เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
 
ค้นหาคำที่ต้องการ          

 
 มฆเทวสูตร เรื่องพระเจ้ามฆเทวะ (พระผู้มีพระภาคทรงแย้มพระสรวล) 259  
 
 

พระไตรปิฎกไทย(ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๓ หน้าที่ ๓๑๖-๓๒๕ ข้อที่ ๔๕๒-๔๖๓

. มฆเทวสูตร
เรื่อง พระเจ้ามฆเทวะ
(พระพุทธเจ้าในอดีต)


              [๔๕๒] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่อัมพวัน ของพระเจ้า มฆเทวะ ใกล้เมืองมิถิลา ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงแย้มพระสรวล ให้ปรากฏ ณ ประเทศแห่งหนึ่ง.

ลำดับนั้น ท่านพระอานนท์ได้มีความคิดว่า อะไรหนอเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัยให้ พระผู้มี พระภาค ทรงแย้มพระสรวล พระตถาคตทั้งหลายไม่ทรงแย้ม พระสรวล โดยหาเหตุมิได้ ดังนี้แล้ว จึงทำจีวรเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง ประนมอัญชลีไปทาง พระผู้มี พระภาคแล้ว ได้ทูลถาม ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุ อะไรเป็น ปัจจัย ให้พระผู้มีพระภาค ทรงแย้มพระสรวล พระตถาคตทั้งหลายไม่ทรงแย้ม พระสรวล โดยหาเหตุมิได้

              [๔๕๓] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ เรื่องเคยมีมาแล้ว ในเมือง มิถิลา นี้แหละ ได้มี พระราชาพระนามว่ามฆเทวะ ทรงประกอบในธรรม เป็นพระธรรม ราชา เป็น พระมหาราชา ผู้ทรงตั้งอยู่ในธรรม ทรงประพฤติราชธรรมในพราหมณ์คหบดี ในชาวนิคม และชาวชนบท ทรงรักษาอุโบสถทุกวันที่ สิบสี่ สิบห้า และแปดค่ำ แห่ง ปักษ์.

ดูกรอานนท์ ครั้งนั้น ด้วยล่วงปีเป็นอันมาก ล่วงร้อยปีเป็นอันมาก ล่วงพันปีเป็นอันมาก พระเจ้ามฆเทวะรับสั่งกะช่างกัลบกว่า ดูกรเพื่อนกัลบก ท่านเห็นผมหงอก เกิดบนศีรษะ ของเราเมื่อใด พึงบอกแก่เราเมื่อนั้น

ช่างกัลบกทูลรับพระเจ้ามฆเทวะว่า อย่างนั้น ขอเดชะแล้วด้วยล่วงปีเป็นอันมาก ล่วงร้อยปี เป็นอันมาก ล่วงพันปีเป็นอันมาก ช่างกัลบกได้เห็นพระเกศาหงอก เกิดบนพระเศียร ของ พระเจ้ามฆเทวะ แล้วได้กราบทูลว่า เทวทูตปรากฏแก่ พระองค์แล้ว พระเกศาหงอก เกิดบน พระเศียรแล้ว เห็นปรากฏอยู่

พระเจ้ามฆเทวะตรัสว่า ดูกรเพื่อนกัลบก ถ้าอย่างนั้น ท่านจงเอาแหนบถอนผมหงอก นั้น ให้ดี แล้ววางลงที่กระพุ่มมือของเราเถิด.

ช่างกัลบกทูลรับรับสั่งของพระเจ้ามฆเทวะแล้ว จึงเอาแหนบถอนพระเกศาหงอก นั้น ด้วยดี แล้ววางไว้ที่กระพุ่มพระหัตถ์ของพระเจ้ามฆเทวะ.

ครั้งนั้น พระเจ้ามฆเทวะพระราชทานบ้านส่วยแก่ช่างกัลบก แล้วโปรดให้พระราชทาน กุมาร ผู้เป็นพระราชบุตรองค์ใหญ่มาเฝ้า แล้วรับสั่งว่า ดูกรพ่อกุมาร เทวทูตปรากฏ แก่เราแล้ว ผมหงอกเกิดบนศีรษะแล้วปรากฏอยู่ ก็กามทั้งหลายที่เป็นของมนุษย์ เราได้บริโภคแล้ว เวลานี้เป็นสมัยที่จะแสวงหากามทั้งหลายที่เป็นทิพย์ มาเถิด พ่อกุมาร เจ้าจงครองราชสมบัติ นี้ ส่วนเราจักปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกจากเรือน บวชเป็นบรรพชิต

ดูกรพ่อกุมาร ส่วนเจ้า เมื่อใดพึงเห็นผมหงอกเกิดบนศีรษะ เมื่อนั้นเจ้าพึงให้บ้านส่วย แก่ช่างกัลบก พึงพร่ำสอนราชกุมารผู้เป็นพระราชบุตรองค์ใหญ่ ในการที่จะเป็น พระราชาให้ดี แล้วปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกจากเรือน บวชเป็นบรรพชิต เถิด เจ้าพึง ประพฤติตามวัตรอันงามที่เราตั้งไว้แล้วนี้ เจ้าอย่า ได้เป็น บุรุษคนสุดท้ายของเราเลย เมื่อยุคุรุษใดเป็นไปอยู่ วัตรอันงามเห็นปานนี้ ขาดสูญไป ยุคบุรุษนั้นชื่อว่า เป็นบุรุษคน สุดท้าย ของราชบรรพชิตนั้น.

ดูกรพ่อกุมาร เจ้าจะพึงประพฤติตามวัตรอันงามที่เราตั้งไว้แล้วนี้ได้ด้วยประการใด เรากล่าว อย่างนี้กะเจ้าด้วยประการนั้น เจ้าอย่าได้เป็นบุรุษคนสุดท้ายของเราเลย.

(พระเจ้ามฆเทวะออกผนวช )

              [๔๕๔] ดูกรอานนท์ ครั้งนั้น พระเจ้ามฆเทวะครั้นพระราชทานบ้านส่วย แก่ช่าง กัลบก และทรงพร่ำสอนพระราชกุมารผู้เป็นพระราชบุตรองค์ใหญ่ ในการที่จะเป็น พระราชา ให้ดีแล้ว ทรงปลงพระเกศาและพระมัสสุ ทรงนุ่งห่มผ้า กาสายะ เสด็จออกจาก พระราช นิเวศน์ ทรงผนวชเป็นบรรพชิต อยู่ที่มฆเทวัมพวัน นี้แล.

ท้าวเธอทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยเมตตา ทรงแผ่ไปทั่วทิศที่หนึ่งอยู่ ในทิศที่สอง ในทิศ ที่สาม ในทิศที่สี่ก็เหมือนกัน. ทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยเมตตา อันไพบูลย์ ถึงความ เป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก โดยมุ่งประโยชน์ แก่สัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ทั้งในทิศเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง ด้วยประการฉะนี้.

ทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยกรุณา ทรงแผ่ไปทั่วทิศที่หนึ่งอยู่ ในทิศที่สอง ในทิศที่สาม ในทิศที่สี่ก็เหมือนกัน. ทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยกรุณา อันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก โดยมุ่งประโยชน์แก่สัตว์ ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ทั้งในทิศเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง ด้วยประการฉะนี้.

ทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยมุทิตา ทรงแผ่ไปทั่วทิศที่หนึ่งอยู่ ในทิศที่สอง ในทิศที่สาม ในทิศที่สี่ก็เหมือนกัน ทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยมุทิตา อันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก โดยมุ่งประโยชน์แก่สัตว์ ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ทั้งในทิศเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง ด้วยประการฉะนี้.

ทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยอุเบกขาแผ่ไปทั่วทิศหนึ่งอยู่ ในทิศที่สอง ในทิศที่สาม ในทิศที่สี่ก็เหมือนกัน ทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยอุเบกขาอันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก โดยมุ่งประโยชน์แก่สัตว์ ทุกเหล่า ในที่ทุกสถานทั้งในทิศเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง ด้วยประการฉะนี้.

ดูกรอานนท์ ก็พระเจ้ามฆเทวะทรงเล่นเป็นพระกุมารอยู่แปดหมื่นสี่พันปี ทรงดำรง ความเป็น อุปราชแปดหมื่นสี่พันปี เสวยราชสมบัติแปดหมื่นสี่พันปี เสด็จออกจาก พระราชนิเวศน์ ทรงผนวชเป็นบรรพชิต ประพฤติพรหมจรรย์อยู่ที่มฆเทวัมพวัน นี้แลแปดหมื่นสี่พันปี.

พระองค์ทรงเจริญพรหมวิหารสี่แล้ว เมื่อสวรรคตได้เสด็จเข้าถึงพรหมโลก.

( พระราชบุตรของพระเจ้ามฆเทวะออกผนวช )

              [๔๕๕] ดูกรอานนท์ ครั้งนั้น พระราชบุตรของพระเจ้ามฆเทวะ โดยล่วงปี ไปเป็นอันมาก ล่วงร้อยปีเป็นอันมาก ล่วงพันปีเป็นอันมาก รับสั่งกะช่างกัลบกว่า ดูกรเพื่อนกัลบก ท่านเห็น ผมหงอกเกิดบนศีรษะของเราเมื่อใด พึงบอกแก่เราเมื่อนั้น.

ครั้งนั้น ช่างกัลบกทูลรับรับสั่งของพระราชบุตรแห่งพระเจ้ามฆเทวะว่า อย่างนั้น ขอเดชะ ด้วยล่วงปีเป็นอันมาก ล่วงร้อยปีเป็นอันมาก ล่วงพันปีเป็นอันมาก ช่างกัลบก ได้เห็น พระเกศาหงอก เกิดบนพระเศียรของพระราชบุตรแห่งพระเจ้ามฆเทวะ แล้วได้ กราบทูลว่า เทวทูตปรากฏแก่พระองค์แล้ว พระเกศาหงอกเกิดบนพระเศียร แล้วเห็น ปรากฏอยู่.

พระราชบุตรของพระเจ้ามฆเทวะตรัสว่า ดูกรเพื่อนกัลบก ถ้าอย่างนั้นท่านจงเอาแหนบ ถอนผมหงอกนั้นให้ดี แล้ววางในกระพุ่มมือของเราเถิด.

ช่างกัลบกทูลรับรับสั่งของพระราชบุตรแห่งพระเจ้ามฆเทวะ แล้วจึงเอาแหนบถอน พระเกศา หงอกนั้นด้วยดี แล้ววางไว้ในกระพุ่มพระหัตถ์ของพระราชบุตรแห่ง พระเจ้า มฆเทวะ.

ครั้งนั้น พระราชบุตรของพระเจ้ามฆเทวะ พระราชทานบ้านส่วยแก่ช่างกัลบก แล้วโปรดให้ พระราชกุมารผู้เป็นพระราชบุตรองค์ใหญ่มาเฝ้า แล้วได้ตรัสว่า ดูกรพ่อกุมาร เทวทูตปรากฏ แก่เราแล้ว ผมหงอกเกิดบนศีรษะแล้วเห็นปรากฏอยู่ กามทั้งหลายที่เป็นของมนุษย์ เราบริโภคแล้ว เวลานี้เป็นสมัยที่จะแสวงหากาม อันเป็นทิพย์ มาเถิดพ่อกุมาร เจ้าจงครอง ราชสมบัตินี้ ส่วนเราจักปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต

ถ้าแม้เจ้าพึงเห็นผมหงอกเกิดบนศีรษะเมื่อใด เมื่อนั้น เจ้าพึงให้บ้านส่วยแก่ช่างกัลบก แล้วพร่ำสอนราชกุมารผู้เป็นบุตรคนใหญ่ในการที่จะเป็นพระราชาให้ดี แล้วพึงปลงผม และหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต พึงประพฤติตามวัตร อันงามนี้ ที่เราตั้งไว้แล้ว เจ้าอย่าได้เป็นบุรุษคนสุดท้ายของเราเลย

เมื่อยุคบุรุษใดเป็นไปอยู่ วัตรอันงามเห็นปานนี้ขาดสูญไป ยุคบุรุษนั้นชื่อว่าเป็นบุรุษ คน สุดท้ายของราชบรรพชิตนั้น ดูกรพ่อกุมาร เจ้าจะพึงประพฤติตามวัตรอันงาม ที่เราตั้งไว้ แล้วนี้ได้ด้วยประการใด เรากล่าวอย่างนี้กะเจ้าด้วยประการนั้น เจ้าอย่าได้เป็นบุรุษ คนสุดท้าย ของเราเลย.

              [๔๕๖] ดูกรอานนท์ ครั้งนั้น พระราชบุตรของพระเจ้ามฆเทวะ ครั้นพระราชทาน บ้านส่วย แก่ช่างกัลบก และทรงพร่ำสอนพระราชกุมาร ผู้เป็นพระราชบุตรองค์ใหญ่ ในการที่จะเป็น พระราชาให้ดีแล้ว ทรงปลงพระเกศา และพระมัสสุ ทรงครองผ้ากาสายะ แล้วเสด็จออก จากพระราชนิเวศน์ ทรงผนวชเป็น บรรพชิตอยู่ในมฆเทวัมพวัน นี้แล.

ท้าวเธอมีพระหฤทัยประกอบด้วยเมตตา แผ่ไปทั่วทิศหนึ่งอยู่ ในทิศที่สอง ในทิศ ที่สาม ในทิศที่สี่ก็เหมือนกัน.

มีพระหฤทัยประกอบด้วยเมตตาอันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก โดยมุ่งประโยชน์แก่สัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ทั้งในทิศเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง ด้วยประการฉะนี้.

มีพระหฤทัยประกอบด้วยกรุณา แผ่ไปทั่วทิศที่หนึ่งอยู่ ในทิศที่สอง ในทิศที่สาม ในทิศที่สี่ก็เหมือนกัน มีพระหฤทัยประกอบด้วยกรุณาอันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก โดยมุ่งประโยชน์แก่สัตว์ ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ทั้งในทิศเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง ด้วยประการฉะนี้.

มีพระหฤทัยประกอบด้วยมุทิตา แผ่ไปทั่วทิศที่หนึ่งอยู่ ในทิศที่สอง ในทิศที่สาม ในทิศที่สี่ ก็เหมือนกัน มีพระหฤทัยประกอบด้วยมุทิตาอันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก โดยมุ่งประโยชน์แก่สัตว์ ทุกเหล่า ในที่ ทุกสถาน ทั้งในทิศเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง ด้วยประการฉะนี้.

มีพระหฤทัยประกอบด้วยอุเบกขา แผ่ไปทั่วทิศที่หนึ่งอยู่ ในทิศที่สอง ในทิศที่สาม ในทิศที่สี่ก็เหมือนกัน มีพระหฤทัยประกอบด้วยอุเบกขาอันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก โดยมุ่งประโยชน์แก่สัตว์ ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ทั้งในทิศเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง ด้วยประการฉะนี้.

ดูกรอานนท์ พระราชบุตรของพระเจ้ามฆเทวะ ทรงเล่นเป็นพระกุมารแปดหมื่นสี่พันปี ทรงดำรงความเป็นอุปราชแปดหมื่นสี่พันปี เสวยราชสมบัติแปดหมื่นสี่พันปี เสด็จออก จาก พระราชนิเวศน์ทรงผนวช เป็นบรรพชิต ประพฤติพรหมจรรย์อยู่ที่มฆเทวัมพวัน นี้แล แปดหมื่นสี่พันปี. พระองค์ทรงเจริญพรหมวิหารสี่แล้ว เมื่อสวรรคต ได้เสด็จ เข้าถึง พรหมโลก.

( พระราชบุตรพระราชนัดดาออกผนวช )

              [๔๕๗] ดูกรอานนท์ ครั้งนั้นพระราชบุตรพระราชนัดดาของ พระเจ้า มฆเทวะ สืบวงศ์นั้นมาแปดหมื่นสี่พันชั่วกษัตริย์ ได้ปลงพระเกศาและมัสสุ ทรงครองผ้ากาสายะ เสด็จออกจากพระราชนิเวศน์ ทรงผนวชเป็นบรรพชิต ณ มฆเทวัมพ วันนี้แล.

ท้าวเธอเหล่านั้น มีพระหฤทัยประกอบด้วยเมตตา แผ่ไปทั่วทิศที่หนึ่งอยู่ ในทิศที่สอง ในทิศที่สาม ในทิศที่สี่ก็เหมือนกัน มีพระหฤทัยประกอบด้วยเมตตาอันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก โดยมุ่งประโยชน์แก่สัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ทั้งในทิศเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง ด้วยประการฉะนี้.

มีพระหฤทัยประกอบด้วยกรุณา แผ่ไปทั่วทิศที่หนึ่งอยู่ ในทิศที่สอง ในทิศที่สาม ในทิศที่ สี่ก็เหมือนกัน มีพระหฤทัยประกอบด้วยกรุณาอันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก โดยมุ่งประโยชน์แก่สัตว์ ทุกเหล่า ในที่ทุก สถาน ทั้งในทิศเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง ด้วยประการฉะนี้.

มีพระหฤทัยประกอบด้วยมุทิตา แผ่ไปทั่วทิศที่หนึ่งอยู่ ในทิศที่สอง ในทิศที่สาม ในทิศที่สี่ ก็เหมือนกัน มีพระหฤทัยประกอบด้วยมุทิตาอันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก โดยมุ่งประโยชน์แก่สัตว์ ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ทั้งในทิศเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง ด้วยประการฉะนี้.

มีพระหฤทัยประกอบด้วยอุเบกขา แผ่ไปทั่วทิศที่หนึ่งอยู่ ในทิศที่สอง ในทิศที่สาม ในทิศที่สี่ ก็เหมือนกัน มีพระหฤทัยประกอบด้วยอุเบกขาอันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก โดยมุ่งประโยชน์แก่สัตว์ ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ทั้งในทิศเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง ด้วยประการฉะนี้.

ท้าวเธอเหล่านั้น ทรงเล่นเป็นพระกุมารแปดหมื่นสี่พันปี ทรงดำรงความเป็นอุปราช แปดหมื่นสี่พันปี เสวยราชสมบัติแปดหมื่นสี่พันปี เสด็จออกจากพระราชนิเวศน์ ทรงผนวช เป็นบรรพชิตประพฤติพรหมจรรย์อยู่ที่มฆเทวัมพวัน นี้แล แปดหมื่นสี่พันปี.

พระองค์ทรงเจริญพรหมวิหารสี่แล้ว เมื่อสวรรคต ได้เสด็จเข้าถึงพรหมโลก พระเจ้านิมิราช เป็นพระราชาองค์สุดท้ายแห่งราชบรรพชิตเหล่านั้น เป็นพระราชา ประกอบในธรรม เป็นพระธรรมราชา เป็นพระมหาราชาผู้ทรงสถิตอยู่ในธรรม ทรง ประพฤติธรรม ในพราหมณ์ คหบดี ชาวนิคมและชาวชนบท ทรงรักษาอุโบสถทุกวันที่ สิบสี่ ที่สิบห้า และที่แปดแห่งปักข์.

( พระเจ้านิมิราชรักษาอุโบสถ )

              [๔๕๘] ดูกรอานนท์ เรื่องเคยมีมาแล้ว อันตรากถานี้เกิดขึ้นแล้วแก่เทวดา ชั้น ดาวดึงส์ ผู้นั่งประชุมกัน ณ สภา ชื่อสุธรรมาว่า ดูกรผู้เจริญ เป็นลาภของชนชาว วิเทหะหนอ ดูกรผู้เจริญชนชาววิเทหะได้ดีแล้วหนอ ที่พระเจ้านิมิราชของเขาเป็น พระราชา ประกอบ ในธรรม เป็นพระธรรมราชา เป็นพระมหาราชาผู้ทรงสถิตอยู่ในธรรม ทรงประพฤติธรรม ในพราหมณ์คหบดี ชาวนิคมและชาวชนบท และทรงรักษาอุโบสถ ทุกวันที่สิบสี่ ที่สิบห้า และที่แปดแห่งปักข์

( ท้าวสักกะเชิญเสด็จพระเจ้านิมิราชสู่ดาวดึงส์ )

              [๔๕๙] ดูกรอานนท์ ครั้งนั้น ท้าวสักกะจอมเทพตรัสเรียกเทวดา ชั้นดาวดึงส์ มาว่า ดูกรท่านผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย ท่านทั้งหลายปรารถนาจะเห็น พระเจ้านิมิราชหรือไม่ ? เทวดาชั้นดาวดึงส์ทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ข้าพระองค์ ทั้งหลายปรารถนาจะเห็น พระเจ้านิมิราช.

ดูกรอานนท์ สมัยนั้นในวันอุโบสถ ที่สิบห้า พระเจ้านิมิราชทรงสนานพระกาย ทั่วพระ เศียรแล้ว ทรงรักษาอุโบสถ เสด็จขึ้นปราสาทอันประเสริฐ ประทับนั่งอยู่ชั้นบน ครั้งนั้น ท้าวสักกะจอมเทพทรงหายไปในหมู่เทวดาชั้นดาวดึงส์ ไปปรากฏเฉพาะ พระพักตร์ พระเจ้านิมิราช เปรียบเหมือนบุรุษมีกำลังเหยียดแขนที่คู้ออก หรือคู้แขนที่เหยียดเข้า ฉะนั้น. แล้วได้ตรัสว่า ข้าแต่มหาราช เป็นลาภของพระองค์ ข้าแต่มหาราช พระองค์ ได้ดีแล้ว เทวดาชั้นดาวดึงส์ นั่งประชุมกันสรรเสริญอยู่ในสุธรรมาสภาว่า ดูกรท่านผู้เจริญ เป็นลาภของชนชาววิเทหะหนอ

ดูกรท่านผู้เจริญ ชนชาววิเทหะได้ดีแล้วหนอ ที่พระเจ้านิมิราชผู้ทรงธรรม เป็นพระธรรมราชา เป็นพระมหาราชาผู้สถิตอยู่ในธรรม ทรงประพฤติธรรมในพราหมณ์ คหบดี ชาวนิคม และชาว ชนบท และทรงรักษาอุโบสถทุกวันที่สิบสี่ ที่สิบห้า และ ที่แปดแห่งปักข์ ข้าแต่มหาราช เทวดาชั้นดาวดึงส์ปรารถนาจะเห็นพระองค์ หม่อมฉัน จักส่งรถม้าอาชาไนย เทียมด้วยม้า พันหนึ่งมาให้พระองค์ พระองค์พึงขึ้นประทับ ทิพยานเถิด อย่าทรงหวั่นพระทัยเลย.

พระเจ้านิมิราชทรงรับด้วยอาการนิ่งอยู่. ครั้งนั้น ท้าวสักกะจอมเทพทรงทราบว่า พระเจ้านิมิ ราชทรงรับเชิญแล้ว ทรงหายไปในที่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้านิมิราช มาปรากฏในเทวดาชั้น ดาวดึงส์ เปรียบเหมือนบุรุษมีกำลังเหยียดแขนที่คู้ออก หรือคู้แขนที่เหยียดเข้าฉะนั้น.

(
พระเจ้านิมิราชทอดพระเนตรนรกสวรรค์ )

              [๔๖๐] ดูกรอานนท์ ครั้งนั้น ท้าวสักกะจอมเทพ ตรัสเรียกมาตลีเทพบุตร ผู้รับใช้มาว่า ดูกรเพื่อนมาตลี มาเถิด ท่านจงเทียมรถม้าอาชาไนยอันเทียมม้าพันหนึ่ง แล้วเข้าไปเฝ้า พระเจ้านิมิราช จงทูลอย่างนี้ว่า ข้าแต่มหาราช รถม้าอาชาไนยเทียม ด้วยม้าพันหนึ่งนี้ ท้าวสักกะจอมเทพทรงส่งมารับพระองค์ พระองค์พึงเสด็จขึ้นประทับ ทิพยานเถิด อย่าทรง หวั่นพระทัยเลย.

มาตลีเทพบุตรผู้รับใช้ทูลรับรับสั่งของท้าวสักกะจอมเทพแล้ว เทียมรถม้าอาชาไนย อันเทียม ด้วยม้าพันหนึ่ง เข้าไปเฝ้าพระเจ้านิมิราชแล้วทูลว่า ข้าแต่มหาราช รถม้า อาชาไนย อันเทียมด้วยม้าพันหนึ่งนี้ ท้าวสักกะจอมเทพทรงส่งมารับพระองค์ เชิญเสด็จขึ้น ประทับทิพยานเถิด อย่าทรงหวั่นพระทัยเลย อนึ่ง ทางสำหรับสัตว์ ผู้มีกรรม อันลามก เสวย ผลกรรมอันลามกทางหนึ่ง ทางสำหรับสัตว์ผู้มีกรรมอันงาม เสวยผลกรรม อันงามทางหนึ่ง ข้าพระองค์จะเชิญเสด็จพระองค์โดยทางไหน ?

พระเจ้านิมิราชตรัสว่า ดูกรมาตลี จงนำเราไปโดยทางทั้งสองนั่นแหละ.

มาตลีเทพบุตรผู้รับใช้ นำเสด็จพระเจ้านิมิราชถึงสุธรรมาสภา.

ท้าวสักกะจอมเทพทอดพระเนตรเห็นพระเจ้านิมิราชกำลังเสด็จมาแต่ไกล แล้วได้ตรัส ว่า ข้าแต่มหาราช เชิญเสด็จมาเถิด ข้าแต่มหาราช พระองค์เสด็จมาดีแล้ว เทวดาชั้น ดาวดึงส์ ประชุมสรรเสริญอยู่ในสุธรรมาสภาว่า ดูกรท่านผู้เจริญ เป็นลาภของชนชาว วิเทหะหนอ ชนชาววิเทหะได้ดีแล้วหนอ ที่พระเจ้านิมิราชผู้ทรงธรรม เป็นพระธรรม ราชา เป็นพระมหา ราชา ผู้สถิตอยู่ในธรรม ทรงประพฤติธรรมในพราหมณ์คหบดี ชาวนิคมและชนบท และทรง รักษาอุโบสถทุกวันที่สิบสี่ ที่สิบห้า และที่แปดแห่งปักข์ ข้าแต่มหาราช เทวดาชั้นดาวดึงส์ ปรารถนาจะพบเห็นพระองค์ ขอเชิญพระองค์จง อภิรมย์ อยู่ในเทวดาทั้งหลาย ด้วยเทวานุภาพเถิด.

พระเจ้านิมิราชตรัสว่า อย่าเลยพระองค์ผู้นิรทุกข์ ขอจงนำหม่อมฉันกลับไปยังเมือง มิถิลา ในมนุษย์โลกนั้นเถิด หม่อมฉันจักได้ประพฤติธรรมอย่างนั้นในพราหมณ์คหบดี ชาวนิคม และชาวชนบท และจักได้รักษาอุโบสถทุกวันที่สิบสี่ ที่สิบห้า และที่แปด แห่งปักข์เถิด.

ลำดับนั้น ท้าวสักกะจอมเทพตรัสเรียกมาตลีเทพบุตรผู้รับใช้มาว่า ดูกรเพื่อนมาตลี ท่านจง เทียมรถม้าอาชาไนย อันเทียมด้วยม้าพันหนึ่ง แล้วนำพระเจ้านิมิราช กลับไปยังเมืองมิถิลา ในมนุษย์โลกนั้น มาตลีเทพบุตรผู้รับใช้ทูลรับรับสั่งของ ท้าวสักกะจอมเทพแล้ว เทียมรถม้า อาชาไนยอันเทียมด้วยม้าพันหนึ่ง แล้วนำ พระเจ้านิมิราชกลับไปยังเมืองมิถิลา ในมนุษย โลกนั้น.

( พระเจ้านิมิราชทรงเห็นพระเกศาหงอกออกผนวช )

              [๔๖๑] ดูกรอานนท์ ได้ยินว่า สมัยนั้น พระราชาเป็นใหญ่ ทรง ประพฤติธรรม ใน พราหมณ์ คหบดี ชาวนิคมและชาวชนบท และทรงรักษาอุโบสถ ทุกวันที่สิบสี่ ที่สิบห้า และที่แปด แห่งปักข์.

ครั้งนั้น ด้วยล่วงปีเป็นอันมาก ล่วงร้อยปีเป็นอันมาก ล่วงพันปีเป็นอันมาก พระเจ้า นิมิราช ตรัสกะช่างกัลบกว่า ดูกรเพื่อนกัลบก ท่านเห็นผมหงอกเกิดขึ้นบนศีรษะ ของเรา เมื่อใด พึงบอกแก่เราเมื่อนั้น.

ช่างกัลบกทูลรับรับสั่งพระเจ้านิมิราชว่า อย่างนั้น ขอเดชะ.

ด้วยล่วงปีเป็นอันมาก ล่วงร้อยปีเป็นอันมาก ล่วงพันปีเป็นอันมาก ช่างกัลบกได้เห็น พระเกศาหงอก เกิดขึ้นบนพระเศียรพระเจ้านิมิราช จึงได้กราบทูลว่า เทวทูตปรากฏแก่ พระองค์แล้ว พระเกศาหงอกเกิดขึ้นบนเศียรแล้วเห็นปรากฏอยู่.

พระเจ้านิมิราชตรัสว่า ดูกรเพื่อนกัลบก ถ้าอย่างนั้น ท่านจงเอาแหนบถอนผมหงอก นั้นให้ดี แล้ววางไว้ในกระพุ่มมือของเรา.

ช่างกัลบกทูลรับรับสั่งพระเจ้านิมิราช แล้ว จึงเอาแหนบถอนพระเกศาหงอกนั้น ด้วยดี วางไว้ในกระพุ่มพระหัตถ์ของพระเจ้านิมิราช.

ครั้งนั้น พระราชาพระราชทานบ้านส่วยแก่ช่างกัลบก แล้วโปรดให้พระราชกุมารผู้เป็น พระราชบุตรองค์ใหญ่มาเฝ้า แล้วตรัสว่า ดูกรพ่อกุมาร เทวทูตปรากฏแก่เราแล้ว ผมหงอก เกิดขึ้นบนศีรษะแล้วเห็นปรากฏอยู่ ก็กามทั้งหลายอันเป็นของมนุษย์ เราบริโภคแล้ว นี้เป็นสมัยที่เราจะแสวงหากามอันเป็นทิพย์ มาเถิดพ่อกุมาร เจ้าจง ครองราชสมบัตินี้ ส่วนเราจักปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวช เป็นบรรพชิต

ดูกรพ่อกุมาร ถ้าแม้เจ้าพึงเห็นผมหงอกเกิดขึ้นบนศีรษะเมื่อใด เจ้าพึงให้บ้านส่วย แก่ช่าง กัลบก แล้วพร่ำสอนราชกุมารผู้เป็นพระราชบุตรองค์ใหญ่ ในการที่จะเป็น พระราชาให้ดี แล้วปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวชเป็น บรรพชิตเถิด เจ้าพึงประพฤติตามวัตรอันงามที่เราตั้งไว้แล้วนี้ เจ้าอย่าได้เป็นบุรุษ คนสุดท้าย ของเราเลย เมื่อยุคบุรุษใดเป็นไปอยู่ วัตรอันงามเห็นปานนี้ขาดสูญไป ยุคบุรุษนั้นชื่อว่าเป็นบุรุษ คนสุดท้ายแห่งราชบรรพชิตนั้น.

ดูกรพ่อกุมาร เจ้าจะพึงประพฤติตามวัตรอันงามที่เราตั้งไว้แล้วนี้ได้ด้วยประการใด เรากล่าวอย่างนี้กะเจ้าด้วยประการนั้น เจ้าอย่าได้เป็นบุรุษคนสุดท้ายของเราเลย.

              [๔๖๒] ดูกรอานนท์ ครั้งนั้น พระเจ้านิมิราชครั้นพระราชทานบ้านส่วย แก่ช่าง กัลบก และทรง พร่ำสอนราชกุมารผู้เป็นพระราชบุตรองค์ใหญ่ ในการที่จะเป็น พระราชา ให้ดีแล้ว ทรงปลง พระเกศาและพระมัสสุ ทรงครองผ้ากาสายะ เสด็จออก จากพระราช นิเวศน์ ทรงผนวชเป็น บรรพชิต อยู่ที่มฆเทวัมพวัน นี้แล.

ท้าวเธอมีพระหฤทัยประกอบด้วยเมตตา ทรงแผ่ไปทั่วทิศที่หนึ่งอยู่ ในทิศที่สอง ในทิศที่สาม ในทิศที่สี่ก็เหมือนกัน มีพระหฤทัยประกอบด้วยเมตตา อันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก โดยมุ่ง ประโยชน์แก่สัตว์ทุกเหล่าในที่ทุกสถาน ทั้งในทิศเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง ด้วยประการฉะนี้.

มีพระหฤทัยประกอบด้วยกรุณา แผ่ไปทั่วทิศที่หนึ่งอยู่ ในทิศที่สอง ในทิศที่สาม ในทิศที่สี่ ก็เหมือนกัน มีพระหฤทัยประกอบด้วยกรุณา อันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก โดยมุ่งประโยชน์แก่สัตว์ ทุกเหล่า ในที่ทุก สถาน ทั้งในทิศเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง ด้วยประการฉะนี้.

มีพระหฤทัยประกอบด้วยมุทิตา แผ่ไปทั่วทิศที่หนึ่งอยู่ ในทิศที่สอง ในทิศที่สาม ในทิศที่สี่ ก็เหมือนกัน มีพระหฤทัยประกอบด้วยมุทิตา อันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก โดยมุ่งประโยชน์แก่สัตว์ ทุกเหล่า ในที่ทุก สถาน ทั้งในทิศเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง ด้วยประการฉะนี้.

มีพระหฤทัยประกอบด้วยอุเบกขา แผ่ไปทั่วทิศที่หนึ่งอยู่ ในทิศที่สอง ในทิศที่สาม ในทิศที่สี่ก็เหมือนกัน มีพระหฤทัยประกอบด้วยอุเบกขา อันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก โดยมุ่งประโยชน์แก่สัตว์ ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ทั้งในทิศเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวางด้วยประการฉะนี้.

ดูกรอานนท์ ก็พระเจ้านิมิราชทรงเล่นเป็นพระกุมารแปดหมื่นสี่พันปี ทรงดำรงความ เป็น อุปราชแปดหมื่นสี่พันปี เสวยราชสมบัติแปดหมื่นสี่พันปี เสด็จออกจากพระราช นิเวศน์ ทรงผนวชเป็นบรรพชิต ประพฤติพรหมจรรย์อยู่ที่มฆเทวัมพวัน นี้แล แปดหมื่น สี่พันปี พระองค์เจริญพรหมวิหารสี่แล้ว เมื่อสวรรคตได้เสด็จเข้าถึง พรหมโลก.

( พระเจ้ากฬารชนกเป็นอันติมบุรุษ )

              [๔๖๓] ดูกรอานนท์ ก็พระเจ้านิมิราชมีพระราชบุตรพระนามว่ากฬารชนก พระราชกุมารนั้น มิได้เสด็จออกจากพระราชนิเวศน์ ทรงผนวชเป็นบรรพชิต ท้าวเธอ ทรงตัด กัลยาณวัตร นั้นเสีย ชื่อว่าเป็นบุรุษคนสุดท้ายแห่งราชบรรพชิตนั้น.

ดูกรอานนท์ เธอพึงมีความคิดเห็นอย่างนี้ว่า สมัยนั้น พระเจ้ามฆเทวะซึ่งทรงตั้ง กัลยาณวัตรนั้น เป็นผู้อื่นแน่ แต่ข้อนั้นเธอไม่พึงเห็นอย่างนี้.

สมัยนั้น เราเป็นพระเจ้ามฆเทวะ เราตั้งกัลยาณวัตรนั้นไว้ ประชุมชนผู้เกิด ณ ภายหลัง ประพฤติตามกัลยาณวัตรที่เราตั้งไว้แล้วนั้น แต่กัลยาณวัตรนั้นไม่เป็นไปเพื่อความ เบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับสนิท เพื่อสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน เป็นไปเพียงเพื่ออุบัติในพรหมโลกเท่านั้น.

ส่วนกัลยาณวัตรที่เราตั้งไว้ในบัดนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับสนิท เพื่อสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน โดยส่วนเดียว.

ก็กัลยาณวัตรที่เราตั้งไว้ในบัดนี้ ซึ่งเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับสนิท เพื่อสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน โดยส่วนเดียว นั้นเป็นอย่างไร ?

คือ มรรคมีองค์ ๘ นี้แล คือ สัมมาทิฏฐิ(ความเห็นชอบ) สัมมาสังกัปปะ (ความดำริชอบ) สัมมาวาจา(วาจาชอบ) สัมมากัมมันตะ(การงานชอบ) สัมมาอาชีวะ (การเลี้ยงชีพชอบ) สัมมาวายามะ(ความเพียรชอบ) สัมมาสติ(ความระลึกชอบ) สัมมาสมาธิ (ความตั้งใจ มั่นชอบ) กัลยาณวัตรที่เราตั้งไว้ในบัดนี้ นี้แล ย่อมเป็นไป เพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลาย กำหนัด เพื่อดับสนิท เพื่อสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อพระนิพพาน โดยส่วนเดียว.

ดูกรอานนท์ เธอทั้งหลายจะพึงประพฤติตามกัลยาณวัตร ที่เราตั้งไว้แล้วนี้ได้ด้วย ประการใด เรากล่าวอย่างนี้กะเธอทั้งหลาย ด้วยประการนั้น เธอทั้งหลาย อย่าเป็น บุรุษคนสุดท้าย ของเราเลย เมื่อยุคบุรุษใดเป็นไปอยู่ กัลยาณวัตรเห็นปานนี้ ขาดสูญไป ยุคบุรุษนั้นชื่อว่า เป็นบุรุษคนสุดท้ายของบุรุษเหล่านั้น เธอทั้งหลาย จะพึงประพฤติตามกัลยาณวัตร ที่เราตั้งไว้แล้วนี้ได้ด้วยประการใด เรากล่าวอย่างนี้ กะเธอทั้งหลายด้วยประการนั้น เธอทั้งหลาย อย่าได้ชื่อว่าเป็นบุรุษ คนสุดท้าย ของเราเลย.

พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ท่านพระอานนท์ยินดีชื่นชม พระภาษิต ของ พระผู้มีพระภาคแล้ว ดังนี้แล.

จบ มฆเทวสูตร ที่ ๓.

พระไตรปิฎกไทย(ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๓ หน้าที่ ๓๑๖-๓๒๕ ข้อที่ ๔๕๒-๔๖๓

 

 
พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์