เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่ พุทธวจน คำสอนของพระศาสดา คำสอนตถาคต รวมพระสูตรสำคัญ อนาคามี เว็บไซต์เผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้า
ค้นหาคำที่ต้องการ            

 
ปิยชาติกสูตร ว่าด้วยสิ่งเป็นที่รัก บุตรน้อยของคฤหบดีตาย 1376
 

(โดยย่อ)

คหบดีเสียบุตรน้อยอันเป็นที่รัก
บุตรน้อยคนเดียวของคฤหบดีผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นที่รักที่ชอบใจได้กระทำกาละลง. เพราะการกระทำกาละ ของบุตรน้อย คนเดียวนั้น การงานย่อมไม่แจ่มแจ้ง อาหารย่อมไม่ปรากฏ.

คหบดีเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
ดูกรคฤหบดี อินทรีย์ไม่เป็นของท่านผู้ตั้งอยู่ในจิตของตน ท่านมีอินทรีย์เป็น อย่างอื่นไป
โสกะปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก

 



เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน

 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๓ หน้าที่ ๓๖๘

๗. ปิยชาติกสูตร
ว่าด้วยสิ่งเป็นที่รัก บุตรน้อยของคฤหบดีตาย

        [๕๓๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้:
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิก เศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี. ก็โดยสมัยนั้นแล บุตรน้อยคนเดียวของคฤหบดีผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นที่รักที่ชอบใจได้กระทำกาละลง. เพราะการกระทำกาละของบุตรน้อย คนเดียวนั้น การงานย่อมไม่แจ่มแจ้ง อาหารย่อมไม่ปรากฏ.

        คฤหบดีนั้น ได้ไปยังป่าช้าแล้วๆ เล่าๆ คร่ำครวญถึงบุตรว่าบุตรน้อยคนเดียว อยู่ไหน บุตรน้อยคนเดียวอยู่ไหน. ครั้งนั้นแล คฤหบดีนั้น ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มี พระภาค ถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วจึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.

คฤหบดีเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า

        [๕๓๖] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะคฤหบดีผู้นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วว่า ดูกรคฤหบดี อินทรีย์ไม่เป็นของท่านผู้ตั้งอยู่ในจิตของตน ท่านมีอินทรีย์เป็น อย่างอื่นไป

        คฤหบดีนั้นกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ทำไมข้าพระองค์จะไม่มี อินทรีย์ เป็นอย่างอื่นเล่า เพราะว่าบุตรน้อยคนเดียวของข้าพระองค์ ซึ่งเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจ ได้ทำกาละเสียแล้ว เพราะการทำกาละของบุตรน้อยคนเดียวนั้น การงานย่อมไม่ แจ่มแจ้ง อาหารย่อมไม่ปรากฏ ข้าพระองค์ไปยังป่าช้าแล้วๆ เล่าๆ คร่ำครวญถึงบุตร นั้นว่า บุตรน้อยคนเดียวอยู่ไหน บุตรน้อยคนเดียวอยู่ไหน.

     พ. ดูกรคฤหบดี ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ดูกรคฤหบดี ข้อนี้เป็นอย่างนั้น เพราะว่าโสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปายาส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก.

     ค. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่ว่าโสกะ ปริเทวะ ทุกข์โทมนัสและอุปายาส ย่อม เกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รักนั้น จักเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ ความจริง ความยินดีและความโสมนัส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของ ที่รัก.

      ครั้งนั้นแล คฤหบดีนั้น ไม่ยินดี ไม่คัดค้านพระภาษิตของพระผู้มีพระภาค ลุกจากที่นั่งแล้วหลีกไป.

        [๕๓๗] ก็สมัยนั้นแล นักเลงสะกา เป็นอันมาก เล่นสะกากันอยู่ในที่ไม่ไกล พระผู้มีพระภาค. ครั้งนั้น คฤหบดีนั้น เข้าไปหานักเลงสะกาเหล่านั้นแล้ว ได้กล่าว กะนักเลงสะกาเหล่านั้นว่า ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอโอกาส ข้าพเจ้าได้ เข้าไปเฝ้าพระสมณโคดมถึงที่ประทับ ได้ถวายบังคมพระสมณโคดม แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลายพระสมณโคดม ได้ตรัสกะ ข้าพเจ้า ผู้นั่งเรียบร้อยแล้วว่า

        ดูกรคฤหบดี อินทรีย์ไม่เป็นของท่านผู้ตั้งอยู่ในจิตของตน ท่านมีอินทรีย์ เป็นอย่างอื่นไป ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย เพื่อพระสมณโคดมตรัสอย่างนี้แล้ว ข้าพเจ้าได้ กราบทูล พระสมณโคดมว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญทำไมข้าพระองค์ จะไม่มีอินทรีย์ เป็นอย่างอื่นเล่า เพราะว่าบุตรน้อยคนเดียวของข้าพระองค์ ซึ่งเป็น ที่รัก เป็นที่ ชอบใจได้กระทำกาละเสียแล้ว เพราะการทำกาละของ บุตรน้อย คนเดียวนั้น การงานย่อมไม่แจ่มแจ้งอาหารย่อมไม่ปรากฏ ข้าพระองค์ไปยังป่าช้า แล้วๆ เล่าๆ คร่ำครวญถึงบุตรว่า บุตรน้อยคนเดียวอยู่ไหน บุตรน้อยคนเดียวอยู่ไหน เมื่อข้าพเจ้าทูลอย่างนี้แล้ว พระสมณโคดมได้ตรัสว่า ดูกรคฤหบดี ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ดูกรคฤหบดี  ข้อนี้เป็นอย่างนั้น เพราะว่าโสกะ ปริเทวะ ทุกข์โทมนัสและอุปยาส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นที่มาของที่รัก เมื่อ พระสมณโคดม ตรัสอย่างนี้แล้ว

         ข้าพเจ้าได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่ว่าโสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปายาส ย่อมเกิดมาแต่ของที่รัก เป็นมา แต่ของที่รักนั้น จักเป็นอย่างนั้น ได้อย่างไร ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความจริง ความยินดี และความโสมนัส ย่อมเกิดแต่ ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก

        ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย ครั้งนั้นข้าพเจ้ามิได้ยินดี มิได้คัดค้านพระภาษิตของ พระสมณโคดม ลุกจากที่นั่งแล้วหลีกไป. นักเลงสะกาเหล่านั้นได้กล่าวว่า ดูกรคฤหบดี ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ดูกรคฤหบดี ข้อนี้เป็นอย่างนั้น เพราะว่าความยินดี และ ความโสมนัส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก.

        ครั้งนั้นแล คฤหบดีนั้นคิดว่า ความเห็นของเรา สมกันกับนักเลงสะกา ทั้งหลาย ดังนี้ แล้วหลีกไป.

ทุกข์ย่อมเกิดแต่ของที่รัก

        [๕๓๘] ครั้งนั้นแล เรื่องที่พูดกันนี้ได้แพร่เข้าไปถึง ในพระราชวังโดยลำดับ. ครั้งนั้นแลพระเจ้าปเสนทิโกศล ได้ตรัสเรียกพระนางมัลลิกาเทวีมาแล้วตรัสว่า ดูกรมัลลิกา คำว่า โสกะปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก นี้ พระสมณโคดมของเธอตรัสหรือ? พระนางมัลลิกาเทวี กราบทูลว่า ข้าแต่พระมหาราช ถ้าคำนั้นพระผู้มีพระภาค ตรัสจริงคำนั้น ก็เป็นอย่างนั้น เพคะ

     ป. ก็พระนางมัลลิกานี้ อนุโมทนาตาม พระดำรัสที่สมณโคดมตรัสเท่านั้นว่า ข้าแต่พระมหาราช ถ้าคำนั้นพระผู้มีพระภาคตรัสจริงคำนั้น ก็เป็นอย่างนั้นเพคะ ดูกรมัลลิกา เธออนุโมทนาตามพระดำรัส ที่พระสมณโคดมตรัสเท่านั้นว่า ข้าแต่ พระมหาราช ถ้าคำนั้นพระผู้มีพระภาคตรัสจริง คำนั้นก็เป็นอย่างนั้น.

        เปรียบเหมือนศิษย์อนุโมทนา ตามคำที่อาจารย์กล่าวว่า ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ท่านอาจารย์ ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ท่านอาจารย์ ฉะนั้น ดูกรมัลลิกา เธอจงหลบหน้า ไปเสีย เธอจงพินาศ.

        [๕๓๙] ครั้งนั้นแล พระนางมัลลิกาเทวี ตรัสเรียก พราหมณ์ชื่อ นาฬิชังฆะ มาตรัสว่ามานี่แน่ะท่านพราหมณ์ ขอท่านจงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ แล้วถวายบังคมพระบาททั้งสอง ของพระองค์ด้วยเศียรเกล้า แล้วทูลถามถึง ความมี พระอาพาธน้อย มีพระโรคเบาบาง ทรงกระปรี้กระเปร่า มีพระกำลัง ทรงพระสำราญ ตามคำของฉันว่า

        ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระนางมัลลิกาเทวี ขอถวายบังคมพระบาท ทั้งสอง ของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า ทูลถามถึงความมีพระอาพาธน้อย มีพระโรค เบาบาง ทรงกระปรี้กระเปร่า มีพระกำลัง ทรงพระสำราญ และท่านจงทูลถามอย่างนี้ ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระวาจาว่า โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก ดังนี้ พระผู้มีพระภาค ตรัสจริงหรือ พระผู้มีพระภาค ทรงพยากรณ์แก่ท่านอย่างไร ท่านพึงเรียนพระดำรัส นั้นให้ดี แล้วมาบอกแก่ฉัน อันพระตถาคตทั้งหลาย ย่อมตรัสไม่ผิดพลาด.

     นาฬิชังฆพราหมณ์ รับพระเสาวณีย์พระนางมัลลิกาแล้ว ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มี พระภาค ถึงที่ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึก ถึงกัน ไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.

        ครั้นแล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระโคดม พระนางมัลลิกาเทวีขอถวายบังคม พระบาท ทั้งสอง ของท่านพระโคดมด้วยเศียรเกล้า ทูลถามถึงความมีพระอาพาธ น้อย มีพระโรค เบาบาง ทรงกระปรี้กระเปร่า มีพระกำลัง ทรงพระสำราญ และรับสั่ง ทูลถามอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระวาจานี้ว่า โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก ดังนี้ พระผู้มีพระภาค ตรัสจริงหรือ?

        พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรพราหมณ์ ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ดูกรพราหมณ์ ข้อนี้เป็น อย่างนั้น เพราะว่าโสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส ย่อมเกิดแต่ ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก.

ดูกรพราหมณ์ ข้อว่า โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รักอย่างไร ท่านพึงทราบโดยปริยายแม้นี้.

        [๕๔๐] ดูกรพราหมณ์ เรื่องเคยมีมาแล้ว ในพระนครสาวัตถีนี้แล มารดาของ หญิงคนหนึ่ง ได้ทำกาละ. เพราะการทำกาละของมารดานั้น หญิงคนนั้นเป็นบ้า มีจิตฟุ้งซ่าน เข้าไปตามถนนทุกถนน ตามตรอกทุกตรอก แล้วได้ถามอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลายได้พบมารดาของฉันบ้างไหม ท่านทั้งหลายได้พบมารดาของฉันบ้างไหม.?

        ดูกรพราหมณ์ ข้อว่า โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปายาส ย่อมเกิดแต่ ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รักอย่างไร ท่านพึงทราบโดยปริยายแม้นี้ดูกรพราหมณ์ เรื่องเคยมีมาแล้ว ในพระนครสาวัตถีนี้แล บิดาของหญิงคนหนึ่งได้ทำกาละ  ...พี่น้องชาย พี่น้องหญิง บุตร ธิดา บิดาของหญิงคนหนึ่งได้ทำกาละ.

        เพราะการทำกาละของบิดาเป็นต้นนั้น หญิงคนนั้นเป็นบ้า มีจิตฟุ้งซ่าน เข้าไป ตาม ถนน ทุกถนน ตามตรอกทุกตรอกแล้วได้ถามอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลายได้พบ บิดา เป็นต้นของฉันบ้างไหม ท่านทั้งหลาย ได้พบบิดาเป็นต้นของฉันบ้างไหม?

        ดูกรพราหมณ์ ข้อว่า โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาสย่อมเกิด แต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก อย่างไร ท่านพึงทราบโดยปริยายแม้นี้แล.


        [๕๔๑] ดูกรพราหมณ์ เรื่องเคยมีมาแล้ว ในพระนครสาวัตถีนี้แล มารดาของ ชาย คนหนึ่ง ได้ทำกาละลง. เพราะการทำกาละของมารดานั้น ชายคนนั้นเป็นบ้า มีจิตฟุ้งซ่าน เข้าไปตามถนนทุกถนน ตามตรอก ทุกตรอก แล้วได้ถามอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลายได้พบมารดาของ ข้าพเจ้าบ้างไหม ท่านทั้งหลาย ได้พบมารดาของ ข้าพเจ้าบ้างไหม.

        ดูกรพราหมณ์ ข้อว่า โสกะปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปายาส ย่อมเกิดแต่ ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รักอย่างไร ท่านพึงทราบโดยปริยายแม้นี้. ดูกรพราหมณ์ เรื่องเคยมี มาแล้ว ในพระนครสาวัตถีนี้แล บิดาของชายคนหนึ่ง ได้ทำกาละ ...  พี่น้องชาย พี่น้องหญิง บุตร ธิดา บิดาของชายคนหนึ่งทำกาละ.

        เพราะการทำกาละของบิดาเป็นต้นนั้น ชายคนนั้นเป็นบ้า มีจิตฟุ้งซ่านเข้าไป ตามถนน ทุกถนน ตามตรอกทุกตรอก แล้วได้ถามอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลายได้พบ บิดา เป็นต้นของข้าพเจ้าบ้างไหม ท่านทั้งหลายได้พบบิดาเป็นต้นของข้าพเจ้า บ้างไหม? ดูกรพราหมณ์ ข้อว่า โสกะ ปริเทวะทุกข์ โทมนัส และอุปายาส ย่อมเกิด แต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก อย่างไร ท่านพึงทราบโดยปริยายแม้นี้.

        [๕๔๒] ดูกรพราหมณ์ เรื่องเคยมีมาแล้ว ในพระนครสาวัตถีนี้แล หญิงคนหนึ่ง ได้ไปยังสกุลของญาติ. พวกญาติของหญิงนั้น ใคร่จะพรากสามีของหญิงนั้น แล้ว ยกหญิงนั้นให้แก่ชายอื่น แต่หญิงนั้น ไม่ปรารถนาชายคนนั้น.

        ครั้งนั้นแล หญิงนั้นได้บอกกะสามีว่า ข้าแต่ลูกเจ้าพวกญาติของดิฉัน ใคร่จะพราก ท่านเสีย แล้วยกดิฉันให้แก่ชายอื่น แต่ดิฉันไม่ปรารถนาชายคนนั้น.

        ครั้งนั้นแล บุรุษผู้เป็นสามีได้ตัดหญิง ผู้เป็นภรรยานั้นออกเป็นสองท่อน แล้วจึงผ่าตน ด้วยความรักว่า เราทั้งสองจักตายไปด้วยกัน.

        ดูกรพราหมณ์ ข้อว่า โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปายาส ย่อมเกิดแต่ ของที่รัก อย่างไร ท่านพึงโปรดทราบ โดยปริยายแม้นี้.

        [๕๔๓] ลำดับนั้นแล นาฬิชังฆพราหมณ์ชื่นชม อนุโมทนาพระภาษิตของพระ ผู้มีพระภาค แล้วลุกจากที่นั่ง ได้เข้าไปเฝ้าพระนางมัลลิกาเทวียังที่ประทับ ครั้นแล้ว ได้กราบทูลถึงการที่ได้เจรจา ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาคทั้งหมดแก่ พระนาง มัลลิกาเทวี.

        ลำดับนั้นแล พระนางมัลลิกาเทวีได้เข้าไปเฝ้า พระเจ้าปเสนทิโกศล ถึงที่ ประทับ แล้วได้ทูลถามพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า ข้าแต่มหาราชาทูลกระหม่อม ทรงเข้า พระทัยความข้อนั้นเป็นไฉน พระกุมารีพระนามว่าวชิรี เป็นที่รักของทูล กระหม่อม หรือ? พระเจ้าปเสนทิโกศลตรัสตอบว่า อย่างนั้นมัลลิกา วชิรีกุมารีเป็น ที่รักของฉัน.

     ม. ข้าแต่พระมหาราชา ทูลกระหม่อมจะทรงเข้าพระทัย ความข้อนั้นเป็นไฉน เพราะพระวชิรีกุมาร ีแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และ อุปายาส จะพึงเกิดขึ้นแก่ทูลกระหม่อม หรือหาไม่ เพคะ?

     ป. ดูกรมัลลิกา เพราะวชิรีกุมารี แปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป แม้ชีวิตของฉันก็พึง เป็นอย่างอื่นไป ทำไม โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส จักไม่เกิด แก่ฉันเล่า.

     ม. ข้าแต่พระมหาราชา ข้อนี้แล ที่พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้ ทรงเห็นเป็น พระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ทรงมุ่งหมายเอา ตรัสไว้ว่า โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาสย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก เพคะ.

        [๕๔๔] ข้าแต่พระมหาราชา ทูลกระหม่อมจะทรงเข้าพระทัย ความข้อนั้น เป็นไฉน พระนางวาสภขัตติยา เป็นที่รักของทูลกระหม่อมหรือ เพคะ?

     ป. อย่างนั้น มัลลิกา พระนางวาสภขัตติยาเป็นที่รักของฉัน.

     ข้าแต่พระมหาราช เพราะพระนางวาสภขัตติยาแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป โสกะ ปริเทวะทุกข์ โทมนัส และอุปายาส พึงเกิดขึ้นแก่ทูลกระหม่อม หรือหาไม่ เพคะ?

     ป. ดูกรมัลลิกา เพราะวาสภขัตติยาแปรปรวน เป็นอย่างอื่นไป แม้ชีวิตของฉัน ก็พึงเป็นอย่างอื่นไป ทำไมโสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส จักไม่เกิดแก่ ฉันเล่า.

     ม. ข้าแต่พระมหาราชา ข้อนี้แล ที่พระผู้มีพระภาค ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น เป็นพระ อรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ทรงมุ่งหมายเอา ตรัสไว้ว่า โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาสย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก เพคะ.

        [๕๔๕] ข้าแต่มหาราชา ทูลกระหม่อม จะทรงเข้าพระทัยความข้อนั้นเป็นไฉน ท่านวิฑูฑภเสนาบดี เป็นที่รัก ของทูลกระหม่อมหรือ เพคะ?

     ป. อย่างนั้น มัลลิกา วิฑูฑภเสนาบดีเป็นที่รักของฉัน.

     ม. ข้าแต่พระมหาราชา ทูลกระหม่อมจะทรงเข้าพระทัยความข้อนั้นเป็นไฉน เพราะท่านวิฑูฑภเสนาบด ีแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาสจะพึงเกิดแก่ทูลกระหม่อมหรือหาไม่ เพคะ?

      ดูกรมัลลิกา เพราะวิฑูฑภเสนาบดีแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป แม้ชีวิตของฉัน ก็พึงเป็นอย่างอื่นไป ทำไม โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส จักไม่เกิด แต่ฉันเล่า.

     ม. ข้าแต่พระมหาราชา ข้อนี้แล ที่พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้ ทรงเห็น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ทรงมุ่งหมายเอา ตรัสไว้ว่า โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาสย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก เพคะ.

        [๕๔๖] ข้าแต่พระมหาราชา ทูลกระหม่อมจะทรงเข้าพระทัย ความข้อนั้น เป็นไฉน หม่อมฉันเป็นที่รักของ ทูลกระหม่อมหรือ เพคะ?

     ป. อย่างนั้น มัลลิกา เธอเป็นที่รักของฉัน.

     ม. ข้าแต่พระมหาราชา ทูลกระหม่อมจะทรงเข้าพระทัย ความข้อนั้นเป็นไฉน เพราะหม่อมฉันแปรปรวน เป็นอย่างอื่นไป โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส จะพึงเกิดแก่ทูลกระหม่อมหรือหาไม่ เพคะ?

     ป. ดูกรมัลลิกา เพราะเธอแปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป แม้ชีวิตของฉันก็พึงเป็น อย่างอื่นไป ทำไม โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส จักไม่เกิดแก่ฉันเล่า.

     ม. ข้าแต่พระมหาราชา ข้อนี้แล ที่พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้ ทรงเห็น เป็น พระอรหันต์ตรัสรู้เองโดยชอบ ทรงมุ่งหมายเอา ตรัสไว้ว่า โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาสย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก เพคะ?

        [๕๔๗] ข้าแต่พระมหาราชา ทูลกระหม่อม จะทรงเข้าพระทัยความข้อนั้น เป็นไฉน แคว้นกาสีและแคว้นโกศล เป็นที่รักของทูลกระหม่อมหรือ เพคะ?

     ป. อย่างนั้น มัลลิกา แคว้นกาสีและแคว้นโกศลเป็นที่รักของฉัน เพราะอานุภาพ แห่งแคว้นกาสี และแคว้นโกศล เราจึงได้ใช้สอยแก่นจันทน์ อันเกิดแต่แคว้นกาสี ได้ทัดทรงดอกไม้ของหอม และเครื่องลูบไล้.

     ม. ข้าแต่พระมหาราชา ทูลกระหม่อมจะทรงเข้าพระทัย ความข้อนั้นเป็นไฉน เพราะแคว้นกาสี และแคว้นโกศล แปรปรวนเป็นอย่างอื่นไป โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาสจะพึงเกิดแก่ทูลกระหม่อมหรือหาไม่ เพคะ?

      ป. ดูกรมัลลิกา เพราะแคว้นกาสีและแคว้นโกศลแปรปรวนเป็นอย่างอื่น แม้ชีวิต ของฉัน ก็พึงเป็นอย่างอื่นไป ทำไม โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส จักไม่เกิดแก่ฉันเล่า.

     ข้าแต่พระมหาราชา ข้อนี้แล ที่พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้ ทรงเห็น เป็นพระอรหันต์
ตรัสรู้เองโดยชอบ ทรงมุ่งหมายเอา ตรัสไว้ว่า โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และ อุปายาสย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก เพคะ.

        [๕๔๘] ป. ดูกรมัลลิกา น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมา เท่าที่พระผู้มีพระภาค พระองค์นั้น คงจะทรงเห็นชัด แทงตลอดด้วยพระปัญญา มานี้เถิด มัลลิกา ช่วยล้างมือให้ทีเถิด.

     ครั้งนั้นแล พระเจ้าปเสนทิโกศล เสด็จลุกขึ้นจากอาสน์ ทรงพระภูษาเฉวียง พระอังสาข้างหนึ่ง ทรงประนมอัญชลี ไปทางที่พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ แล้วทรง เปล่งพระอุทานว่า ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น ดังนี้ ๓ ครั้ง ฉะนี้แล.

จบ ปิยชาติกสูตรที่ ๘.


 






พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์