เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่ พุทธวจน คำสอนของพระศาสดา คำสอนตถาคต รวมพระสูตรสำคัญ อนาคามี เว็บไซต์เผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้า
ค้นหาคำที่ต้องการ

  ฆฏิการสูตร (ฉบับมหาจุฬา) ว่าด้วยช่างหม้อชื่อ ฆฏิการะ 1382

(โดยย่อ)








ฟังเสียงอ่านพระสูตร

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน

 

พระไตรปิฎก ฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๑๓ หน้าที่ ๓๓๗

๑.ฆฏิการสูตร

๔. ราชวรรค
หมวดว่าด้วยพระราชา

๑. ฆฏิการสูตร

(ฉบับมหาจุฬา)
ว่าด้วยช่างหม้อชื่อฆฏิการะ

          {๔๐๓}[๒๘๒] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปในแคว้นโกศล พร้อมกับภิกษุสงฆ์ หมู่ใหญ่ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาค เสด็จแวะออกจากทางแล้ว ได้ทรงแย้มพระโอษฐ์ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์ได้คิดว่า อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัย ให้พระผู้มีพระภาคทรงแย้มพระโอษฐ์ เพราะพระตถาคต ทั้งหลาย ย่อมไม่ทรงแย้ม พระโอษฐ์โดยไม่มีสาเหตุ

          ลำดับนั้น ท่านพระอานนท์ จึงห่มผ้าอุตตราสงค์เฉวียงบ่า ประนมอัญชลี ไปทาง ที่พระผู้มีพระภาค ประทับอยู่ได้ทูลถามพระองค์ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พระผู้มีพระภาค ทรงแย้มพระโอษฐ์ เพราะ พระตถาคตทั้งหลาย ย่อมไม่ทรงแย้มพระโอษฐ์ โดยไม่มีสาเหตุ

          {๔๐๔}พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า อานนท์เรื่องเคยมีมาแล้ว ณ สถานที่ แห่งนี้ มี นิคมชื่อ เวคฬิงคะ เป็นนิคมมั่งคั่งอุดมสมบูรณ มีประชากรมาก มีพลเมือง หนาแน่น พระผู้มีพระภาคพระนามว่ากัสสปะ ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงอาศัยเวคฬิงคนิคม อยู่ได้ยินว่า ที่นี้เคยเป็นอารามของ พระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ ผู้เป็น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น มาก่อนได้ยินว่า พระผู้มีพระภาคพระนามว่า กัสสปะผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทับนั่ง ตรัสสอน ภิกษุสงฆ์ ณ ที่นี้

          {๔๐๕} ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์ได้ปูลาดผ้าสังฆาฏิเป็น ๔ ชั้นถวาย แล้วกราบทูล พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าเช่นนั้น ขอพระผู้มีพระภาค จงประทับนั่ง ณ ที่นี้เถิด ภาคพื้นส่วนนี้ จักเป็นส่วนที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ๒ พระองค์ทรงใช้สอย

          พระผู้มีพระภาคประทับนั่ง บนพุทธอาสน์ที่ปูลาดไว้แล้วได้รับสั่งเรียกท่าน พระอานนท์ มาตรัสว่า

          อานนท์เรื่องเคยมีมาแล้ว ณ สถานที่แห่งนี้ มีนิคมชื่อ เวคฬิงคะ ป็นนิคม มั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์ มีประชากรมากมีพลเมืองหนาแน่น พระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ ผู้เป็นพระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงอาศัยเวคฬิงคนิคม อยู่ได้ยินว่าที่นี้ เคยเป็นอาราม ของพระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสปะ ผู้เป็นพระอรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า พระองค์นั้นมาก่อน ได้ยินว่าพระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสปะผู้เป็น พระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประทับนั่ง ตรัสสอนภิกษุสงฆ์ณ ที่นี้

          {๔๐๕}[๒๘๓] อานนท์ ในเวคฬิงคนิคมได้มีช่างหม้อ ชื่อฆฏิการะ เป็น อุปัฏฐากผู้เลิศ ของพระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสปะผู้เป็นพระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า มีมาณพ ชื่อโชติปาละ เป็นสหายที่รักกันของช่างหม้อ ชื่อฆฏิการะ ครั้งนั้นช่างหม้อ ชื่อฆฏิการะ เรียกโชติปาลมาณพมา กล่าวว่ามาเถิดโชติปาละ เพื่อนรักเราจักเข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสปะ ผู้เป็นพระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้าด้วยกัน เพราะว่าการที่เราได้เห็น พระผู้มีพระภาคผู้เป็นพระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ถือกันว่าเป็นความดี


          {๔๐๖}เมื่อช่างหม้อชื่อฆฏิการะ กล่าวอย่างนี้แล้ว โชติปาลมาณพ ได้กล่าว ว่า อย่าเลยฆฏิการะเพื่อนรัก การเห็นพระสมณะโล้นนั้น จะมีประโยชน์อะไร
แม้ครั้งที่ ๒ ฯลฯ

แม้ครั้งที่ ๓ ช่างหม้อชื่อฆฏิการะ ได้กล่าวกับโชติปาลมาณพว่า มาเถิดโชติปาละ เพื่อนรัก เราจักเข้าไปเฝ้าพระผู้พระภาค พระนามว่ากัสสปะ ผู้เป็นพระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้าด้วยกัน เพราะว่าการที่เราได้เห็นพระผู้มีพระภาคผู้เป็นพระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ถือกันว่า เป็นความดี แม้ครั้งที่ ๓โชติปาลมาณพได้กล่าวว่า อย่าเลย ฆฏิการะเพื่อนรักการเห็น พระสมณะ โล้นนั้นจะมีประโยชน์อะไร

          ช่างหม้อชื่อฆฏิการะ จึงกล่าวว่าโชติปาละเพื่อนรัก ถ้าเช่นนั้นเรานำ จุรณถูตัว ไปยังแม่น้ำ เพื่ออาบน้ำกันเถิด โชติปาลมาณพ รับคำแล้ว ลำดับนั้น ช่างหม้อชื่อ ฆฏิการะ และ โชติปาลมาณพได้นำ จุรณถูตัว ไปยังแม่น้ำเพื่ออาบน้ำ

          {๔๐๗}[๒๘๔] อานนท์ต่อมาช่างหม้อ ชื่อฆฏิการะได้เรียกโชติปาลมาณพ มากล่าวว่า โชติปาละเพื่อนรัก ที่นี่ไม่ไกลจากพระอาราม ของพระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสปะ ผู้เป็นพระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้านัก มาเถิดโชติปาละเพื่อนรัก เราจักเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคพระนามว่ากัสสปะ ผู้เป็นพระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า ด้วยกันเพราะว่าการที่เราได้เห็น พระผู้มีพระภาคผู้เป็นพระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้นถือกันว่าเป็นความดี

          {๔๐๘} เมื่อช่างหม้อ ชื่อฆฏิการะ กล่าวอย่างนี้แล้วโชติปาลมาณพ ได้กล่าวว่า อย่าเลยฆฏิการะเพื่อนรัก การเห็นพระสมณะโล้นนั้น จะมีประโยชน์อะไร
แม้ครั้งที่ ๒ ฯลฯ

          แม้ครั้งที่๓ ช่างหม้อชื่อฆฏิการะ ได้กล่าวว่า โชติปาละเพื่อนรักที่นี่ไม่ไกล จากพระอารามของพระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสปะผู้เป็นพระอรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า นักมาเถิดโชติปาละเพื่อนรักเราจักเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ ผู้เป็นพระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยกัน เพราะว่าการที่เราได้เห็น พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ถือกันว่าเป็นความดี

          แม้ครั้งที่ ๓โชติปาลมาณพก็กล่าวว่า อย่าเลยฆฏิการะเพื่อนรักการเห็น พระสมณะ โล้น นั้น จะมีประโยชน์อะไร

จุรณถูตัว หมายถึงเครื่องหอมที่เป็นผงละเอียด อาจทำให้เป็นก้อน เก็บไปใช้ได้ ทุกเวลา (ที.ม.อ.๒/๓๗๙/๓๘๗)

          ลำดับนั้น ช่างหม้อชื่อฆฏิการะ ได้จับชายพก* ของโชติปาลมาณพ แล้ว กล่าวว่า โชติปาละเพื่อนรัก ที่นี่ไม่ไกลจากพระอาราม ของพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านัก มาเถิดโชติปาละเพื่อนรัก เราจักเข้าไป เฝ้า พระผู้มีพระภาคพระนามว่ากัสสปะ ผู้เป็นพระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้าด้วยกัน เพราะว่าการที่เราได้เห็น พระผู้มีพระภาคผู้เป็นพระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า พระองค์ นั้น ถือกันว่าเป็นความดี
* ชายพก หมายถึง ขอบผ้านุ่งที่รวบมาไขว้กันไว้บริเวณสะดือ แล้วดึงชายข้างหนึ่ง ให้มีลักษณะ คล้ายถุงเหน็บไว้ที่เอวสำหรับใส่เงิน เป็นต้น

          ลำดับนั้นโชติปาลมาณพ ให้ช่างหม้อชื่อฆฏิการะ ปล่อยชายพกแล้วกล่าวว่า อย่าเลย ฆฏิการะเพื่อนรักการเห็นพระสมณะโล้นนั้น จะมีประโยชน์อะไร

          ช่างหม้อชื่อฆฏิการะนั้น จับที่ผมของโชติปาละมาณพ ผู้อาบน้ำดำเกล้า แล้วกล่าวว่า โชติปาละเพื่อนรัก ที่นี่ไม่ไกลจากพระอาราม ของพระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสปะ ผู้เป็นพระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้านักมาเถิดโชติปาละ เพื่อนรัก เราจักเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสปะผู้เป็นพระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า ด้วยกัน เพราะว่า การที่เราได้เห็นพระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ถือกันว่าเป็นความดี

          ต่อมาโชติปาลมาณพได้คิดว่า น่าอัศจรรย์จริงไม่เคยปรากฏที่ช่างหม้อ ชื่อฆฏิการะ ผู้มีสกุลรุนชาติต่ำ บังอาจมาจับผมของเรา ผู้อาบน้ำดำเกล้าแล้ว การที่เราจะไปด้วยนี้ เห็นจะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แล้วได้กล่าวกับช่างหม้อ ชื่อฆฏิการะ ว่าฆฏิการะเพื่อนรัก การที่เพื่อนทำความพยายาม ตั้งแต่พูดชักชวน จับที่ชายพก จนล่วงเลย ถึงบังอาจจับ ที่ผมของเรานั้น ก็เพื่อจะชวนให้ไป ในสำนักของ พระผู้มีพระภาค ผู้เป็นพระอรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น เท่านั้นเองหรือ

          ช่างหม้อชื่อฆฏิการะกล่าวว่า เท่านั้นเอง โชติปาละเพื่อนรักจริงอย่างนั้น การที่เรา ได้เห็นพระผู้มีพระภาคผู้เป็นพระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ถือกันว่า เป็นความดี โชติปาลมาณพกล่าวว่า ฆฏิการะเพื่อนรักถ้าเช่นนั้น ปล่อยเรา เถิด พวกเราจักไปด้วยกัน

          {๔๑๐}[๒๘๕] อานนท์ ครั้งนั้น ช่างหม้อชื่อฆฏิการะ และโชติปาลมาณพ ได้เข้าไป เฝ้าพระผู้มี พระภาคพระนามว่า กัสสปะผู้เป็นพระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า ถึงที่ประทับ ช่างหม้อชื่อฆฏิการะ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสปะ ผู้เป็น พระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วนั่ง ณ ที่สมควร ส่วนโชติปาลมาณพ ได้สนทนาปราศรัย พอเป็นที่ บันเทิงใจ พอเป็นที่ระลึกถึงกัน แล้วจึงนั่ง ณ ที่สมควร ช่างหม้อ ชื่อฆฏิการะ ผู้นั่ง ณ ที่สมควร ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ ผู้เป็นพระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นี้คือโชติปาละ มาณพ ผู้เป็นสหายรักกัน ของข้าพระองค์ ขอพระผู้มีพระภาค จงแสดงธรรม แก่โชติปาลมาณพ นี้เถิด

          {๔๑๑} ลำดับนั้นพระผู้มีพระภาคพระนามว่ากัสสปะ ผู้เป็นพระอรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้า ทรงชี้แจงให้ช่างหม้อ ชื่อฆฏิการะ และโชติปาลมาณพ เห็นชัด ชวนใจ ให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริง ด้วยธรรมีกถา๑ จากนั้น ช่างหม้อชื่อ ฆฏิการะ และโชติปาลมาณพ ผู้ซึ่งพระผู้มี พระภาค ทรงพระนามว่ากัสสปะ ผู้เป็นพระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงชี้แจง ให้เห็นชัดชวนใจ ให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญ แกล้วกล้าปลอบ ชโลมใจ ให้สดชื่นร่าเริงด้วยธรรมีกถา แล้วชื่นชมยินดีพระภาษิต ของพระผู้มี พระภาค พระนามว่ากัสสปะผู้เป็น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วลุกจากที่นั่ง ถวายอภิวาท พระผู้มีพระภาคพระนาม ว่ากัสสปะผู้เป็นพระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า กระทำประทักษิณ แล้วจากไป

          {๔๑๒}[๒๘๖] อานนท์ครั้งนั้นโชติปาลมาณพได้ถามช่างหม้อ ชื่อฆฏิการะ ว่า ฆฏิการะเพื่อนรัก ท่านเมื่อฟังธรรมนี้ หลังจากนี้จะออกจากเรือนบวช เป็นบรรพชิต หรือไม่ ช่างหม้อชื่อฆฏิการะตอบว่าโชติปาละเพื่อนรักท่านก็รู้อยู่มิใช่หรือ ว่าเราต้อง เลี้ยงดู มารดาบิดา ซึ่งเป็นคนตาบอด และแก่ชราโชติปาลมาณพจึงกล่าวว่า ฆฏิการะพื่อนรัก ถ้าเช่นนั้น เราจักออกจากเรือน บวชเป็นบรรพชิตเอง

          {๔๑๓} ลำดับนั้น ช่างหม้อชื่อฆฏิการะ และโชติปาลมาณพได้เข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสปะผู้เป็นพระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้าถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณที่สมควร ช่างหม้อชื่อฆฏิการะได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ นี้คือ โชติปาลมาณพ ผู้เป็นสหายรักกันของข้าพระองค์ ขอพระผู้มีพระภาค จงทรงบวชให้ โชติปาลมาณพ นี้ด้วยเถิด

          โชติปาลมาณพได้บรรพชาอุปสมบทแล้ว ในสำนักของพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ ผู้เป็นพระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า



เรื่องพระเจ้ากาสีพระนามว่ากิกี

          {๔๑๓}{๔๑๔}[๒๘๗] อานนท์ ครั้งนั้นเมื่อโชติปาลมาณพ อุปสมบท ได้ไม่นาน ประมาณกึ่งเดือน พระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะผู้เป็นพระอรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้าประทับอยู่ใน เวคฬิงคนิคม ตามควรแก่อัธยาศัยแล้ว เสด็จจาริกไป ทางเขตกรุงพาราณสี เสด็จจาริกไปแล้วโดยลำดับจนถึงกรุงพาราณสี

          อานนท์ได้ยินว่าในคราวนั้นพระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสปะผู้เป็นพระ อรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า ประทับอยู่ ณป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เขตกรุง พาราณสี พระเจ้ากาสี ทรงพระนามว่า กิกี ทรงสดับข่าวว่าได้ยินว่าพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ ผู้เป็นพระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้าเสด็จมาถึง กรุงพาราณสี ประทับอยู่ ณ ป่าอิสิปตน มฤทายวัน

          ลำดับนั้นพระเจ้ากาสี ทรงพระนามว่า กิกี รับสั่งให้จัดยานพาหนะ คันงามๆ หลายคัน ทรงขึ้นยานพาหนะคันงามเสด็จจากเขต กรุงพาราณสีพร้อมกับ ยานพาหนะ คันงามๆ ตามเสด็จด้วย ราชานุภาพอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อทรงเยี่ยม พระผู้มีพระภาคพระนามว่า กัสสปะผู้เป็นพระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น เสด็จไปจนสุดทาง ที่ยานพาหนะ จะไปได้จึงเสด็จลง จากยาน เสด็จพระราชดำเนิน ไป ด้วยพระบาท เข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาคพระนามว่า กัสสปะผู้เป็น พระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงที่ประทับถวายอภิวาท แล้วประทับนั่ง ณ ที่ สมควร

          พระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสปะ ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงชี้แจง ให้พระเจ้ากาสี ทรงพระนามว่า กิกี ทรงเห็นชัด ชวนใจให้อยากรับ เอาไป ปฏิบัติเร้าใจ ให้อาจหาญแกล้วกล้า ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริง ด้วย ธรรมีกถา พระเจ้ากาสี ทรงพระนามว่า กิกี ผู้ซึ่งพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ ผู้เป็น พระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้าทรงชี้แจง ให้เห็นชัดชวนใจให้ อยากรับเอาไป ปฏิบัติ เร้าใจ ให้ อาจหาญแกล้วกล้าปลอบชโลมใจ ให้สดชื่นร่าเริง ด้วยธรรมีกถา แล้วจึงได้ กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญขอพระผู้มีพระภาค พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ จงทรงรับ ภัตตาหารของหม่อมฉันในวันพรุ่งนี้เถิด

          พระผู้มีพระภาคพระนามว่า กัสสปะผู้เป็นพระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า ทรงรับนิมนต์โดยดุษณีภาพ

          ครั้งนั้นพระเจ้ากาสีพระนามว่ากิกีทรงทราบอาการ ที่พระผู้มีพระภาค พระนาม ว่า กัสสปะผู้เป็นพระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้าทรงรับนิมนต์แล้ว จึงทรงลุกจาก ที่ประทับ ถวายอภิวาททรงกระทำประทักษิณ แล้วเสด็จ จากไป เมื่อล่วงราตรีนั้น ไปพระเจ้า กาสี พระนามว่ากิ กีได้รับสั่งให้ตกแต่ง ของเคี้ยวของฉัน อันประณีต ล้วนเป็นข้าวสาลี ซึ่งอ่อนละมุน เก็บกากออกหมดแล้วมีแกง และ กับหลายอย่างใน พระราชนิเวศน์ ของท้าวเธอแล้วรับสั่งให้ราชบุรุษ กราบทูล ภัตตกาล แด่พระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะผู้เป็นพระอรหันต สัมมา สัมพุทธเจ้าว่า ข้าแต่พระโคดม ผู้เจริญ ได้เวลาแล้ว ภัตตาหารสำเร็จแล้ว พระพุทธเจ้าข้า

          {๔๑๖}[๒๘๘] อานนท์ครั้นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคพระนามว่ากัสสปะ ผู้เป็นพระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้าทรงครองอันตรวาสก ถือบาตรและจีวร เสด็จเข้าไป ยังพระราชนิเวศน์ของพระเจ้ากาสี พระนามว่ากิกี ประทับนั่ง บน พุทธอาสน์ ที่ปูลาดไว้แล้วพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ ลำดับนั้นพระเจ้ากาสีพระนามว่ากิกี ทรงอังคาส ภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ให้อิ่มหนำสำราญ ด้วยของเคี้ยว ของฉัน อันประณีตด้วยพระองค์เอง เมื่อพระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสปะ ผู้เป็น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เสวยเสร็จ ทรงวางพระหัตถ์แล้ว พระเจ้ากาสี

          ทรงพระนามว่ากิกี ก็เลือกประทับนั่ง ณ ที่สมควรที่ใดที่หนึ่งซึ่งต่ำกว่า แล้วได้ กราบทูลว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคทรงรับนิมนต์ การอยู่จำพรรษา ณ กรุงพาราณสี ของหม่อมฉันเถิด พระสงฆ์จักได้รับการบำรุง เห็นปานนี้

          พระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสปะผู้เป็นพระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสว่า อย่าเลย มหาบพิตรอาตมภาพ รับนิมนต์ การอยู่จำพรรษาไว้แล้ว แม้ครั้งที่๒ ฯลฯ แม้ครั้งที่๓ พระเจ้ากาสีพระนามว่า กิกีได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาค ทรงรับนิมนต์การอยู่ จำพรรษาณกรุงพาราณสี ของหม่อมฉันเถิด พระสงฆ์จักได้รับ การบำรุงเห็นปานนี้ พระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสปะ ผู้เป็น พระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้าตรัสว่าอย่าเลยมหาบพิตรอาตมภาพรับนิมนต์ การอยู่จำพรรษาไว้แล้ว

          ครั้งนั้นพระเจ้ากาสีพระนามว่ากิกี ทรงเสียพระทัยทรงโทมนัส ว่า พระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสปะ ผู้เป็นพระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้าไม่ทรง รับนิมนต์ การอยู่จำพรรษา ณ กรุงพาราณสี ของเรา จากนั้นได้ทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มีใครอื่นที่เป็นผู้อุปัฏฐากยิ่งกว่า หม่อมฉันหรือพระพุทธเจ้าข้า

พระกัสสปพุทธเจ้าทรงสรรเสริญช่างหม้อชื่อฆฏิการะ

          พระผู้มีพระภาคพระนามว่า กัสสปะผู้เป็นพระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสว่า มหาบพิตร มีนิคม ชื่อเวคฬิงคะ ช่างหม้อชื่อ ฆฏิการะ อยู่ในนิคมนั้น เขาเป็นอุปัฏฐาก ผู้เลิศของอาตมภาพ พระองค์ทรงเสียพระทัย มีความโทมนัสว่า พระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสปะผู้เป็นพระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ทรงรับ นิมนต์ การอยู่จำพรรษา ในกรุงพาราณสีของเรา

          แต่ความเสียใจและ ความโทมนัส นั้น ย่อมไม่มี และจักไม่มีแก่ช่างหม้อ ชื่อฆฏิการะ เพราะช่างหม้อ ชื่อฆฏิการะ ถึงพระพุทธเจ้า เป็นสรณะถึงพระธรรม เป็นสรณะ ถึงพระสงฆ์เป็นสรณะ เว้นขาดจากปาณาติบาต (การฆ่าสัตว์) เว้นขาดจาก อทินนาทาน (การลักทรัพย์) เว้นขาดจาก กาเมสุมิจฉาจาร (การประพฤติผิดในกาม) เว้นขาดจากมุสาวาท(การพูดเท็จ) เว้นขาดจากสุราเมรย มัชชปมาทัฏฐาน (การเสพของมึนเมาคือสุรา และเมรัย อันเป็นเหตุแห่งความประมาท)

          ช่างหม้อชื่อ ฆฏิการะ เป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสมั่นคง ในพระพุทธเจ้า เป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใส มั่นคงในพระธรรม เป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใส มั่นคง ในพระสงฆ์ ประกอบด้วยศีลที่พระอริยะรักใคร่ ช่างหม้อชื่อฆฏิการะ เป็นผู้หมด ความสงสัยในทุกข์ เป็นผู้หมดความสงสัยในทุกขสมุทัย เป็นผู้หมดความสงสัยใน ทุกขนิโรธ เป็นผู้หมดความสงสัย ในทุกขนิโรธคามินี ปฏิปทาบริโภคภัตรมื้อเดียว เป็นพรหมจารีมีศีล มีกัลยาณธรรม ไม่ใช้แก้วมณี และทองคำเป็นเครื่องประดับ ปราศจากการใช้ทองและเงิน

          มหาบพิตรช่างหม้อ ชื่อฆฏิการะ ไม่ใช้พลั่ว และมือของตนขุดแผ่นดิน หาบแต่ดิน ริมตลิ่งที่พัง หรือขุยหนู มาใช้ทำเป็นภาชนะแล้วกล่าวอย่างนี้ว่า ผู้ต้องการ ภาชนะสำหรับ ใส่ข้าวสารใส่ถั่วเขียว ใส่ถั่วดำขอให้นำภาชนะ ที่ต้องการ นั้น ไปเถิดช่างหม้อชื่อ ฆฏิการะ เลี้ยงดูมารดาบิดาซึ่งเป็นคนตาบอด และแก่ชรา (หลังจากตายแล้ว) ช่างหม้อชื่อฆฏิการะ จะเป็น โอปปาติกะ เพราะ โอรัมภาคิย สังโยชน์ ๕ ประการ สิ้นไป จักปรินิพพานในภพนั้น ไม่ต้องกลับมา จากโลก นั้นอีก

          {๔๑๘}[๒๘๙] มหาบพิตร สมัยหนึ่ง อาตมภาพอยู่ที่นิคมชื่อเวคฬิงคะ นั้นเอง ครั้นเวลาเช้าอาตมภาพ ครองอันตรวาสกถือบาตร และจีวร เข้าไปหามารดา บิดา ของช่างหม้อชื่อฆฏิการะถึงที่อยู่แล้ว ได้ถามว่าดูเถิดนี่คนหาอาหารไปที่ไหน เสียเล่า มารดาบิดาของช่างหม้อ ชื่อฆฏิการะ ทูลตอบว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อุปัฏฐาก ของพระองค์ออกไปแล้ว ขอพระองค์จงรับข้าวสุก จากหม้อข้าวรับแกงจาก หม้อแกงเสวยเถิด

          ครั้งนั้นอาตมภาพได้รับข้าวสุก จากหม้อข้าวรับแกง จากหม้อแกงฉันแล้ว ลุกจาก อาสนะจากไป ลำดับนั้นช่างหม้อชื่อฆฏิการะ เข้าไปหามารดาบิดาถึงที่อยู่ แล้ว ได้ถามว่าใครมารับข้าวสุก จากหม้อข้าวรับแกง จากหม้อแกงบริโภคแล้วลุกจาก อาสนะจากไป มารดาบิดาบอกว่า ลูกเอ๋ย พระผู้มีพระภาค ทรงพระนามว่า กัสสปะ ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงรับข้าวสุกจาก หม้อข้าวรับแกงจากหม้อแกง เสวยแล้ว ทรงลุกจากอาสนะเสด็จจากไป

          มหาบพิตร ครั้งนั้น ช่างหม้อชื่อ ฆฏิการะได้คิดว่า เป็นลาภของเราหนอ เราได้ดีแล้วหนอ  ที่พระผู้มีพระภาค ทรงพระนามว่า กัสสปะ ผู้เป็นพระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงคุ้นเคยอย่างยิ่งเช่นนี้ ครั้งนั้น ปีติและสุข ไม่จางหายจาก ช่างหม้อ ชื่อฆฏิการะ ตลอดกึ่งเดือน ไม่จางหายจากมารดาบิดา ตลอด ๗ วัน
(ครั้งที่ 1 : ปิติและสุขเกิดแก่ ฆติการะ ตลอดกึ่งเดือน และเกิดแก่บิดามารดาตลอด 7 วัน)
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

          {๔๑๙}[๒๙๐] มหาบพิตรสมัยหนึ่ง อาตมภาพอยู่ที่นิคม ชื่อเวคฬิงคะ นั้นเอง ครั้นเวลาเช้า อาตมภาพครองอันตรวาสก ถือบาตรและจีวร เข้าไปหามารดา บิดา ของช่างหม้อ ชื่อฆฏิการะ ถึงที่อยู่แล้วได้ถามว่า ดูเถิดนี่คนหาอาหารไปไหน เสียเล่า

          มารดาบิดาของช่างหม้อชื่อ ฆฏิการะทูลตอบว่า ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญอุปัฏฐาก ของพระองค์ ออกไปแล้ว ขอพระองค์จงรับขนม กุมมาสจากกระเช้า นี้ รับแกงจาก หม้อแกง เสวยเถิด

          ครั้งนั้นอาตมภาพได้รับขนม กุมมาส จากกระเช้า รับแกงจาก หม้อแกง ฉันแล้ว ลุกจากอาสนะ จากไป ลำดับนั้นช่างหม้อ ชื่อฆฏิการะเข้าไปหา มารดา บิดา ถึงที่อยู่แล้ว ได้ถามว่าใครมารับขนมกุมมาส จากกระเช้า รับแกงจาก หม้อแกง บริโภคแล้วลุก จากอาสนะ จากไป

          มารดาบิดาบอกว่า ลูกเอ๋ย พระผู้มีพระภาค พระนามว่ากัสสปะผู้เป็นพระ อรหันตสัมมมาสัมพุทธเจ้า ทรงรับขนมกุมมาส จากกระเช้า รับแกงจากหม้อแกง เสวยแล้ว ทรงลุกจาก อาสนะเสด็จจากไปแล้ว

          มหาบพิตร ครั้งนั้น ช่างหม้อ ชื่อฆฏิการะได้คิดว่า เป็นลาภของเราหนอ เราได้ดี แล้วหนอ ที่พระผู้มีพระภาคพระนามว่า กัสสปะ ผู้เป็น พระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า  ทรงคุ้นเคย อย่างยิ่ง เช่นนี้ ครั้งนั้น ปีติและสุข ไม่จางหายจาก ช่างหม้อชื่อ ฆฏิการะ ตลอดกึ่งเดือน ไม่จางหายจากมารดา บิดาตลอด ๗ วัน
(
ครั้งที่ 2 : ปิติและสุขเกิดแก่ ฆติการะ ตลอดกึ่งเดือน และเกิดแก่บิดามารดาตลอด 7 วัน)
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

          {๔๒๐}[๒๙๑] มหาบพิตร สมัยหนึ่ง อาตมภาพ อยู่ที่นิคมชื่อเวคฬิงคะ นั้นเอง ขณะนั้น กุฏิรั่ว จึงเรียกภิกษุทั้งหลาย มากล่าวว่า ภิกษุทั้งหลาย  เธอทั้งหลาย จงไปดูว่า ในเรือนของ ช่างหม้อชื่อฆฏิการะมีหญ้าหรือไม่

          เมื่ออาตมภาพ กล่าวอย่างนี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้น (ไปดูกลับมาแล้ว) ได้กล่าว กับ อาตมภาพ ว่า ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ ที่เรือนของช่างหม้อ ชื่อฆฏิการะ ไม่มีหญ้า มีแต่หญ้าที่มุง หลังคาเรือนของเขาเท่านั้น

          อาตมภาพ จึงได้สั่งภิกษุทั้งหลายว่า  ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย จงพากัน ไปรื้อหญ้า ที่มุงหลังคาเรือน ของช่างหม้อชื่อฆฏิการะ

          ภิกษุเหล่านั้น ได้ไปรื้อหญ้าที่มุงหลังคาเรือน ของช่างหม้อชื่อฆฏิการะ ครั้งนั้น มารดาบิดาของช่างหม้อ ชื่อฆฏิการะ ได้กล่าวกับภิกษุ เหล่านั้นว่า  พวกใครเล่า มารื้อหญ้า มุงหลังคาเรือน ภิกษุทั้งหลายตอบว่าคุณโยม กุฏิของ พระผู้มีพระภาคพระนามว่า กัสสปะ ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ารั่ว

          มารดาบิดาของช่างหม้อชื่อฆฏิการะ ได้กล่าวว่า นำไปเถิดเจ้าข้า นำไปตาม สะดวกเถิด พระคุณเจ้า

          ครั้งนั้น ช่างหม้อชื่อฆฏิการะ เข้าไปหามารดาบิดา ถึงที่อยู่แล้วถามว่า  พวกใครเล่า มารื้อหญ้ามุงหลังคาเรือน

          มารดาบิดาตอบว่า ลูกเอ๋ย ภิกษุทั้งหลายบอกว่า กุฏิของพระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ารั่ว

          ลำดับนั้น ช่างหม้อชื่อฆฏิการะ ได้คิดว่าเป็นลาภของเราหนอ เราได้ดีแล้ว หนอ ที่พระผู้มีพระภาค พระนามว่า กัสสปะ ผู้เป็นพระอรหันตสัมมา สัมพุทธเจ้า  ทรงคุ้นเคย อย่างยิ่งเช่นนี้ ครั้งนั้น ปีติและสุข ไม่จางหาย จาก ช่างหม้อชื่อฆฏิการะ ตลอดกึ่งเดือน ไม่จางหายจากมารดาบิดา ตลอด ๗ วัน
(ครั้งที่ 3 : ปิติและสุขเกิดแก่ ฆติการะ ตลอดกึ่งเดือน และเกิดแก่บิดามารดาตลอด 7 วัน)
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

          มหาบพิตร ครั้งนั้น เรือนที่ ช่างหม้อ ชื่อ ฆฏิการะ อาศัยอยู่หลังนั้น  มีอากาศ เป็นหลังคาอยู่ตลอด ๓ เดือน ถึงฝนตกก็ไม่รั่ว ช่างหม้อ ชื่อฆฏิการะ มีคุณเช่นนี้

          พระเจ้ากาสีทรงพระนามว่า กิกี กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เป็นลาภ ของ ช่างหม้อ ชื่อ ฆฏิการะ หนอ ช่างหม้อชื่อฆฏิการะ ได้ดีแล้วหนอ ที่พระผู้มี พระภาค ทรงคุ้นเคย อย่างยิ่งเช่นนี้

          {๔๒๑}[๒๙๒] อานนท์ ครั้งนั้น พระเจ้ากาสีพระนามว่า กิกี ทรงให้ราชบุรุษ ส่งเกวียน บรรทุกข้าวสาร ข้าวบัณฑุมุฑิกสาลีประมาณ ๕๐๐ เล่มเกวียน และ เครื่องแกง พอสมควร กับข้าวสารนั้น ไปพระราชทาน แก่ช่างหม้อ ชื่อฆฏิการะ ราชบุรุษ ทั้งหลาย เข้าไปหา ช่างหม้อ ชื่อฆฏิการะแล้ว ได้กล่าวว่าท่านผู้เจริญ นี้ข้าวสารข้าวบัณฑุมุฑิกสาลี ประมาณ ๕๐๐ เล่มเกวียน และเครื่องแกงพอสมควร กับข้าวสารนั้น พระเจ้ากิกีกาสี ทรงส่งมา พระราชทาน แก่ท่านแล้วจงรับของ พระราชทานเหล่านั้นไว้เถิด

          ช่างหม้อชื่อฆฏิการะ กล่าวว่าพระราชามีพระราชกิจมาก มีพระราชกรณียกิจ มาก สิ่งของที่พระราชทานมานี้ อย่าเป็นของข้าพเจ้าเลย จงเป็นของหลวงเถิด

          {๔๒๒} อานนท์ เธอคงจะคิดอย่างนี้ว่า สมัยนั้น โชติปาลมาณพ คงเป็น คนอื่น เป็นแน่ แต่เธอไม่ควรเห็นอย่างนั้น สมัยนั้น เราก็คือโชติปาลมาณพนั่นเอง

          พระผู้มีพระภาคได้ตรัสภาษิตนี้แล้ว ท่านพระอานนท์ มีใจยินดีชื่นชม พระภาษิตของ พระผู้มีพระภาค ดังนี้แล

ฆฏิการสูตรที่ ๑ จบ






พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์