เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
 
ค้นหาคำที่ต้องการ          

 
  กามทั้งหลาย อันบุคคลพึงรู้แจ้ง เป็นอย่างไรเล่า ?
223  
 

(ปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์ – หมวดที่ ๖ หน้าที่ ๒๗๑-๓.)

กามทั้งหลาย อันบุคคลพึงรู้แจ้ง เป็นอย่างไรเล่า ?

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! กามคุณทั้งหลาย ๕ ประการ เหล่านี้ คือ
   - รูปทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งด้วย จักษุ..
   - เสียงทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งด้วย โสตะ..
   - กลิ่นทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งด้วย จมูก..
   - รสทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งด้วย ลิ้น..
   - สัมผัสผิวหนัง อันจะพึงสัมผัสด้วย กาย
อันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา (อิฏฐา) น่าใคร่ (กนฺตา) น่าพอใจ (มนาปา) มีลักษณะอัน น่ารัก (ปิยะรูปา) เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยแห่งความใคร่ (กามูปสญฺหิตา) เป็นที่ตั้งแห่ง ความกำหนัด (รชนิยา) มีอยู่.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย!
อารมณ์ทั้งหลาย ๕ ประการเหล่านี้หาใช่กามไม่
ในอริยวินัย เรียกอารมณ์ทั้งหลาย ๕ ประการเหล่านี้ว่า "กามคุณ"(หาเรียกว่ากามไม่) แต่ว่าความกำหนัดไปตามอำนาจ ความตริตรึก (สงฺกปฺปราค) นั่นและคือกามของคนเรา

อารมณ์อันวิจิตรทั้งหลาย ในโลก นั้น หาใช่กามไม่
ความกำหนัดไปตามอำนาจความตริตรึก นั่นแหละคือกามของคนเรา

อารมณ์อันวิจิตร ก็มีอยู่ในโลก ตามประสาของมันเท่านั้น
ดังนั้น ผู้มีปัญญาจึงนำออกเสียซึ่งฉันทะ ในอารมณ์อันวิจิตรเหล่านั้น ดังนี้

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ก็นิทานแห่งสัมภวะ (เหตุเป็นแดนเกิดพร้อม) แห่งกามทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า ?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! นิทานสัมภวะแห่งกามทั้งหลาย คือ ผัสสะ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! ก็เวมัตตตา(ประมาณต่างๆ) แห่งกามทั้งหลายเป็นอย่างไรเล่า?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! เวมัตตตาแห่งกามทั้งหลาย คือ ความใคร่ (กาม)ในรูปารมณ์ก็อย่างหนึ่ง ๆ
ความใคร่ในสัททารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ
ความใคร่ในคันธารมณ์ก็อย่างหนึ่ง ๆ
ความใคร่ในรสารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ
ความใคร่ในโผฏฐัพพารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! นี้เราเรียกว่า เวมัตตตาแห่งกามทั้งหลาย.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ก็วิบากแห่งกาม ทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า ?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! บุคคลมีความใคร่ในอารมณ์ใดอยู่ ย่อมยังอัตตภาพอันเกิดจากกามในอารมณ์นั้น ๆ ให้เกิดขึ้น เป็นอัตตภาพมีส่วนแห่งบุญบ้าง มีส่วนแห่งบุญหามิได้บ้าง
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! นี้เรากล่าวว่า วิบากแห่งกามทั้งหลาย.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! นิโรธแห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ความดับแห่งกาม มี เพราะความดับแห่งผัสสะ.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ก็นิโรธคามินีปฏิปทาแห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้แล คือนิโรธคามินีปฏิปทาแห่งกาม,
ข้อนั้นได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ สัมมทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ.(มรรคแปด)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ในกาลใดแล
อริยสาวก ย่อมรู้ชัดซึ่งกามทั้งหลายอย่างนี้, (รู้ทุกข์)
ซึ่งนิทานสัมภวะแห่งกามทั้งหลายอย่างนี้, (รู้สมุทัย)
ซึ่งเวมัตตตาแห่งกามทั้งหลายอย่างนี้, (รู้นิโรธ)
ซึ่งวิบากแห่งกามทั้งหลายอย่างนี้, (รู้นิโรธ)
ซึ่งนิโรธแห่งกามอย่างนี้ (รู้นิโรธ)
ซึ่งนิโรธคามินีปฏิปทาแห่งกามอย่างนี้; (รู้มรรค)
ในกาลนั้น อริยสาวกนั้น ย่อมรู้ชัดซึ่งพรหมจรรย์ อันเป็นเครื่องเจาะแทงกิเลสนี้ว่า เป็นที่ดับแห่งกาม (กามนิโรธ).


 
พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์