พระไตรปิฎก ฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๐ หน้าที่ ๒๖๓
ภัณฑนสูตร (ภิกษุทะเลาะกัน)
[๕๖๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในทิศใด ภิกษุทั้งหลาย เกิดบาดหมางกัน เกิด ทะเลาะวิวาทกัน ทิ่มแทงกันและกันด้วยหอกคือปากอยู่ ทิศเช่นนี้ย่อมไม่ผาสุก แก่เรา แม้แต่คิดในใจจะกล่าวไปใยถึงการไปเล่า
ในเรื่องนี้เราสันนิษฐานได้ว่า ท่านผู้มีอายุเหล่านั้นละทิ้งธรรม ๓ประการเสียแล้ว ได้ทำให้มากซึ่งธรรม ๓ ประการ เป็นแน่ ได้ละธรรม ๓ ประการเหล่าไหน
ได้ละธรรม๓ ประการเหล่านี้ คือ
เนกขัมมวิตก ๑ อัพยาปาทวิตก ๑ อวิหิงสาวิตก ๑
ได้ทำให้มากซึ่งธรรม ๓ ประการเหล่าไหน ได้ทำให้มากซึ่งธรรม ๓ ประการนี้ คือ กามวิตก ๑พยาบาทวิตก ๑ วิหิงสาวิตก ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในทิศใด ภิกษุทั้งหลาย เกิดบาดหมางกันเกิดทะเลาะวิวาท ทิ่มแทงกันและกันด้วยหอกคือปาก อยู่ ทิศเช่นนี้ ย่อมไม่เป็นผาสุกแก่เราแม้แต่คิด ในใจ จะป่วยกล่าวไปใยถึงการไป ในเรื่องนี้เราสันนิษฐานได้ว่า ท่านผู้มีอายุ เหล่านั้น ได้ละทิ้งธรรม ๓ ประการนี้เสียแล้ว ได้ทำให้มากซึ่งธรรม ๓ ประการนี้ เป็นแน่
ดูกรภิกษุทั้งหลายในทิศใด ภิกษุทั้งหลายเป็นผู้สามัคคีกัน ปรองดองกัน ไม่วิวาทกัน เป็นเหมือนน้ำนมกับน้ำ ต่างมองดูกันและกันด้วยนัยน์ตา อันแสดง ความรักอยู่ ทิศเช่นนี้ย่อมผาสุกแก่เรา แม้แต่จะไปจะป่วยกล่าวไปใย ถึงการคิดในใจ เล่า ในเรื่องนี้เราสันนิษฐานได้ว่า ท่านผู้มีอายุเหล่านั้น ได้ละธรรม ๓ ประการเสีย ได้แล้ว ได้ทำให้มากซึ่งธรรม ๓ ประการเป็นแน่ ได้ละธรรม ๓ ประการเหล่าไหน
ได้ละธรรม ๓ ประการเหล่านี้ คือ กามวิตก ๑ พยาปาทวิตก ๑ วิหิงสาวิตก ๑ได้ทำให้มากซึ่งธรรม ๓ ประการเหล่าไหน
ได้ทำให้มากซึ่งธรรม ๓ ประการเหล่านี้ คือเนกขัมมวิตก ๑ อัพยาปาทวิตก ๑ อวิหิงสาวิตก ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในทิศใด
ภิกษุทั้งหลาย เป็นผู้สามัคคีกัน ปรองดองกัน ไม่วิวาทกัน เป็นเหมือนน้ำนมกับน้ำ ต่างมองดูกันและกัน ด้วยนัยน์ตาอันแสดงความรักอยู่ ทิศเช่นนี้ย่อมผาสุกแก่เรา แม้แต่จะไป จะป่วยกล่าวไปใยถึงการคิดในใจเล่า ในเรื่องนี้เราสันนิษฐานได้ว่า ท่านผู้มีอายุเหล่านั้น ได้ละธรรม ๓ ประการนี้ได้เสียแล้ว ได้ทำให้มากซึ่งธรรม๓ ประการนี้เป็นแน่ ฯ |