ของคนมีศีล

          เพราะความถึงพร้อมด้วยศีล อีกประการหนึ่ง กิติศัพท์อันงามของคนมีศีล ถึงพร้อมด้วย ศีล ย่อมฟุ้งไป นี้เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๒ ของคนมีศีล

          เพราะความถึงพร้อมด้วยศีล อีกประการหนึ่ง คนมีศีลถึงพร้อมด้วยศีล จะเข้าสู่ บริษัท ใดๆ คือ ขัตติยบริษัท พราหมณบริษัท คฤหบดีบริษัท สมณบริษัท ย่อม องอาจ ไม่เก้อเขินเข้าไป นี้เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๓ ของคนมีศีล

          เพราะความถึงพร้อมด้วยศีล อีกประการหนึ่ง คนมีศีลถึงพร้อมด้วยศีล ย่อมเป็นผู้ ไม่หลง กระทำกาละ นี้เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๔ ของคนมีศีล

          เพราะความถึงพร้อมด้วยศีลอีกประการหนึ่ง คนมีศีล ถึงพร้อมด้วยศีล เมื่อตายไปย่อม เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ นี้เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๕ ของคนมีศีล

          เพราะความถึงพร้อมด้วยศีล ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ของคนมีศีล เพราะความถึง พร้อมด้วยศีล ๕ ประการนี้แล ฯ
..............................................................................................................................................

๔. พหุภาณีสูตร

          [๒๑๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้ มีอยู่ในบุคคลผู้ พูดมาก
๕ ประการเป็นไฉน
คือ
          ๑. พูดเท็จ ๑
          ๒. พูดส่อเสียด ๑
          ๓. พูดคำหยาบ ๑
          ๔. พูดเพ้อเจ้อ ๑
          ๕. เมื่อตายไปย่อมเข้า ถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ๑
          ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้แล มีอยู่ในบุคคลผู้พูดมาก ฯ

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ ๕ ประการนี้ มีอยู่ในบุคคลผู้ พูดพอประมาณ ๕ ประการเป็นไฉน คือ
          ๑. ไม่พูดเท็จ ๑
          ๒. ไม่พูดส่อเสียด ๑
          ๓. ไม่พูดคำหยาบ ๑
          ๔.ไม่พูดเพ้อเจ้อ ๑
          ๕. เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ ๕ ประการนี้แล มีอยู่ในบุคคลผู้พูดพอประมาณ ฯ
..............................................................................................................................................

๕. อขันติสูตรที่ ๑

          [๒๑๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษของความ ไม่อดทน ๕ ประการนี้
๕ ประการเป็นไฉน
คือ ผู้ไม่อดทน
          ๑. ย่อมไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของคนเป็นอันมาก ๑
          ๒. ย่อมเป็นผู้มากด้วยเวร ๑
          ๓. ย่อมเป็นผู้มากด้วยโทษ ๑
          ๔. ย่อมเป็นผู้หลงกระทำกาละ ๑
          ๕. เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติวินิบาต นรก ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษของความไม่อดทน ๕ ประการนี้แล ฯ

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ของความ อดทน ๕ ประการนี้
๕ ประการเป็นไฉน
คือ
          ๑. ผู้อดทนย่อมเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของคนเป็นอันมาก ๑
          ๒. ย่อมเป็นผู้ไม่มากด้วยเวร ๑
          ๓.ย่อมเป็นผู้ไม่มากด้วยโทษ ๑
          ๔.ย่อมเป็นผู้ไม่หลงกระทำกาละ ๑
          ๕.เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลายอานิสงส์ของความอดทน ๕ประการนี้แล ฯ
..............................................................................................................................................

๖. อขันติสูตรที่ ๒

          [๒๑๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษของความไม่อดทน ๕ ประการนี้
๕ ประการ เป็นไฉน คือ
          ๑. ผู้ไม่อดทนย่อมไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของคนเป็นอันมาก ๑
          ๒. ย่อมเป็นผู้โหดร้าย ๑
          ๓. ย่อมเป็นผู้เดือดร้อน ๑
          ๔.ย่อมเป็นผู้หลงกระทำกาละ ๑
          ๕. เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษของความไม่อดทน ๕ ประการนี้แล ฯ

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ของความอดทน๕ ประการนี้
๕ ประการเป็นไฉน คือ
          ๑. ผู้อดทนย่อมเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของคนเป็นอันมาก ๑
          ๒. ย่อมเป็นผู้ไม่โหดร้าย ๑
          ๓.ย่อมเป็นผู้ไม่เดือดร้อน ๑
          ๔.ย่อมเป็นผู้ไม่หลงกระทำกาละ ๑
          ๕.เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ของความอดทน ๕ ประการนี้แล ฯ
..............................................................................................................................................

๗. อปาสาทิกสูตรที่ ๑


          [๒๑๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้ มีอยู่ในบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วย กายกรรมเป็นต้น อันไม่น่าเลื่อมใส ๕ ประการเป็นไฉน คือ
          ๑. แม้ตนเองย่อมติเตียนตนได้ ๑
          ๒. วิญญูชนพิจารณาแล้ว ย่อมติเตียน ๑
          ๓.กิติศัพท์ที่ชั่วย่อมฟุ้งไป ๑
          ๔. ย่อมเป็นผู้หลงกระทำกาละ ๑
          ๕.เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้แล มีอยู่ในบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยกายกรรมเป็นต้น อันไม่น่าเลื่อมใส ฯ

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ ๕ ประการนี้ มีอยู่ในบุคคลผู้มีความประพฤติ นำมา ซึ่งความเลื่อมใส ๕ ประการเป็นไฉน คือ
          ๑.แม้ตนเองย่อมไม่ติเตียนตนได้ ๑
          ๒.วิญญูชนพิจารณาแล้วย่อมสรรเสริญ ๑
          ๓.กิติศัพท์อันงามย่อมฟุ้งไป ๑
          ๔.ย่อมเป็นผู้ไม่หลงกระทำกาละ ๑
          ๕.เมื่อตายไปเข้าย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ ๕ ประการนี้แล มีอยู่ในบุคคลผู้มีความประพฤตินำมาซึ่ง ความเลื่อมใส ฯ
..............................................................................................................................................

๘. อปาสาทิกสูตร ๒

          [๒๑๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้ มีอยู่ในบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วย กายกรรมเป็นต้น อันไม่น่าเลื่อมใส ๕ ประการเป็นไฉน คือ
          ๑. คนพวกที่ยังไม่เลื่อมใสย่อมไม่เลื่อมใส ๑
          ๒. คนพวกที่เลื่อมใสแล้วบางพวกย่อมคลายความเลื่อมใส ๑
          ๓. ชื่อว่าย่อมไม่กระทำตามคำสอนของพระศาสดา ๑
          ๔.ประชุมชนชั้นหลังย่อมถือตาม ๑
          ๕.จิตของเขาย่อมไม่เลื่อมใส ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลายโทษ๕ ประการนี้แล มีอยู่ในบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยกายกรรมเป็นต้น อันไม่น่าเลื่อมใส ฯ

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ ๕ ประการนี้ มีอยู่ในบุคคลผู้มีความประพฤตินำมา ซึ่ง ความเลื่อมใส ๕ ประการเป็นไฉน คือ
          ๑. คนพวกที่ยังไม่เลื่อมใส ย่อมเลื่อมใส ๑
          ๒. คนพวกที่เลื่อมใสแล้วย่อมเลื่อมใสยิ่งขึ้น ๑
          ๓. ชื่อว่าย่อมกระทำตามคำสั่งสอนของพระศาสดา ๑
          ๔.ประชุมชนชั้นหลังย่อมถือตาม ๑
          ๕.จิตของเขาย่อมเลื่อมใส ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ ๕ ประการนี้แลมีอยู่ในบุคคลผู้มีความประพฤติ นำมาซึ่ง ความเลื่อมใส ฯ
..............................................................................................................................................

๙. อัคคิสูตร


          [๒๑๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้ มีอยู่เพราะไฟ ๕ ประการเป็น ไฉน คือ
          ๑. ทำให้ตาฝ้าฟาง ๑
          ๒. ทำให้ผิวเสีย ๑
          ๓.ทำให้ทุรพล ๑
          ๔.ย่อมยังการคลุกคลีหมู่คณะให้เจริญ ๑
          ๕.ย่อมยังติรัจฉานกถาให้เป็นไป ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้แล มีอยู่เพราะไฟ ฯ
..............................................................................................................................................

๑๐. มธุราสูตร


          [๒๒๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้ มีอยู่ในนครมธุรา ๕ ประการ เป็นไฉน คือ
          ๑. นครมธุรามีพื้นดินไม่ราบเรียบ ๑
          ๒. มีฝุ่นมาก ๑
          ๓. มีสุนัขดุ ๑
          ๔. มียักษ์ร้าย ๑
          ๕.หาอาหารได้ยาก ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้แล มีอยู่ในนครมธุรา ฯ

จบอักโกสกวรรคที่ ๒               



 
 
พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์