พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๔๗ - ๒๕๒
๑. จักขุสูตร
ว่าด้วยสัทธานุสารีและธัมมานุสารีบุคคล
[๔๖๙] พระนครสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย จักษุไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
หูไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็น อย่างอื่นเป็นธรรมดา
จมูกไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
ลิ้นไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
กายไม่เที่ยง มีอันแปรปรวน เป็นอย่างอื่น เป็นธรรมดา.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดเชื่อมั่นไม่หวั่นไหวซึ่งธรรมเหล่านี้อย่างนี้ เรากล่าวผู้นี้ ว่า สัทธานุสารี ก้าวลงสู่สัมมัตตนิยาม ก้าวลงสู่สัปปุริสภูมิ ล่วงภูมิปุถุชน ไม่ควรเพื่อ ทำกรรมที่บุคคลทำแล้วพึงเข้าถึงนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน หรือปิตติวิสัย ไม่ควรเพื่อ ทำกาละตราบเท่าที่ยังไม่ทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมเหล่านี้ ย่อมควรเพ่งด้วยปัญญา โดยประมาณอย่างนี้ แก่ผู้ใด. เราเรียกผู้นี้ว่าธัมมานุสารี ก้าวลงสู่สัมมัตตนิยาม ก้าวลงสู่สัปปุริสภูมิ ล่วงภูมิปุถุชน ไม่ควรเพื่อทำกรรมที่บุคคลทำแล้วพึงเข้าถึงนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน หรือปิตติวิสัย ไม่ควรเพื่อทำกาละตราบเท่าที่ยังไม่ทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดรู้เห็นธรรมเหล่านี้อย่างนี้.
เรากล่าวผู้นี้ว่าเป็นโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ เป็นเบื้องหน้า.
จบ สูตรที่ ๑.
------------------------------------------------------------------------------------------
๒. รูปสูตร
ว่าด้วยสัทธานุสารีและธัมมานุสารีบุคคล
[๔๗๐] พระนครสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
เสียงไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
กลิ่นไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
รสไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
โผฏฐัพพะไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
ธรรมารมณ์ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดเชื่อมั่นไม่หวั่นไหวซึ่งธรรมเหล่านี้อย่างนี้ เรากล่าวผู้นี้ว่า สัทธานุสารี ก้าวลงสู่สัมมัตตนิยาม ก้าวลงสู่สัปปุริสภูมิล่วงภูมิปุถุชน ไม่ควรเพื่อทำ กรรมที่บุคคลทำแล้วพึงเข้าถึงนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน หรือปิตติวิสัย ไม่ควรเพื่อทำ กาละ ตราบเท่าที่ยังไม่ทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมเหล่านี้ ย่อมควรเพ่งด้วยปัญญา โดยประมาณอย่างนี้แก่ผู้ใด. เรากล่าวผู้นี้ว่า ธัมมานุสารี ก้าวลงสู่สัมมัตตนิยาม ก้าวลงสู่สัปปุริสภูมิ ล่วงภูมิปุถุชน ไม่ควรเพื่อทำกรรมที่บุคคลทำแล้วพึงเข้าถึงนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน หรือปิตติวิสัย ไม่ควรเพื่อทำกาละตราบเท่าที่ยังไม่ทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดรู้เห็นธรรมเหล่านี้อย่างนี้ เรากล่าวผู้นี้ว่าเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า.
จบ สูตรที่ ๒.
------------------------------------------------------------------------------------------
๓. วิญญาณสูตร
ว่าด้วยสัทธานุสารีและธัมมานุสารีบุคคล
[๔๗๑] พระนครสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
จักขุวิญญาณ ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
โสตวิญญาณ ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
ฆานวิญญาณ ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
ชิวหาวิญญาณ ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
กายวิญญาณ ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
มโนวิญญาณ ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดเชื่อมั่นไม่หวั่นไหวซึ่งธรรมเหล่านี้ เรากล่าวผู้นี้ว่า สัทธานุสารี ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายเหล่านี้ย่อมควรเพ่งด้วยปัญญา โดยประมาณอย่างนี้ แก่ผู้ใด. เรากล่าวผู้นี้ว่า ธัมมานุสารี ฯลฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดรู้เห็นธรรมเหล่านี้อย่างนี้ เรากล่าวผู้นี้ว่า เป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่ตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า.
จบ สูตรที่ ๓.
------------------------------------------------------------------------------------------
๔. ผัสสสูตร
ว่าด้วยสัทธานุสารีและธัมมานุสารีบุคคล
[๔๗๒] พระนครสาวัตถี. ดูกรภิกษุทั้งหลาย
จักขุสัมผัส ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวน เป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
โสตสัมผัส ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวน เป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
ฆานสัมผัส ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวน เป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
ชิวหาสัมผัส ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวน เป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
กายสัมผัส ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวน เป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
มโนสัมผัส ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา เรากล่าวผู้นี้ว่า สัทธานุสารี ฯลฯ เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า.
จบ สูตรที่ ๔.
------------------------------------------------------------------------------------------
๕. เวทนาสูตร
ว่าด้วยสัทธานุสารีและธัมมานุสารีบุคคล
[๔๗๓] พระนครสาวัตถี. ดูกรภิกษุทั้งหลาย
จักขุสัมผัสสชาเวทนา ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
โสตสัมผัสสชาเวทนา ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
ฆานสัมผัสสชาเวทนา ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
ชิวหาสัมผัสสชาเวทนา ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
กายสัมผัสสชาเวทนา ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
มโนสัมผัสสชาเวทนา ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดเชื่อมั่นไม่หวั่นไหวซึ่งธรรมเหล่านี้อย่างนี้ เรากล่าวผู้นี้ว่า สัทธานุสารี ฯลฯ เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
จบ สูตรที่ ๕
------------------------------------------------------------------------------------------
๖. สัญญาสูตร
ว่าด้วยสัทธานุสารีและธัมมานุสารีบุคคล
[๔๗๔] พระนครสาวัตถี. ดูกรภิกษุทั้งหลาย
รูปสัญญา ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
สัททสัญญา ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
คันธสัญญา ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
รสสัญญา ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
โผฏฐัพพสัญญาธรรมสัญญา ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดเชื่อมั่นไม่หวั่นไหวซึ่งธรรมเหล่านี้อย่างนี้ เรากล่าวผู้นี้ว่า สัทธานุสารี ฯลฯ เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
จบ สูตรที่ ๖.
------------------------------------------------------------------------------------------
๗. เจตนาสูตร (ความตั้งใจ ความจงใจ)
ว่าด้วยสัทธานุสารีและธัมมานุสารีบุคคล
[๔๗๕] พระนครสาวัตถี. ดูกรภิกษุทั้งหลาย
รูปสัญเจตนา ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
สัททสัญเจตนา ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
คันธสัญเจตนา ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
รสสัญเจตนา ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
โผฏฐัพพสัญเจตนา ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
ธรรมสัญเจตนา ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวน เป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดเชื่อมั่นไม่หวั่นไหว ซึ่งธรรมเหล่านี้อย่างนี้ เรากล่าวผู้นี้ว่า สัทธานุสารี ฯลฯ เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า.
จบ สูตรที่ ๗.
------------------------------------------------------------------------------------------
๘. ตัณหาสูตร
ว่าด้วยสัทธานุสารีและธัมมานุสารีบุคคล
[๔๗๖] พระนครสาวัตถี. ดูกรภิกษุทั้งหลาย
รูปตัณหา ไม่เที่ยง มีอัน แปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
สัททตัณหา ไม่เที่ยง มีอัน แปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
คันธตัณหา ไม่เที่ยง มีอัน แปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
รสตัณหา ไม่เที่ยง มีอัน แปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
โผฏธัพพตัณหา ไม่เที่ยง มีอัน แปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
ธรรมตัณหา ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดเชื่อมั่นไม่หวั่นไหว ซึ่งธรรมเหล่านี้อย่างนี้ เรากล่าวผู้นี้ว่า สัทธานุสารี ฯลฯ เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า.
จบ สูตรที่ ๘.
------------------------------------------------------------------------------------------
๙. ธาตุสูตร
ว่าด้วยสัทธานุสารีและธัมมานุสารีบุคคล
[๔๗๗] พระนครสาวัตถี. ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ปฐวีธาตุ ไม่เที่ยง มีอัน แปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
อาโปธาตุ ไม่เที่ยง มีอัน แปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
เตโชธาตุ ไม่เที่ยง มีอัน แปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
วาโยธาตุ ไม่เที่ยง มีอัน แปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
อากาสธาตุ ไม่เที่ยง มีอัน แปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
วิญญาณธาตุ ไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดเชื่อมั่นไม่หวั่นไหวซึ่งธรรมเหล่านี้อย่างนี้ เรากล่าวผู้นี้ว่า สัทธานุสารี ฯลฯ เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า.
จบ สูตรที่ ๙.
------------------------------------------------------------------------------------------
๑๐. ขันธสูตร
ว่าด้วยสัทธานุสารีและธัมมานุสารีบุคคล
[๔๗๘] พระนครสาวัตถี. ดูกรภิกษุทั้งหลาย
รูปไม่เที่ยง มีอันแปรปรวน เป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
เวทนาไม่เที่ยง มีอันแปรปรวน เป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
สัญญาไม่เที่ยง มีอันแปรปรวน เป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
สังขารไม่เที่ยง มีอันแปรปรวน เป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา
วิญญาณไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดเชื่อมั่นไม่หวั่นไหว ซึ่ง ธรรมเหล่านี้อย่างนี้เรากล่าวผู้นี้ว่า สัทธานุสารี ก้าวลงสู่สัมมัตตนิยาม ก้าวลงสู่สัปปุริสภูมิ ล่วงภูมิปุถุชน ไม่ควรเพื่อทำกรรมที่บุคคลทำแล้วพึงเข้าถึงนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน หรือปิตติวิสัย ไม่ควรเพื่อทำกาละตราบเท่าที่ยังไม่ทำให้แจ้ง ซึ่งโสดาปัตติผล.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมเหล่านี้ย่อมควรเพ่งด้วยปัญญาโดยประมาณอย่างนี้แก่ผู้ใด. เรากล่าวผู้นี้ว่า ธัมมานุสารี ก้าวลงสู่สัมมัตตนิยาม ก้าวลงสู่สัปปุริสภูมิ ล่วงภูมิปุถุชน ไม่ควรเพื่อทำกรรมที่บุคคลทำแล้วพึงเข้าถึงนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉานหรือปิตติวิสัย ไม่ควรเพื่อทำกาละ ตราบเท่าที่ยังไม่ทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล.
ดูกรภิกษุทั้งหลายผู้ใดรู้เห็นธรรมเหล่านี้อย่างนี้. เรากล่าวผู้นี้ว่า เป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดาเป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า.
จบ สูตรที่ ๑๐.
จบ โอกกันตสังยุต.
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
รวมพระสูตรที่มีในสังยุตนี้ คือ
๑. จักขุสูตร ๖. สัญญาสูตร
๒. รูปสูตร ๗. เจตนาสูตร
๓. วิญญาณสูตร ๘. ตัณหาสูตร
๔. ผัสสสูตร ๙. ธาตุสูตร
๕. เวทนาสูตร ๑๐. ขันธสูตร
|