|
(ปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์ – หมวดที่ ๖ หน้าที่ ๒๗๑-๓.)
กามทั้งหลาย อันบุคคลพึงรู้แจ้ง เป็นอย่างไรเล่า ?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! กามคุณทั้งหลาย ๕ ประการ เหล่านี้ คือ
รูป ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งด้วย จักษุ..
เสียง ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งด้วย โสตะ..
กลิ่น ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งด้วย จมูก..
รส ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งด้วยลิ้น..
สัมผัสผิวหนัง อันจะพึง สัมผัสด้วยกาย
อันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา (อิฏฐา)
น่าใคร่ (กนฺตา)
น่าพอใจ (มนาปา)
มีลักษณะอันน่ารัก (ปิยะรูปา)
เป็นที่เข้าไปตั้ง อาศัย แห่งความใคร่ (กามูปสญฺหิตา)
เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด (รชนิยา) มีอยู่.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! อารมณ์ทั้งหลาย ๕ ประการเหล่านี้หาใช่กามไม่
ในอริยวินัย เรียกอารมณ์ทั้งหลาย ๕ ประการเหล่านี้ว่า "กามคุณ" (หาเรียกว่ากามไม่) แต่ว่า ความกำหนัดไปตามอำนาจความตริตรึก (สงฺกปฺปราค)
นั่นและคือกามของคนเรา
อารมณ์อันวิจิตรทั้งหลาย ในโลก นั้น หาใช่กามไม่
ความกำหนัดไปตามอำนาจความตริตรึก
นั่นและคือกามของคนเรา
อารมณ์อันวิจิตร ก็มีอยู่ในโลก ตามประสาของมันเท่านั้น ดังนั้น ผู้มีปัญญาจึงนำออกเสียซึ่งฉันทะ ในอารมณ์อันวิจิตรเหล่านั้น ดังนี้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ก็นิทานแห่งสัมภวะ (เหตุเป็นแดนเกิดพร้อม)
แห่งกามทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า ?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! นิทานสัมภวะแห่งกามทั้งหลาย คือ ผัสสะ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! ก็เวมัตตตา (ประมาณต่างๆ)แห่งกามทั้งหลายเป็นอย่างไรเล่า?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! เวมัตตตาแห่งกามทั้งหลาย
คือความใคร่ (กาม) ในรูปารมณ์ก็อย่างหนึ่ง ๆ
ความใคร่ในสัททารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ
ความใคร่ในคันธารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ
ความใคร่ในรสารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ
ความใคร่ในโผฏฐัพพารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! นี้เราเรียกว่า เวมัตตตาแห่งกามทั้งหลาย.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ก็วิบากแห่งกามทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า ?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! บุคคลมีความใคร่ในอารมณ์ใดอยู่ ย่อมยังอัตตภาพอันเกิดจากกามในอารมณ์นั้น ๆ ให้เกิดขึ้น เป็นอัตตภาพมีส่วนแห่งบุญบ้าง มีส่วนแห่งบุญหามิได้บ้าง
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! นี้เรากล่าวว่า วิบากแห่งกามทั้งหลาย.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! นิโรธแห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ความดับแห่งกามมี เพราะความดับแห่งผัสสะ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ก็นิโรธคามินีปฏิปทาแห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย !อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้แล คือนิโรธคามินีปฏิปทาแห่งกาม,
ข้อนั้นได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ สัมมทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ(มรรค8).
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ในกาลใดแล อริยสาวกย่อมรู้ชัดซึ่งกามทั้งหลายอย่างนี้ ซึ่งนิทานสัมภวะแห่งกามทั้งหลายอย่างนี้
ซึ่งเวมัตตตาแห่งกามทั้งหลายอย่างนี้
ซึ่งวิบากแห่งกามทั้งหลายอย่างนี้
ซึ่งนิโรธแห่งกามอย่างนี้
ซึ่งนิโรธคามินีปฏิปทาแห่งกามอย่างนี้
ในกาลนั้น อริยสาวกนั้น ย่อมรู้ชัดซึ่งพรหมจรรย์อันเป็น เครื่องเจาะแทงกิเลส นี้ว่า เป็นที่ดับแห่งกาม (กามนิโรธ).
|