(โดยย่อ)
ยส เป็นบุตรของเศรษฐี รู้สึกเบื่อหน่าย จึงเปล่งอุทาน ในที่ไม่ไกลพระผู้มีพระภาค ว่า “ท่านผู้เจริญ ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ” ทันทีนั้นพระผู้มีพระภาคตรัส ดูกรยส ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง มาเถิดยส เราจักแสดงธรรม... เมื่อยสเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคแล้ว ทรงแสดง อนุปุพพิกถา คือ ทานกถา สีลกถา สัคคกถา โทษของกาม ตามด้วยพระธรรมเทศนา คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
ดวงตาเห็นธรรม รู้ชัดว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลมีความดับเป็นธรรมดา เมื่อยสพิจารณาตามที่เห็นแล้ว รู้แจ้งแล้ว ก็พ้นจากอาสวะ เพราะไม่ถือมั่น (สำเร็จเป็นอรหันต์แล้ว ในขณะที่ยังเป็นคฤหัสถ์ผู้ครองเรือน นับเป็นอรหันต์องค์ที่ ๗)
ในกาลครั้งนั้น
พระผู้มีพระภาคได้แสดงธรรมีกถาแก่
1.บิดา .. จนได้เป็นอุบาสก เป็นคนแรกในโลก
2.มารดา .. เห็นแจ้งสมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถา
3.ภรรยาเก่าของพระยส ... เห็นแจ้งสมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถา
ในกาลนั้น
สหายคฤหัสถ์ ๔ คนของพระยส ออกบรรพชา
จิตของภิกษุเหล่านั้นพ้นแล้วจากอาสวะ เพราะไม่ถือมั่น และสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ทั้ง ๔ คน
(เวลานั้นมีพระอรหันต์ ๑๑ องค์)
สหายคฤหัสถ์ ๕๐ คน ของพระยสออกบรรพชา
จิตของภิกษุเหล่านั้นพ้นแล้วจากอาสวะ เพราะไม่ถือมั่น และสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ทั้ง ๕๐ คน
สมัยนั้น มีพระอรหันต์เกิดขึ้นในโลก ๖๑ องค์
คือ ตถาคต-๑
ปัญจวัคคีย์-๕ พระยศ-๑ สหายพระยส-๔ สหายคฤหัสถ์พระยส-๕๐
|