พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๒๗ - ๒๓๐ อักโกสกวรรคที่ ๒ ๑. อักโกสกสูตร [๒๑๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดชอบด่า ชอบบริภาษเพื่อนพรหมจรรย์ ชอบติเตียนพระอริยเจ้า ภิกษุนั้นพึงหวังได้โทษ ๕ ประการ ๕ ประการเป็นไฉน คือ ๑. เธอย่อมต้องอาบัติปาราชิก ขาดทางบรรลุโลกุตรธรรม ๑ ๒. ย่อมต้องอาบัติที่เศร้าหมองอย่างอื่น ๑ ๓. ย่อมได้รับโรคเรื้อรังอย่างหนัก ๑ ๔. ย่อมเป็นผู้หลงกระทำกาละ ๑ ๕. เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาตนรก ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดชอบด่า ชอบบริภาษเพื่อนพรหมจรรย์ ชอบติเตียนพระ อริยเจ้า ภิกษุนั้น พึงหวังได้โทษ ๕ ประการนี้แล ฯ .............................................................................................................................................. ๒. ภัณทนสูตร [๒๑๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดผู้ทำความบาดหมาง ทำการทะเลาะ ทำการวิวาททำการอื้อฉาว ก่ออธิกรณ์ในสงฆ์ ภิกษุนั้นพึงหวังได้โทษ ๕ ประการ ๕ ประการเป็นไฉน คือ ๑. ย่อมไม่ได้บรรลุคุณวิเศษที่ยังไม่ได้บรรลุ ๑ ๒. ย่อมเสื่อมจากคุณที่ได้บรรลุแล้ว ๑ ๓. กิติศัพท์ที่ชั่วย่อมฟุ้งไป ๑ ๔. ย่อมเป็นผู้หลงกระทำกาละ ๑ ๕. เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดทำความบาดหมาง ทำการทะเลาะ ทำการวิวาท ทำการอื้อฉาว ก่ออธิกรณ์ในสงฆ์ ภิกษุนั้นพึงหวังได้โทษ ๕ ประการนี้แล ฯ .............................................................................................................................................. ๓. สีลสูตร [๒๑๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษของคนทุศีล เพราะศีลวิบัติ ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ ผู้ทุศีล มีศีลวิบัติ ในธรรมวินัยนี้ ย่อมถึงความเสื่อมโภคทรัพย์อย่างมากอันมี ความประมาทเป็นเหตุ นี้เป็นโทษข้อที่ ๑ ของคนทุศีล เพราะศีลวิบัติ อีกประการหนึ่ง กิติศัพท์ที่ชั่วของผู้ทุศีล มีศีลวิบัติย่อมฟุ้งไป นี้เป็นโทษข้อที่ ๒ ของคนทุศีล เพราะศีลวิบัติ อีกประการหนึ่ง ผู้ทุศีลมีศีลวิบัติ จะเข้าสู่บริษัทใดๆ คือ ขัตติยบริษัท พราหมณบริษัท คฤหบดีบริษัทสมณบริษัทย่อมไม่องอาจ เก้อเขิน เข้าไปนี้เป็นโทษข้อที่ ๓ ของคนทุศีล เพราะศีลวิบัติอีกประการหนึ่งคนทุศีล มีศีลวิบัติ ย่อมเป็นผู้หลงกระทำ กาละ นี้เป็นโทษข้อที่ ๔ ของคนทุศีล เพราะศีลวิบัติ อีกประการหนึ่ง คนทุศีล มีศีลวิบัติ เมื่อตายไปย่อมเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาตนรก นี้เป็นโทษ ข้อที่ ๕ ของคนทุศีลเพราะศีลวิบัติ ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษของคนทุศีลเพราะศีลวิบัติ ๕ ประการนี้แล ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ของคนมีศีล เพราะความถึงพร้อมด้วยศีล ๕ ประการนี้๕ ประการเป็นไฉน คือคนมีศีล ถึงพร้อมด้วย ศีล ในธรรมวินัยนี้ ย่อมถึงกองโภคทรัพย์มากมาย อันมีความไม่ ประมาทเป็นเหตุ นี้เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๑ ของคนมีศีล เพราะความถึงพร้อมด้วยศีล อีกประการหนึ่ง กิติศัพท์อันงามของคนมีศีล ถึงพร้อมด้วย ศีล ย่อมฟุ้งไป นี้เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๒ ของคนมีศีล เพราะความถึงพร้อมด้วยศีล อีกประการหนึ่ง คนมีศีลถึงพร้อมด้วยศีล จะเข้าสู่ บริษัท ใดๆ คือ ขัตติยบริษัท พราหมณบริษัท คฤหบดีบริษัท สมณบริษัท ย่อม องอาจ ไม่เก้อเขินเข้าไป นี้เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๓ ของคนมีศีล เพราะความถึงพร้อมด้วยศีล อีกประการหนึ่ง คนมีศีลถึงพร้อมด้วยศีล ย่อมเป็นผู้ ไม่หลง กระทำกาละ นี้เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๔ ของคนมีศีล เพราะความถึงพร้อมด้วยศีลอีกประการหนึ่ง คนมีศีล ถึงพร้อมด้วยศีล เมื่อตายไปย่อม เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ นี้เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๕ ของคนมีศีล เพราะความถึงพร้อมด้วยศีล ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ของคนมีศีล เพราะความถึง พร้อมด้วยศีล ๕ ประการนี้แล ฯ .............................................................................................................................................. ๔. พหุภาณีสูตร [๒๑๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้ มีอยู่ในบุคคลผู้ พูดมาก ๕ ประการเป็นไฉน คือ ๑. พูดเท็จ ๑ ๒. พูดส่อเสียด ๑ ๓. พูดคำหยาบ ๑ ๔. พูดเพ้อเจ้อ ๑ ๕. เมื่อตายไปย่อมเข้า ถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้แล มีอยู่ในบุคคลผู้พูดมาก ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ ๕ ประการนี้ มีอยู่ในบุคคลผู้ พูดพอประมาณ ๕ ประการเป็นไฉน คือ ๑. ไม่พูดเท็จ ๑ ๒. ไม่พูดส่อเสียด ๑ ๓. ไม่พูดคำหยาบ ๑ ๔.ไม่พูดเพ้อเจ้อ ๑ ๕. เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ ๕ ประการนี้แล มีอยู่ในบุคคลผู้พูดพอประมาณ ฯ .............................................................................................................................................. ๕. อขันติสูตรที่ ๑ [๒๑๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษของความ ไม่อดทน ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ ผู้ไม่อดทน ๑. ย่อมไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของคนเป็นอันมาก ๑ ๒. ย่อมเป็นผู้มากด้วยเวร ๑ ๓. ย่อมเป็นผู้มากด้วยโทษ ๑ ๔. ย่อมเป็นผู้หลงกระทำกาละ ๑ ๕. เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติวินิบาต นรก ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษของความไม่อดทน ๕ ประการนี้แล ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ของความ อดทน ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ ๑. ผู้อดทนย่อมเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของคนเป็นอันมาก ๑ ๒. ย่อมเป็นผู้ไม่มากด้วยเวร ๑ ๓.ย่อมเป็นผู้ไม่มากด้วยโทษ ๑ ๔.ย่อมเป็นผู้ไม่หลงกระทำกาละ ๑ ๕.เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลายอานิสงส์ของความอดทน ๕ประการนี้แล ฯ .............................................................................................................................................. ๖. อขันติสูตรที่ ๒ [๒๑๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษของความไม่อดทน ๕ ประการนี้ ๕ ประการ เป็นไฉน คือ ๑. ผู้ไม่อดทนย่อมไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของคนเป็นอันมาก ๑ ๒. ย่อมเป็นผู้โหดร้าย ๑ ๓. ย่อมเป็นผู้เดือดร้อน ๑ ๔.ย่อมเป็นผู้หลงกระทำกาละ ๑ ๕. เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษของความไม่อดทน ๕ ประการนี้แล ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ของความอดทน๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ ๑. ผู้อดทนย่อมเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของคนเป็นอันมาก ๑ ๒. ย่อมเป็นผู้ไม่โหดร้าย ๑ ๓.ย่อมเป็นผู้ไม่เดือดร้อน ๑ ๔.ย่อมเป็นผู้ไม่หลงกระทำกาละ ๑ ๕.เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ของความอดทน ๕ ประการนี้แล ฯ .............................................................................................................................................. ๗. อปาสาทิกสูตรที่ ๑ [๒๑๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้ มีอยู่ในบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วย กายกรรมเป็นต้น อันไม่น่าเลื่อมใส ๕ ประการเป็นไฉน คือ ๑. แม้ตนเองย่อมติเตียนตนได้ ๑ ๒. วิญญูชนพิจารณาแล้ว ย่อมติเตียน ๑ ๓.กิติศัพท์ที่ชั่วย่อมฟุ้งไป ๑ ๔. ย่อมเป็นผู้หลงกระทำกาละ ๑ ๕.เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้แล มีอยู่ในบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยกายกรรมเป็นต้น อันไม่น่าเลื่อมใส ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ ๕ ประการนี้ มีอยู่ในบุคคลผู้มีความประพฤติ นำมา ซึ่งความเลื่อมใส ๕ ประการเป็นไฉน คือ ๑.แม้ตนเองย่อมไม่ติเตียนตนได้ ๑ ๒.วิญญูชนพิจารณาแล้วย่อมสรรเสริญ ๑ ๓.กิติศัพท์อันงามย่อมฟุ้งไป ๑ ๔.ย่อมเป็นผู้ไม่หลงกระทำกาละ ๑ ๕.เมื่อตายไปเข้าย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ ๕ ประการนี้แล มีอยู่ในบุคคลผู้มีความประพฤตินำมาซึ่ง ความเลื่อมใส ฯ .............................................................................................................................................. ๘. อปาสาทิกสูตร ๒ [๒๑๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้ มีอยู่ในบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วย กายกรรมเป็นต้น อันไม่น่าเลื่อมใส ๕ ประการเป็นไฉน คือ ๑. คนพวกที่ยังไม่เลื่อมใสย่อมไม่เลื่อมใส ๑ ๒. คนพวกที่เลื่อมใสแล้วบางพวกย่อมคลายความเลื่อมใส ๑ ๓. ชื่อว่าย่อมไม่กระทำตามคำสอนของพระศาสดา ๑ ๔.ประชุมชนชั้นหลังย่อมถือตาม ๑ ๕.จิตของเขาย่อมไม่เลื่อมใส ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลายโทษ๕ ประการนี้แล มีอยู่ในบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยกายกรรมเป็นต้น อันไม่น่าเลื่อมใส ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ ๕ ประการนี้ มีอยู่ในบุคคลผู้มีความประพฤตินำมา ซึ่ง ความเลื่อมใส ๕ ประการเป็นไฉน คือ ๑. คนพวกที่ยังไม่เลื่อมใส ย่อมเลื่อมใส ๑ ๒. คนพวกที่เลื่อมใสแล้วย่อมเลื่อมใสยิ่งขึ้น ๑ ๓. ชื่อว่าย่อมกระทำตามคำสั่งสอนของพระศาสดา ๑ ๔.ประชุมชนชั้นหลังย่อมถือตาม ๑ ๕.จิตของเขาย่อมเลื่อมใส ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ ๕ ประการนี้แลมีอยู่ในบุคคลผู้มีความประพฤติ นำมาซึ่ง ความเลื่อมใส ฯ .............................................................................................................................................. ๙. อัคคิสูตร [๒๑๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้ มีอยู่เพราะไฟ ๕ ประการเป็น ไฉน คือ ๑. ทำให้ตาฝ้าฟาง ๑ ๒. ทำให้ผิวเสีย ๑ ๓.ทำให้ทุรพล ๑ ๔.ย่อมยังการคลุกคลีหมู่คณะให้เจริญ ๑ ๕.ย่อมยังติรัจฉานกถาให้เป็นไป ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้แล มีอยู่เพราะไฟ ฯ .............................................................................................................................................. ๑๐. มธุราสูตร [๒๒๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้ มีอยู่ในนครมธุรา ๕ ประการ เป็นไฉน คือ ๑. นครมธุรามีพื้นดินไม่ราบเรียบ ๑ ๒. มีฝุ่นมาก ๑ ๓. มีสุนัขดุ ๑ ๔. มียักษ์ร้าย ๑ ๕.หาอาหารได้ยาก ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้แล มีอยู่ในนครมธุรา ฯ จบอักโกสกวรรคที่ ๒