พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ หน้าที่ ๒๐๖
สักกสูตร
[๕๑๓] ๗๔. สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ นิโครธาราม ใกล้กรุง กบิลพัสดุ์ แคว้นสักกชนบท ก็โดยสมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงเป็นไข้ หายจาก ความไข้ไม่นาน ครั้งนั้นแล เจ้ามหานามศากยะเสด็จเข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ทรงถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว ประทับนั่ง ณที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญนานมาแล้ว ที่ข้าพระองค์รู้ทั่วถึงธรรม ที่พระองค์ทรงแสดงอย่างนี้ว่า ญาณเกิดแก่ผู้มีใจเป็นสมาธิ หาเกิดแก่ผู้ที่มีใจไม่ เป็นสมาธิไม่
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สมาธิเกิดก่อน ญาณเกิดทีหลัง หรือว่าญาณเกิดก่อน สมาธิเกิดทีหลัง
ลำดับนั้นแล ท่านพระอานนท์ได้มีความดำริว่า พระผู้มีพระภาคทรงเป็นไข้ หายจาก ความไข้ไม่นาน ก็เจ้ามหานามศากยะนี้ ทูลถามปัญหาที่ลึกซึ้งกะพระผู้มีพระภาค ถ้ากระไร เราควรนำเอาเจ้ามหานามศากยะ หลีกไปในที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วแสดงธรรม
ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์ จับพระพาหาเจ้ามหานามศากยะ นำหลีกไป ณ ที่ควร ส่วนข้างหนึ่ง แล้วกล่าวกะเจ้ามหานามศากยะว่า
ดูกรมหานามะ
พระผู้มีพระภาค
ตรัสศีล ที่เป็นของ พระเสขะไว้ก็มี
ตรัสศีล ที่เป็นของ พระอเสขะไว้ก็มี
ตรัสสมาธิ ที่เป็นของ พระเสขะไว้ก็มี
ตรัสสมาธิที่เป็นของ พระอเสขะไว้ ก็มี
ตรัสปัญญาที่เป็นของ พระเสขะไว้ก็มี
ตรัสปัญญาที่เป็นของ พระอเสขะไว้ก็มี
ดูกรมหานามะ ก็ ศีล ที่เป็นของพระเสขะเป็นไฉน
ดูกรมหานามะ ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นผู้มีศีล ฯลฯ สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบท ทั้งหลาย ดูกรมหานามะนี้เรียกว่า ศีลที่เป็นของพระเสขะ
ดูกรมหานามะ ก็ สมาธิ ที่เป็นของพระเสขะเป็นไฉน
ดูกรมหานามะ ภิกษุในธรรมวินัย นี้ สงัดจากกาม ฯลฯ เข้าจตุตถฌานอยู่ ดูกรมหานามะ นี้เรียกว่าสมาธิที่เป็นของ พระเสขะ
ดูกรมหานามะ ก็ ปัญญา ที่เป็นของพระเสขะเป็นไฉน
ดูกรมหานามะ ภิกษุในธรรม วินัยนี้ รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ข้อ ปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ดูกรมหานามะ นี้เรียกว่า ปัญญาที่เป็นของพระเสขะ
ดูกรมหานามะ พระอริยสาวกนั้นแล เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีลอย่างนี้ ถึงพร้อมด้วย ปัญญาอย่างนี้ ทำให้แจ้งซึ่ง เจโตวิมุติปัญญาวิมุติ (เข้าถึงด้วยกำลังของสมาธิ) อันหา อาสวะมิได้ เพราะอาสวะ ทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่
ดูกรมหานามะ พระผู้มีพระภาค
ได้ตรัสศีลที่เป็นของพระเสขะไว้ก็มี ตรัสศีล ที่เป็นของพระอเสขะไว้ก็มี ตรัสสมาธิที่เป็นของพระเสขะไว้ก็มี ตรัสสมาธิ ที่เป็นของพระอเสขะไว้ก็มี ตรัสปัญญาที่เป็นของพระเสขะไว้ก็มี ตรัสปัญญา ที่เป็นของพระอเสขะไว้ก็มี
ด้วยประการฉะนี้แล ฯ
|