พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๓๖ หน้าที่ ๑๘๒ บุคลผู้ประเสริฐของโลก 6 จำพวก (ฉักกนิทเทส) [๑๔๗] บรรดาบุคคลเหล่านั้น บุคคลนี้ใด ตรัสรู้สัจจะทั้งหลายด้วยตนเอง ในธรรมทั้งหลาย ที่ไม่ได้สดับมาแล้วในกาลก่อน ทั้งบรรลุความเป็นสัพพัญญู ในธรรมนั้นด้วย ทั้งถึงความชำนาญในธรรม เป็นกำลังทั้งหลายด้วยบุคคลนั้น พึงเห็นว่าเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า (1) ด้วยพระสัพพัญญุตญาณนั้น บุคคลนี้ใด ตรัสรู้สัจจะทั้งหลายด้วยตนเองในธรรมทั้งหลาย ที่ไม่ได้สดับมาแล้ว ในกาลก่อน แต่มิได้บรรลุความเป็นสัพพัญญูในธรรมนั้นด้วย ทั้งมิได้ถึงความชำนาญ ในธรรมเป็นกำลังทั้งหลายด้วย บุคคลนั้น พึงเห็นว่าเป็น พระปัจเจกพุทธเจ้า (2)ด้วยปัจเจกโพธิญาณนั้น บุคคลนี้ใด มิได้ตรัสรู้สัจจะทั้งหลายด้วยตนเองในธรรมทั้งหลาย ที่ไม่ได้สดับมาแล้ว ในกาลก่อน เป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ในทิฏฐธรรมเทียว ทั้งบรรลุสาวกบารมีด้วย บุคคลเหล่านั้นพึงเห็นว่าเป็น พระสารีบุตร และ พระโมคคัลลานะ (3) ด้วย สาวกบารมีญาณนั้น บุคคลนี้ใด มิได้ตรัสรู้สัจจะทั้งหลายด้วยตนเองในธรรมทั้งหลาย ที่ไม่ได้สดับมาแล้ว ในกาลก่อน เป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ในทิฏฐธรรมเทียว แต่ไม่บรรลุสาวกบารมี บุคคลเหล่านั้นพึงเห็นว่าเป็น พระอรหันต์ ที่เหลือ (4)ด้วยการกระทำที่สุดแห่งทุกข์นั้น บุคคลนี้ใด มิได้ตรัสรู้สัจจะทั้งหลายด้วยตนเองในธรรมทั้งหลาย ที่ไม่ได้สดับมาแล้ว ในกาลก่อน ทั้งมิได้กระทำที่สุดทุกข์ในทิฏฐธรรมเทียว เป็นพระอนาคามี ไม่มาแล้วสู่ ความเป็นอย่างนี้ บุคคลนั้น พึงเห็นว่าเป็น พระอนาคามี (5)ด้วยการไม่กลับมาสู่ความ เป็นอย่างนี้นั้น บุคคลนี้ใด มิได้ตรัสรู้สัจจะทั้งหลายด้วยตนเองในธรรมทั้งหลาย ที่ไม่ได้สดับมาแล้ว ในกาลก่อน ทั้งไม่ได้ทำที่สุดทุกข์ในทิฏฐธรรมเทียว ยังมาสู่ความเป็นอย่างนี้ บุคคลเหล่านั้น พึงเห็นว่าเป็น พระโสดาบัน พระสกทาคามี (6)ด้วยการมาสู่ความเป็นอย่างนี้นั้น ฉักกนิทเทส จบ