พระไตรปิฎก ฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๓๐ หน้าที่ ๒๒
(ตรัสกับ อชิตะ)
กามมี ๒ อย่าง คือ วัตถุกาม และ กิเลสกาม
[๙๕] โดยอุทานว่า กามา ในอุเทศว่า "กาเมสุ นาภิคิชฺเฌยฺย ดังนี้
กามมี ๒ อย่าง คือ
วัตถุกาม ๑
กิเลสกาม ๑
วัตถุกามเป็นไฉน?
รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันน่าพอใจ เครื่องลาด เครื่องนุ่งห่ม ทาสี ทาส แพะ แกะ สุกร ช้าง โค ม้า ลา นา ที่ดิน เงิน ทอง บ้าน นิคม ราชธานี แว่นแคว้น ชนบท ฉางข้าว เรือนคลัง วัตถุอันชวนให้กำหนัดอย่างใดอย่างหนึ่ง ชื่อว่า วัตถุกาม
อีกอย่างหนึ่ง
กามส่วนอดีต กามส่วนอนาคต กามส่วนปัจจุบัน
กามภายใน กามภายนอก กามทั้งภายในภายนอก
กามเลว กามปานกลาง กามประณีต
กามมีในอบาย (กามเลว) กามมีในมนุษย์(กามปานกลาง) กามอันเป็นทิพย์ (กามปราณีต)
กามที่ปรากฎ กามที่นิรมิตเอง กามที่ผู้อื่นนิรมิต
กามที่หวงแหน กามที่ไม่หวงแหน
กามที่ถือว่าของเรา กามที่ไม่ถือว่าของเรา
กามาวจรธรรมแม้ทั้งปวง รูปาวจรธรรมแม้ทั้งปวง อรูปาวจรธรรมแม้ทั้งปวง
(กามาวจร หมายถึงผู้ที่ยังติดในกาม ยังท่องเที่ยวอยู่ในสังสารวัฏ)
ธรรมอันเป็นวัตถุ แห่งตัณหา ธรรมอันเป็นอารมณ์ แห่งตัณหา ชื่อว่ากาม
เพราะอรรถว่า เป็นที่ตั้งแห่งความใคร่
เพราะอรรถว่า เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
เพราะอรรถว่า เป็นที่ตั้งแห่งความมัวเมา
เหล่านี้เรียกว่า วัตถุกาม
กิเลสกามเป็นไฉน?
ฉันทะ ราคะ ฉันทราคะ สังกัปปะ ราคะ สังกัปปราคะ เป็นกามความพอใจในกาม ความกำหนัดในกาม ความเพลิดเพลินในกาม ตัณหาในกาม เสน่หาในกาม ความกระหายในกาม ความเร่าร้อนในกาม ความติดใจในกาม ความหลงในกาม ความพัวพันในกาม ในกามทั้งหลาย กามโอฆะ กามโยคะ กามุปาทาน กามฉันทนิวรณ์
ดูกรกาม เราได้เห็นรากเง่าของเจ้าแล้ว.
ดูกรกาม เจ้าเกิดเพราะความดำริถึง. เราจักไม่ดำริถึงเจ้าละ.
ดูกรกาม เจ้าจักไม่มีด้วยอาการอย่างนี้
เหล่านี้เรียกว่า กิเลสกาม
ความติดใจในกาม
ตัณหา ราคะ สาราคะ ฯลฯ อภิชฌา โลภะ อกุศลมูล เรียกว่าความติดใจ
ความไม่ติดใจในกาม
คำว่า ไม่ติดใจในกามทั้งหลาย ความว่า
ไม่ติดใจ คือ ไม่พัวพัน เป็นผู้ไม่ติดใจ ไม่ถึงความติดใจ ไม่หลงใหล ไม่พัวพัน ปราศจากความติดใจ สละความติดใจ คายความติดใจ ปล่อยความติดใจ ละความติดใจ สลัดความติดใจ ปราศจากความ กำหนัด สละความกำหนัดคลายความกำหนัด ปล่อยความกำหนัด ละความกำหนัด สลัดความกำหนัด ในกิเลสกามทั้งหลายในที่สุด ให้ถึงความไม่มีซึ่งกิเลสทั้งหลาย อันทำความขุ่นมัว พึงเป็นผู้งด เว้น เว้นขาด ออกไป สลัด สงบ ระงับ หลุดพ้น ไม่เกี่ยวข้องกับกิเลสทั้งหลาย อันทำความขุ่นมัว พึงเป็นผู้มีใจปราศจากเขตแดนอยู่ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า พึงเป็นผู้มีใจไม่ขุ่นมัวอยู่. ในวัตถุกามทั้งหลาย เป็นผู้ไม่หิว ดับสนิท เย็นแล้ว เป็นผู้เสวยสุข มีตนอันประเสริฐอยู่ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ไม่ติดใจในกามทั้งหลาย |