พระไตรปิฎก เล่มที่ ๗ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๗ จุลวรรค ภาค ๒ ผู้ทำลายสงฆ์ต้องเกิดในอบาย [๔๑๑] ท่านพระอุบาลีทูลถามว่า มีหรือ พระพุทธเจ้าข้า ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ต้องเกิดในอบาย ตกนรกอยู่ชั่วกัป ช่วยเหลือไม่ได้ พระผู้มี พระภาคตรัสว่า มี อุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ต้องเกิดในอบาย ตกนรก อยู่ชั่วกัป ช่วยเหลือไม่ได้ อุ. และมีหรือ พระพุทธเจ้าข้า ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ไม่ต้องเกิด ในอบายไม่ตกนรก อยู่ชั่วกัป พอช่วยเหลือได้ พ. มี อุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ไม่ต้องเกิดในอบาย ไม่ตกนรก อยู่ชั่วกัป พอช่วยเหลือได้ อุ. พระพุทธเจ้าข้า ก็ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ต้องเกิดในอบาย ตกนรกอยู่ชั่วกัป ช่วยเหลือไม่ได้ เป็นไฉน พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมแสดงอธรรม ว่าเป็น ธรรมมีความเห็น ในธรรมนั้นว่าเป็นอธรรม มีความเห็นในความแตกกันว่า เป็นอธรรมอำพราง ความเห็น อำพรางความถูกใจ อำพรางความชอบใจ อำพรางความจริงย่อมประกาศ ให้จับสลาก ว่า นี้ธรรม นี้วินัยนี้สัตถุศาสน์ ท่านทั้งหลายจงจับ สลากนี้ จงชอบใจสลากนี้ ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์แม้นี้แล ต้องเกิดใน อบาย ตกนรก อยู่ชั่วกัป ช่วยเหลือไม่ได้ อนึ่ง อุบาลี ภิกษุย่อมแสดงอธรรมว่า เป็นธรรม มีความเห็น ในธรรมนั้นว่า เป็นอธรรม มีความเห็นในความแตกกันว่าเป็นธรรม อำพรางความเห็นอำพรางความ ถูกใจ อำพรางความชอบใจ อำพราง ความจริง ย่อมประกาศให้จับสลากว่า นี้ธรรม นี้วินัย นี้สัตถุศาสน์ ท่านทั้งหลายจงจับสลากนี้ จงชอบใจสลากนี้ ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์นี้แล ต้องเกิดในอบาย ตกนรก อยู่ชั่วกัป ช่วยเหลือไม่ได้ อนึ่ง อุบาลี ภิกษุย่อมแสดงอธรรมว่าเป็นธรรม มีความเห็นใน ธรรมนั้นว่าเป็น อธรรม มีความสงสัยในความแตกกัน อำพรางความเห็น อำพรางความถูกใจ อำพราง ความชอบใจ อำพรางความจริง ย่อมประกาศ ให้จับสลากว่านี้ธรรม นี้วินัย นี้สัตถุศาสน์ ท่านทั้งหลายจงจับสลากนี้ จงชอบใจสลากนี้ ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์แม้นี้แล ต้องเกิดในอบาย ตกนรกอยู่ชั่วกัป ช่วยเหลือไม่ได้ อนึ่ง อุบาลี ภิกษุ ย่อมแสดง อธรรม ว่าเป็นธรรม มีความเห็นใน อธรรมนั้น ว่าเป็นธรรม มีความเห็นใน การแตกกันว่า เป็นอธรรม มีความเห็นใน อธรรมนั้นว่าเป็นธรรม มีความสงสัยใน ความแตกกัน มีความสงสัยใน อธรรมนั้น มีความเห็นใน ความแตกกัน ว่าเป็น อธรรม มีความสงสัยใน อธรรมนั้น มีความเห็นใน ความแตกกัน ว่าเป็นธรรม มีความ สงสัยในอธรรมนั้น มีความ สงสัยในความแตกกัน อำพรางความเห็น อำพรางความถูกใจ อำพรางความชอบใจ อำพรางความจริง ย่อมประกาศให้จับสลาก ว่า นี้ธรรม นี้วินัย นี้สัตถุศาสน์ ท่านทั้งหลายจงจับสลากนี้ จงชอบใจสลากนี้ ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์แม้นี้แล ต้องเกิดในอบาย ตกนรก อยู่ชั่วกัป ช่วยเหลือไม่ได้ อนึ่ง อุบาลี ภิกษุ ย่อม แสดงธรรม ว่าเป็นอธรรม ... ย่อม แสดงสิ่งมิใช่วินัย ว่าเป็นวินัย ย่อม แสดงวินัย ว่ามิใช่วินัย ย่อม แสดงคำอันตถาคตมิได้ตรัสภาษิตไว้ ว่าเป็นคำอันตถาคต ตรัสภาษิตไว้ ย่อม แสดงคำอันตถาคตตรัสภาษิตไว้ ว่าเป็นคำอันตถาคตมิได้ตรัส ภาษิตไว้ ย่อม แสดงกรรมอันตถาคตมิได้ประพฤติมา ว่าเป็นกรรมอันตถาคตประพฤติมาแล้ว ย่อม แสดงกรรมอันตถาคตประพฤติมาแล้ว ว่าเป็นกรรมอันตถาคตมิได้ประพฤติมาแล้ว ย่อม แสดงสิ่งที่ตถาคตมิได้บัญญัติไว้ ว่าเป็นสิ่งที่ตถาคตบัญญัติไว้ ย่อม แสดงสิ่งที่ตถาคตบัญญัติไว้ ว่าเป็นสิ่งที่ตถาคตมิได้บัญญัติไว้ ย่อม แสดงอนาบัติ ว่าเป็นอาบัติ ย่อม แสดงอาบัติ ว่าเป็นอนาบัติ ย่อม แสดงอาบัติเบา ว่าเป็นอาบัติหนัก ย่อม แสดงอาบัติหนัก ว่าเป็นอาบัติเบา ย่อม แสดงอาบัติมีส่วนเหลือ ว่าเป็นอาบัติหาส่วนเหลือมิได้ ย่อม แสดงอาบัติหาส่วนเหลือมิได้ ว่าเป็นอาบัติมีส่วนเหลือ ย่อม แสดงอาบัติชั่วหยาบ ว่าเป็นอาบัติไม่ชั่วหยาบ ย่อม แสดงอาบัติไม่ชั่วหยาบ ว่าเป็นอาบัติชั่วหยาบ มีความเห็นในธรรมนั้น ว่าเป็นอธรรม มีความเห็นในความแตกกัน ว่าเป็นอธรรม มีความเห็นในธรรมนั้น ว่าเป็นอธรรม มีความเห็นในความแตกกัน ว่าเป็นธรรม มีความเห็นในธรรมนั้น ว่าเป็นอธรรม มีความสงสัยในความแตกกัน มีความเห็นในธรรมนั้น ว่าเป็นธรรม มีความเห็นในความแตกกัน ว่าเป็นอธรรม มีความเห็นในธรรมนั้น ว่าเป็นธรรม มีความสงสัยในความแตกกัน มีความสงสัยในธรรมนั้น มีความเห็นในความแตกกัน ว่าเป็นอธรรม มีความสงสัยในธรรมนั้น มีความเห็นในความแตกกัน ว่าเป็นธรรม มีความสงสัยในธรรมนั้น มีความสงสัยในความแตกกัน อำพรางความเห็น อำพรางความถูกใจ อำพรางความชอบใจ อำพรางความจริง ย่อมประกาศให้จับสลากว่า นี้ธรรมนี้วินัย นี้สัตถุศาสน์ ท่านทั้งหลายจงจับ สลากนี้ จงชอบใจสลากนี้ ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์แม้นี้แล ต้องเกิดในอบาย ตกนรก อยู่ชั่วกัป ช่วยเหลือไม่ได้ผู้ทำลายสงฆ์ไม่ต้องเกิดในอบาย [๔๑๒] ท่านพระอุบาลีทูลถามว่า พระพุทธเจ้าข้า ก็ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ไม่ต้องเกิดในอบาย ไม่ตกนรก อยู่ชั่วกัป พอช่วยเหลือได้ เป็นไฉน พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอุบาลี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมแสดงอธรรม ว่าเป็นธรรม มีความเห็นในอธรรมนั้นว่าเป็นธรรม มีความเห็นในความแตกกันว่า เป็นธรรม ไม่อำพรางความเห็น ไม่อำพรางความถูกใจ ไม่อำพรางความชอบใจ ไม่อำพรางความจริง ย่อมประกาศให้จับสลากว่า นี้ธรรม นี้วินัย นี้สัตถุศาสน์ ท่านทั้งหลายจงจับสลากนี้ จงชอบใจสลากนี้ ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์แม้นี้แล ไม่ต้องเกิ ดในอบาย ไม่ตกนรกอยู่ชั่วกัป พอช่วยเหลือได้ อนึ่ง อุบาลี ภิกษุย่อมแสดงธรรมว่าเป็นอธรรม ... ย่อมแสดงอาบัติชั่วหยาบว่า เป็นอาบัติไม่ชั่วหยาบ มีความเห็น ในธรรมนั้นว่าเป็นธรรม มีความเห็นในความ แตกกันว่าเป็นธรรม ไม่อำพรางความเห็น ไม่อำพรางความถูกใจ ไม่อำพรางความชอบใจ ไม่อำพรางความจริง ย่อมประกาศให้จับสลากว่า นี้ธรรมนี้วินัยนี้ สัตถุศาสน์ ท่านทั้งหลาย จงจับสลากนี้ จงชอบใจสลากนี้ ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์แม้นี้แล ไม่ต้องเกิดในอบาย ไม่ตกนรกอยู่ชั่วกัป พอช่วยเหลือได้ ฯ ตติยภาณวาร จบ สงฆ์เภทขันธกะ ที่ ๗ จบ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๗ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๗ จุลวรรค ภาค ๒