เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
 
ค้นหาคำที่ต้องการ          

 
  สังกิจจชาดก 269  
 
 
 


๒. สังกิจจชาดก
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๘  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๐ ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๒

นี้เป็นอรรถกถา (คำสอนนอกศาสนาพุทธ)

สังกิจจฤาษีแสดงธรรม และ อธรรม แก่พระเจ้าพรหมทัตต์

             [๙๐] ลำดับนั้น คนเฝ้าสวนเห็นพระเจ้าพรหมทัตต์ จอมทัพ ประทับนั่งอยู่ ได้กราบ ทูลแด่ท้าวเธอว่า สังกิจจฤาษีที่พระองค์ทรงพระกรุณา ซึ่งยกย่องกันว่า ได้ดีแล้วในหมู่ฤาษี ทั้งหลายมาถึงแล้ว เชิญพระองค์รีบเสด็จออกไปพบท่าน ผู้แสวง หาคุณอันยิ่งใหญ่โดยเร็วเถิด ก็ลำดับนั้น พระราชาผู้จอมทัพอันมิตร และอำมาตย์ ล้อมแล้ว เสด็จขึ้นรถอันเทียมด้วยม้าอาชา ไนยรีบเสด็จไป พระราชาผู้ทรงบำรุงแคว้น ของชาวกาสีให้เจริญทรงเปลื้องราชกกุธภัณฑ์ ๕ อย่าง คือ พัดวาลวิชนีอุณหิส พระขรรค์เศวตฉัตรและฉลองพระบาทวางไว้แล้ว เสด็จลงจาก รถ ทรงดำเนินเข้าไปหา สังกิจจฤาษี ผู้นั่งอยู่ในพระราชอุทยานอันมีนามว่านายปัสสะ ครั้น เสด็จเข้าไปหาแล้ว ก็ทรงบันเทิงอยู่กับฤาษี ครั้นทรงสนทนาปราศรัยพอระลึกถึงกันแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

ครั้นประทับนั่งแล้ว ลำดับนั้นได้ทรงสำคัญกาลอยู่ แต่นั้นทรงปฏิบัติ เพื่อจะตรัสถาม กรรมอัน เป็นบาป จึงตรัสว่า ข้าพเจ้าขอถามท่านสังกิจจฤาษีผู้ได้รับยกย่องว่า ได้ดี แล้วในหมู่ฤาษี ทั้งหลาย อันหมู่ฤาษีทั้งหลายห้อมล้อมนั่งอยู่ ในทายปัสสะอุทยานว่า นรชนผู้ประพฤติ ล่วงธรรม (เหมือน)ข้าพเจ้าประพฤติล่วงธรรมแล้ว ไปสู่คติอะไร ในปรโลก ข้าพเจ้าถามแล้ว ได้โปรดบอกเนื้อความนั้นแก่ข้าพเจ้า.

             [๙๑] สังกิจจฤาษี  ได้กล่าวตอบพระราชาผู้บำรุงแคว้นของชาวกาสี ให้เจริญ ประทับนั่งอยู่ในทายปัสสะอุทยานว่า ขอถวายพระพร ขอมหาบพิตรทรงฟัง อาตมภาพ ถ้าเมื่อ บุคคลเว้นทางผิด ทำตามคำของบุคคลผู้บอกทางถูก โจรผู้เป็น เสี้ยนหนามก็ไม่พึงพบหน้า ของบุคคลนั้น เมื่อบุคคลปฏิบัติอธรรม  แต่ถ้ากระทำตาม คำของบุคคลผู้พร่ำสอนธรรม บุคคลนั้นไม่พึงไปสู่ทุคติ.

             [๙๒] ขอถวายพระพร ธรรมเป็นทางถูก ส่วนอธรรมเป็นทางผิด อธรรมย่อม นำไปสู่ นรก ธรรมย่อมให้ถึงสุคติ นรชนผู้ประพฤติอธรรม มีความเป็นอยู่ไม่สม่ำเสมอ ละโลกนี้แล้ว ย่อมไปสู่คติใด อาตมภาพจะกล่าว

คติ คือ นรกเหล่านั้น ขอพระองค์ทรงสดับอาตมภาพเถิด นรก ๘ ขุมนี้ คือ
             สัญชีวนรก ๑     (ขุมที่ 1)
             กาฬสุตตนรก ๑ 
(ขุมที่ 2)
             สังฆาตนรก ๑    
(ขุมที่ 3)
             โรรุวนรก ๑       
(ขุมที่ 4)
             มหาโรรุวนรก ๑ 
(ขุมที่ 5)
             มหาอเวจีนรก ๑ 
(ขุมที่ 6)
             ตาปนนรก ๑     
 (ขุมที่ 7)
             ปตาปนนรก ๑    
(ขุมที่ 8)

อันบัณฑิตทั้งหลายกล่าวไว้แล้ว ก้าวล่วงได้ยากเกลื่อนกล่นไปด้วยเหล่าสัตว์ ผู้มีกรรม หยาบ ช้าเฉพาะขุมหนึ่งๆ มีอุสสทนรก ๑๖ ขุมเป็นที่ทำบุคคลผู้กระด้างให้เร่าร้อน น่ากลัว มีเปลว เพลิงรุ่งโรจน์ มีภัยใหญ่ขนลุกขนพอง น่าสะพรึงกลัว มีภัยรอบข้าง เป็นทุกข์ มี ๔ มุม ๔ ประตู จัดแบ่งไว้เป็นส่วนๆ มีกำแพงเหล็กกั้น โดยรอบมีฝาเหล็ก ครอบ ภาคพื้นของนรกเหล่านั้นล้วนแต่เหล็กแดงลุก ๑๐๐ โยชน์โดยรอบตั้งอยู่ทุกเมื่อ

สัตว์ทั้งหลายมีเท้าในเบื้องบน มีศีรษะในเบื้องต่ำ ตกลงไปในนรกนั้น สัตว์เหล่าใด กล่าวล่วง เกินฤาษีทั้งหลายผู้สำรวมแล้ว ผู้มีตบะสัตว์เหล่านั้นผู้มีความเจริญอันขจัด แล้ว ย่อมหมกไหม้ อยู่ในนรกเหมือนปลาที่ถูกเฉือนให้เป็นส่วนๆ ฉะนั้น สัตว์ทั้งหลาย ผู้มีปรกติกระทำกรรม อัน หยาบช้า มีตัวถูกไฟไหม้ทั้งข้างในข้างนอกเป็นนิจ แสวงหา ประตูออกจากนรก ก็ไม่พบประตู ที่จะออกตลอดปีนับไม่ถ้วนสัตว์ เหล่านั้นวิ่งไปทาง ประตูด้านหน้า จากประตูด้านหน้า วิ่งกลับ มาข้างหลัง วิ่งไปทางประตูด้านซ้าย จากประตูด้านซ้ายวิ่งกลับมาทางประตูด้านขวา วิ่งไปถึง ประตูใดๆ ประตูนั้นๆ ก็ปิดเสีย สัตว์ทั้งหลายผู้ไปสู่นรก ย่อมประคองแขนคร่ำครวญ เสวยทุกข์ มิใช่น้อย นับได้แสนปี เป็นอันมาก

เพราะเหตุนั้น บุคคลไม่ควรรุกรานท่านที่เป็นคนดี ผู้สำรวม มีตบะธรรม ซึ่งเป็นดัง อสรพิษ มีเดชกำเริบร้ายล่วงได้ยาก ฉะนั้นพระเจ้าอัชชุนะ ผู้เป็นใหญ่ในแคว้นเกตกะ มีพระกายกำยำ เป็นนายขมังธนู มีพระหัตถ์ตั้งพัน มีมูลอันขาดแล้วเพราะประทุษร้าย พระฤาษีโคตมโคตร พระเจ้าทัณฑกี ได้เอาธุลีโปรยรด กีสวัจฉะฤาษี ผู้หาธุลีมิได้ พระราชานั้นถึงแล้ว ซึ่งความ พินาศ ดุจต้นตาลขาดแล้วจากรากฉะนั้น

พระเจ้าเมชฌะ คิดประทุษร้ายในมาตังคะฤาษี ผู้เรืองยศรัฐมณฑลของพระเจ้า เมชฌะ พร้อมด้วยบริษัทก็สูญสิ้นไปในครั้งนั้น ชาวเมืองอันธกวินทัย ประทุษร้าย กัณหทีปายน ฤาษี ช่วยกันเอาไม้พลองรุมตีจนตาย ก็ไปเกิดในยมสาธนนรก

ส่วนพระเจ้าเจติยราชนี้ ได้ประทุษร้ายกปิลดาบส แต่ก่อนเคยเหาะเหินเดินอากาศ ได้ ภายหลังเสื่อมฤทธิ์ ถูกแผ่นดินสูบถึงมรณกาล

เพราะเหตุนั้นแล บัณฑิตทั้งหลาย จึงไม่สรรเสริญการลุอำนาจ แห่งฉันทาคติเป็นต้น บุคคลไม่ควรเป็นผู้มีจิตประทุษร้าย พึงกล่าววาจาอันประกอบด้วยสัจจะ ถ้าว่านรชน ผู้ใด มีใจ ประทุษร้าย เพ่งเล็งท่านผู้รู้ถึงพร้อมด้วยวิชชา และ จรณะ นรชนผู้นั้นก็ไปสู่ นรกเบื้องต่ำ

ชนเหล่าใดพยายามกล่าววาจาหยาบคาย บริภาษบุคคลผู้เจริญทั้งหลาย ชนเหล่านั้น ไม่ใช่ เหล่ากอไม่ใช่ทายาท เป็นเหมือนต้นตาลมีรากอันขาดแล้ว

อนึ่ง ผู้ใดฆ่าบรรพชิตผู้ทำกิจเสร็จแล้ว ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ผู้นั้นจะต้องหมกไหม้ อยู่ใน กาฬสุตตนรกตลอดกาลนานอนึ่ง

พระราชาพระองค์ใด ตั้งอยู่ในอธรรม กำจัดชาวแว่นแคว้น ทำชาวชนบทให้เดือดร้อน สิ้นพระชนม์ไปแล้ว จะต้องหมกไหม้อยู่ในตาปนนรกในโลกหน้า และ พระราชา พระองค์ นั้น จะต้องหมกไหม้อยู่ตลอดแสนปีทิพย์ อันกองเพลิงห้อมล้อม เสวยทุกข เวทนา เปลวไฟมีรัศมี ซ่านออกจากกายของสัตว์นั้น สรรพางค์กายพร้อมทั้งปลายขน และเล็บ ของสัตว์ผู้มีไฟเป็น ภักษา มีเปลวไฟเป็นอันเดียวกัน สัตว์นรกมีตัวถูกไฟไหม้ ทั้งข้างใน ข้างนอก อยู่เป็นนิตย์ เป็นผู้อันทุกข์เบียดเบียนร้องไห้คร่ำครวญ อยู่เหมือน ช้าง ถูกนายหัตถาจารย์แทงด้วยขอ

ฉะนั้น ผู้ใดเป็นคนต่ำช้า ฆ่าบิดาเพราะความโลภ หรือเพราะความโกรธ ผู้นั้นต้อง หมกไหม้ อยู่ใน กาฬสุตตนรก สิ้นกาลนาน บุคคลผู้ฆ่าบิดาเช่นนั้น ต้องหมกไหม้อยู่ ใน โลหกุมภีนรก นายนิริยบาลทั้งหลายเอาหอกแทงสัตว์นรกนั้น ผู้ถูกไฟไหม้อยู่จน จนไม่มีหนัง ทำให้ตาบอด ให้กินมูตรกินคูถ กดสัตว์นรกเช่นนั้นให้จมลงในน้ำแสบ

นายนิริยบาลทั้งหลาย ให้สัตว์นรกกินก้อนคูถที่ร้อนจัด และก้อนเหล็กแดงอันลุกโพลง ให้ถือ ผานทั้งยาวทั้งร้อน สิ้นกาลนาน งัดปากให้อ้าแล้วเอาเชือกผูกไว้ ยัดก้อนเหล็ก แดงเข้าไป ในปาก ฝูงสุนัขแดง ฝูงสุนัขด่าง ฝูงแร้ง ฝูงกา และ ฝูงนกตระกรุม ล้วนมี ปากเป็นเหล็ก มากลุ้มรุมจิกกัดลิ้นให้ขาดแล้วกินลิ้นอันมีเลือดไหล เหมือนกินของอัน เป็นเดนเต็มไปด้วย เลือดฉะนั้น

นายนิริยบาลเที่ยวเดินทุบตีสัตว์นรกผู้ฆ่าบิดานั้น ซึ่งมีร่างกายอันแตกไปทั่ว เหมือนผล ตาลที่ถูกไฟไหม้จริงอยู่ ความยินดีของนายนิริยบาลเหล่านั้น เป็นการเล่นสนุก แต่สัตว์ นรกต้องได้รับทุกข์ คนผู้ฆ่าบิดาเหล่าใดเหล่าหนึ่งในโลกนี้ ต้องอยู่ในนรกเช่นนั้น

ก็บุตรฆ่ามารดาจากโลกนี้แล้ว ต้องไปสู่ที่อยู่แห่งพระยายม ย่อมเข้าถึงความทุกข์ อย่างยิ่ง ด้วยผลแห่งกรรมของตน พวกนายนิริยบาลที่ร้ายกาจย่อมบีบคั้น สัตว์ผู้ฆ่า มารดา ด้วยผาล เหล็กแดงบ่อยๆ ให้สัตว์นรกดื่มกินโลหิตที่เกิดแต่ตน อันไหลออก จากกายของตน ร้อนดัง หนึ่งทองแดงที่ละลายคว้างบนแผ่นดิน  สัตว์นรกนั้นลงไปสู่ ห้วงน้ำเช่นกับหนอง และ เลือด น่าเกลียดดังซากศพเน่ามีกลิ่นเหม็นดุจก้อนคูถ หมู่หนอนในห้วงน้ำนั้น  มีกายใหญ่มีปากเป็น เหล็กแหลม ทำลายผิวหนังชอนไช ไปในเนื้อและเลือด กัดกินสัตว์นรกนั้น ก็สัตว์นั้นถึงนรกนั้น แล้วจมลงไปประมาณ ชั่วร้อยบุรุษ ศพเน่าเหม็นฟุ้งไปตลอดร้อยโยชน์โดยรอบ จริงอยู่ แม้จักษุของตน ผู้มีจักษุย่อมคร่ำคร่าเพราะกลิ่นนั้น

ดูกรพระเจ้าพรหมทัตต์  บุคคลผู้ฆ่ามารดาย่อมได้รับทุกข์ เห็นปานนี้ พวกหญิงรีดลูก ย่อมก้าวล่วงลำธารนรกอันขรุขระ  ที่ก้าวล่วงได้แสนยากดุจ คมมีดโกน แล้วตกไปสู่ แม่น้ำเวตรณีที่ไปได้ยาก  ต้นงิ้ว ทั้งหลายล้วนแต่เป็นเหล็ก มีหนาม ๑๖ คุลี มีกิ่งห้อย ย้อยปกคลุมแม่น้ำเวตรณี ที่ไปได้ยากทั้งสองฟาก 

สัตว์นรกเหล่านั้นมีตัวสูงโยชน์หนึ่ง ถูกไฟที่เกิดเองแผดเผา  มีเปลวรุ่งเรืองยืนอยู่ดุจ กองไฟ ตั้งอยู่ที่ไกลฉะนั้น  หญิงผู้ประพฤตินอกใจสามีก็ดี ชายที่คบหาภรรยา ผู้อื่น ก็ดีต้องตกอยู่ใน นรกอันเร่าร้อนมีหนามคม สัตว์นรกเหล่า นั้น ถูกนายนิริยบาล ทิ่มแทง ด้วยอาวุธ กลับเอา ศีรษะลงตกลงมานอนอยู่ ถูกทิ่มแทงด้วยหลาว เป็นอันมาก ตื่นอยู่ ตลอดกาลทุกเมื่อ 

ครั้นพอรุ่งสว่าง นายนิริยบาลให้สัตว์นรกนั้นเข้าไปสู่โลหกุมภีอันใหญ่เปรียบดังภูเขา มีน้ำ เสมอด้วยไฟอันร้อน  บุคคลผู้ทุศีล  ถูกโมหะครอบงำ ย่อมเสวยกรรมของตน  ที่ตนกระทำไว้ ชั่วปางก่อน  ตลอดวันตลอดคืนด้วยประการฉะนี้ 

อนึ่ง ภริยาใดที่เขาช่วยมาด้วยทรัพย์ย่อมดูหมิ่นสามี แม่ผัวพ่อผัว หรือพี่น้องผัว นายนิริยบาล เอาเบ็ดมีสายเกี่ยวปลายลิ้นของหญิงนั้นคร่ามา สัตว์นรกนั้นเห็นลิ้น ของตนยาวประมาณ ๑ วา เต็มไปด้วยหมู่หนอนไม่อาจอ้อนวอนนายนิริยบาล ตายไป หมกไหม้ใน ตาปนนรก

พวกคนฆ่าแกะ ฆ่าสุกร ฆ่าปลา ดักเนื้อ พวกโจร คนฆ่าโคพวกพราน พวกคนผู้กระทำ คุณใน เหตุมิใช่คุณ (คนส่อเสียด) ถูกนายนิริยบาลเบียดเบียนด้วยหอกเหล็ก ฆ้อน เหล็ก ดาบ และ ลูกศร มีหัวลงตกลงสู่แม่น้ำแสบคนทำคดีโกง ถูกนายนิริยบาลทุบตี ด้วยฆ้อนเหล็ก ทั้งเวลา เย็น เวลาเช้า แต่นั้นย่อมกินอาเจียนของสัตว์นรก เหล่าอื่น ผู้ได้รับความทุกข์ทุกเมื่อ ฝูงกาบ้าน ฝูงสุนัข ฝูงแร้ง ฝูงนกป่าล้วนมีปากเหล็กรุมกัดกิน สัตว์นรก  ผู้กระทำกรรมหยาบช้าดิ้นรนอยู่  ชนเหล่าใดเป็นอสัตบุรุษ อันธุลีปกปิด ให้เนื้อชนกันตายก็ดี ให้นกตีกันตายก็ดี ชนเหล่านั้น ต้องไปตกอุสสทนรก.

             [๙๓] สัตบุรุษทั้งหลายย่อมไปสู่เบื้องบน เพราะกรรมที่ตนประพฤติดีแล้ว ในโลกนี้ ขอเชิญพระองค์ทอดพระเนตรผลของกรรม ที่บุคคลประพฤติดีแล้ว เทพเจ้า ทั้งหลาย พร้อม ทั้งพระอินทร์พระพรหมมีอยู่

ดูกรมหาบพิตรผู้เป็นอธิบดีแห่งรัฐ เพราะเหตุนั้น อาตมภาพขอทูลมหาบพิตร ขอมหาบพิตร จงทรงประพฤติธรรม ดูกรพระราชา เชิญพระองค์ทรงประพฤติธรรม เหมือนอย่างธรรม ที่บุคคลประพฤติดีแล้ว  ไม่เดือดร้อนในภายหลังฉะนั้น.

จบ สังกิจจชาดกที่ ๒

 
พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์