เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่ พุทธวจน คำสอนของพระศาสดา คำสอนตถาคต รวมพระสูตรสำคัญ อนาคามี เว็บไซต์เผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้า
 
ค้นหาคำที่ต้องการ          

  สิกขาบทวิภังค์ ห้ามอวดธรรมแก่ อนุสัมปัน (สามเณร และคฤหัสถ์) ต้องอาบัติปาจิตตีย์ 1182
 

(โดยย่อ)

สิกขาบทวิภังค์ ห้ามอวดธรรมแก่ อนุสัมปัน (สามเณร และคฤหัสถ์)
กรณีภิกษุอวดธรรม ต้องอาบัติปาจิตตีย์
เช่น

ภิกษุบอกฌาน
ว่าได้
ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน
ว่าได้ วิโมกข์ ได้แก่ สุญญตวิโมกข์ อนิมิตตวิโมกข์ อัปปณิหิตวิโมกข์
ว่าได้ สมาธิ ได้แก่ สุญญตสมาธิ อนิมิตตสมาธิ อัปปณิหิตสมาธิ
ว่าได้ สมาบัติ ได้แก่ สุญญตสมาบัติ อนิมิตตสมาบัติ อัปปณิหิตสมาบัติ
ว่าได้ ญาณ ได้แก่วิชชา ๓
ว่าได้ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘
ว่าได้ ทำผลให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล ... สกทาคามิผล... อนาคามิผล ... อรหัตผล
ว่าได้ การละกิเลส ได้แก่ การละราคะ ... โทสะ ... โมหะ
ว่าได้ ความเปิดจิต ได้แก่ ความเปิดจิตจากราคะ ความเปิดจิตจากโทสะ ความเปิดจิต จากโมหะ
ว่าได้ ความยินดียิ่งในเรือนอันว่างเปล่า ด้วยปฐมฌาน..ทุติยฌาน... ตติยฌาน... จตุตถฌาน
.....ฯลฯ .....

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒ วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค ๒ หน้า ๓๐๘- ๓๔๐


สิกขาบทวิภังค์

(บทบัญญัติ ห้ามภิกษุบอก ญาณ แก่อนุสัมปัน คือฆราวาสทั่วไป)


บทภาชนีย์
[๓๐๗] ที่ชื่อว่า อุตตริมนุสสธรรม ได้แก่ ฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติ
ญาณทัสสนะ การทำมรรคให้เกิด การทำผลให้แจ้ง การละกิเลส ความเปิดจิต ความยินดียิ่งในเรือนอันว่างเปล่า.

[๓๐๘] ที่ชื่อว่า ฌาน ได้แก่ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน.
ที่ชื่อว่า วิโมกข์ ได้แก่ สุญญตวิโมกข์ อนิมิตตวิโมกข์ อัปปณิหิตวิโมกข์.
ที่ชื่อว่า สมาธิ ได้แก่ สุญญตสมาธิ อนิมิตตสมาธิ อัปปณิหิตสมาธิ.
ที่ชื่อว่า สมาบัติ ได้แก่ สุญญตสมาบัติ อนิมิตตสมาบัติ อัปปณิหิตสมาบัติ.
ที่ชื่อว่า ญาณ ได้แก่วิชชา ๓
ที่ชื่อว่า การทำมรรคให้เกิด ได้แก่ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔
อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘.
ที่ชื่อว่า การทำผลให้แจ้ง ได้แก่ การทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล ... สกทาคามิผล... อนาคามิผล ... อรหัตผล.
ที่ชื่อว่า การละกิเลส ได้แก่ การละราคะ ... โทสะ ... โมหะ.
ที่ชื่อว่า ความเปิดจิต ได้แก่ ความเปิดจิตจากราคะ ความเปิดจิตจากโทสะ ความเปิดจิต จากโมหะ.
ที่ชื่อว่า ความยินดียิ่งในเรือนอันว่างเปล่า ได้แก่ ความยินดียิ่งในเรือนอันว่างเปล่า ด้วยปฐมฌาน ... ด้วยทุติยฌาน ... ด้วยตติยฌาน ... ด้วยจตุตถฌาน.

บอกปฐมฌาน
[๓๐๙] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่ อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่ อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานอยู่ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่ อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าปฐมฌานแล้ว ดังนี้
ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่ อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้ปฐมฌาน ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่ อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญในปฐมฌาน ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่ อนุปสัมบันว่า ปฐมฌานข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกทุติยฌาน
[๓๑๐] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่ อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าทุติยฌานแล้ว ดังนี้ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเข้าทุติยฌานอยู่ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าทุติยฌานแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้ทุติยฌาน ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญในทุติยฌาน ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกตติยฌาน
... เข้าตติยฌานแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าตติยฌานอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าตติยฌานแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ตติยฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในตติยฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ตติยฌานข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกจตุตถฌาน
... เข้าจตุตถฌานแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าจตุตถฌานอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าจตุตถฌานแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้จตุตถฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในจตุตถฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จตุตถฌานข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกสุญญตวิโมกข์
[๓๑๑] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่ อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าสุญญตวิโมกข์แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเข้าสุญญตวิโมกข์อยู่ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าสุญญตวิโมกข์แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้สุญญตวิโมกข์ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญในสุญญตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... สุญญตวิโมกข์ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกอนิมิตตวิโมกข์
... เข้าอนิมิตตวิโมกข์แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกอัปปณิหิตสมาธิ
... เข้าอัปปณิหิตสมาธิแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าอัปปณิหิตสมาธิอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าอัปปณิหิตสมาธิแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้อัปปณิหิตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในอัปปณิหิตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... อัปปณิหิตสมาธิข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกสุญญตสมาบัติ
[๓๑๒] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าสุญญตสมาบัติแล้วดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเข้าสุญญตสมาบัติอยู่ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าสุญญตสมาบัติแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้สุญญตสมาบัติ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญในสุญญตสมาบัติ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... สุญญตสมาบัติข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกอนิมิตตสมาบัติ
... เข้าอนิมิตตสมาบัติแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าอนิมิตตสมาบัติอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าอนิมิตตสมาบัติแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้อนิมิตตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในอนิมิตตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... อนิมิตตสมาบัติ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกอัปปณิหิตสมาบัติ
... เข้าอัปปณิหิตสมาบัติแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าอัปปณิหิตสมาบัติอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าอัปปณิหิตสมาบัติแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้อัปปณิหิตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในอัปปณิหิตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... อัปปณิหิตสมาบัติ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกวิชชา ๓
[๓๑๓] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าวิชชา ๓ แล้วดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าวิชชา ๓ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าวิชชา ๓ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้วิชชา ๓ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในวิชชา ๓ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... วิชชา ๓ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกสติปัฏฐาน ๔
[๓๑๔] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าสติปัฏฐาน ๔ แล้วดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าสติปัฏฐาน ๔ อยู่ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าสติปัฏฐาน ๔ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้สติปัฏฐาน ๔ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในสติปัฏฐาน ๔ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... สติปัฏฐาน ๔ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกสัมมัปปธาน ๔
... ข้าพเจ้าเข้าสัมมัปปธาน ๔ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าสัมมัปปธาน ๔ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าสัมมัปปธาน ๔ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้สัมมัปปธาน ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในสัมมัปปธาน ๔ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... สัมมัปปธาน ๔ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกอิทธิบาท ๔
... ข้าพเจ้าเข้าอิทธิบาท ๔ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าอิทธิบาท ๔ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าอิทธิบาท ๔ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้อิทธิบาท ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในอิทธิบาท ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... อิทธิบาท ๔ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกอินทรีย์ ๕
[๓๑๕] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าอินทรีย์ ๕ แล้วดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าอินทรีย์ ๕ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าอินทรีย์ ๕ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้อินทรีย์ ๕ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในอินทรีย์ ๕ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... อินทรีย์ ๕ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกพละ ๕
... ข้าพเจ้าเข้าพละ ๕ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าพละ ๕ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าพละ ๕ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้พละ ๕ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในพละ ๕ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... พละ ๕ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกโพชฌงค์ ๗
[๓๑๖] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าโพชฌงค์ ๗ แล้วดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าโพชฌงค์ ๗ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าโพชฌงค์ ๗ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้โพชฌงค์ ๗ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในโพชฌงค์ ๗ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... โพชฌงค์ ๗ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกอริยมรรคมีองค์ ๘
[๓๑๗] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าอริยมรรคมีองค์ ๘แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าอริยมรรคมีองค์ ๘ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าอริยมรรคมีองค์ ๘ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้อริยมรรคมีองค์ ๘ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในอริยมรรคมีองค์ ๘ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... อริยมรรคมีองค์ ๘ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกโสดาปัตติผล
[๓๑๘] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าโสดาปัตติผลแล้วดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าโสดาปัตติผลอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าโสดาปัตติผลแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้โสดาปัตติผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในโสดาปัตติผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... โสดาปัตติผล ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกสกทาคามิผล
... ข้าพเจ้าเข้าสกทาคามิผลแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าสกทาคามิผลอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าสกทาคามิผลแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้สกทาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในสกทาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... สกทาคามิผล ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกอนาคามิผล
... ข้าพเจ้าเข้าอนาคามิผลแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าอนาคามิผลอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าอนาคามิผลแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้อนาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในอนาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... อนาคามิผล ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกอรหัตตผล
... เข้าอรหัตตผลแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าอรหัตตผลอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าอรหัตตผลแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในอรหัตตผล ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... อรหัตตผล ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกสละ ราคะ โทสะ โมหะ
[๓๑๙] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ราคะข้าพเจ้าสละแล้ว คายแล้วพ้นแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... โทสะ ข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... โมหะ ข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกจิตเปิดจากราคะ โทสะ โมหะ
[๓๒๐] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานในสุญญาคาร
[๓๒๑] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานในสุญญาคารแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานในสุญญาคารอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานในสุญญาคารแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานในสุญญาคาร ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าทุติยฌานในสุญญาคาร
... ข้าพเจ้าเข้าทุติยฌานในสุญญาคารแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าทุติยฌานในสุญญาคารอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าทุติยฌานในสุญญาคารแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ทุติยฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญทุติยฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานในสุญญาคาร ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าตติยฌานในสุญญาคาร
... ข้าพเจ้าเข้าตติยฌานในสุญญาคารแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าตติยฌานในสุญญาคารอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าตติยฌานในสุญญาคารแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ตติยฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญตติยฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ตติยฌานในสุญญาคาร ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าจตุตถฌานในสุญญาคาร
... ข้าพเจ้าเข้าจตุตถฌานในสุญญาคารแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าจตุตถฌานในสุญญาคารอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าจตุตถฌานในสุญญาคารแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้จตุตถฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในจตุตถฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จตุตถฌานในสุญญาคาร ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและทุติยฌาน
[๓๒๒] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานทุติยฌานแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและทุติยฌานอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและทุติยฌานแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและทุติยฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและทุติยฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและทุติยฌาน ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและตติยฌาน
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและตติยฌานแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและตติยฌานอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและตติยฌานแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและตติยฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและตติยฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและตติยฌาน ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและจตุตถฌาน
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและจตุตถฌานแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและจตุตถฌานอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและจตุตถฌานแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและจตุตถฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและจตุตถฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและจตุตถฌาน ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและสุญญตวิโมกข์
[๓๒๓] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและสุญญตวิโมกข์แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและสุญญตวิโมกข์อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและสุญญตวิโมกข์แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและสุญญตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและสุญญตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและสุญญตวิโมกข์ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและอนิมิตตวิโมกข์
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอนิมิตตวิโมกข์แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและอนิมิตตวิโมกข์อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและอนิมิตตวิโมกข์แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและอนิมิตตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและอนิมิตตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและอนิมิตตวิโมกข์ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและอัปปณิหิตวิโมกข์
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอัปปณิหิตวิโมกข์แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและอัปปณิหิตวิโมกข์อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและอัปปณิหิตวิโมกข์แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและอัปปณิหิตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและอัปปณิหิตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและอัปปณิหิตวิโมกข์ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและสุญญตสมาธิ
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและสุญญตสมาธิแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและสุญญตสมาธิอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและสุญญตสมาธิแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและสุญญตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและสุญญตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและสุญญตสมาธิ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌาน และอนิมิตตสมาธิ
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอนิมิตตสมาธิแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและอนิมิตตสมาธิอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและอนิมิตตสมาธิแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและอนิมิตตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและอนิมิตตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและอนิมิตตสมาธิ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาธิ
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาธิแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาธิอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาธิแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาธิ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและสุญญตสมาบัติ
[๓๒๔] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและสุญญตสมาบัติแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและสุญญตสมาบัติอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและสุญญตสมาบัติแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและสุญญตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและสุญญตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและสุญญตสมาบัติ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและอนิมิตตสมาบัติ
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอนิมิตตสมาบัติแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและอนิมิตตสมาบัติอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและอนิมิตตสมาบัติแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและอนิมิตตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและอนิมิตตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและอนิมิตตสมาบัติ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาบัติ
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาบัติแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาบัติอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาบัติแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาบัติ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและวิชชา ๓
[๓๒๕] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและวิชชา ๓แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและวิชชา ๓ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและวิชชา ๓ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและวิชชา ๓ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและวิชชา ๓ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและวิชชา ๓ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและสติปัฏฐาน ๔
[๓๒๖] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและสติปัฏฐาน ๔ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและสติปัฏฐาน ๔ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและสติปัฏฐาน ๔ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและสติปัฏฐาน ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและสติปัฏฐาน ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและสติปัฏฐาน ๔ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและสัมมัปปธาน ๔
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและสัมมัปปธาน ๔ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและสัมมัปปธาน ๔ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและสัมมัปปธาน ๔ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและสัมมัปปธาน ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและสัมมัปปธาน ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและสัมมัปปธาน ๔ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและอิทธิบาท ๔
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอิทธิบาท ๔ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและอิทธิบาท ๔ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและอิทธิบาท ๔ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและอิทธิบาท ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและอิทธิบาท ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและอิทธิบาท ๔ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและอินทรีย์ ๕
[๓๒๗] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอินทรีย์ ๕แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและอินทรีย์ ๕ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและอินทรีย์ ๕ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและอินทรีย์ ๕ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและอินทรีย์ ๕ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและอินทรีย์ ๕ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและพละ ๕
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและพละ ๕ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและพละ ๕ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและพละ ๕ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและพละ ๕ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและพละ ๕ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและพละ ๕ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและโพชฌงค์ ๗
[๓๒๘] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและโพชฌงค์ ๗ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและโพชฌงค์ ๗ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและโพชฌงค์ ๗ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและโพชฌงค์ ๗ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและโพชฌงค์ ๗ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและโพชฌงค์ ๗ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและอริยมรรคมีองค์ ๘
[๓๒๙] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอริยมรรคมีองค์ ๘ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและอริยมรรคมีองค์ ๘ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและอริยมรรคมีองค์ ๘ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและอริยมรรคมีองค์ ๘ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและอริยมรรคมีองค์ ๘ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและอริยมรรคมีองค์ ๘ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและโสดาปัตติผล
[๓๓๐] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและโสดาปัตติผลแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและโสดาปัตติผลอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและโสดาปัตติผลแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและโสดาปัตติผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและโสดาปัตติผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและโสดาปัตติผล ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและสกทาคามิผล
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและสกทาคามิผลแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและสกทาคามิผลอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและสกทาคามิผลแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและสกทาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและสกทาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและสกทาคามิผล ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและอนาคามิผล
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอนาคามิผลแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและอนาคามิผลอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและอนาคามิผลแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและอนาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและอนาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและอนาคามิผล ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและอรหัตตผล
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอรหัตตผลแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและอรหัตตผลอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและอรหัตตผลแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและอรหัตตผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและอรหัตตผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและอรหัตตผล ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและสละราคะ
[๓๓๑] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว และราคะข้าพเจ้าสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว ดังนี้ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เข้าปฐมฌานอยู่ และราคะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานแล้ว และราคะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้ได้ปฐมฌาน และราคะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌาน และราคะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... ปฐมฌานข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว และราคะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและสละโทสะ
... เข้าปฐมฌานแล้ว และโทสะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เข้าปฐมฌานอยู่ และโทสะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานแล้ว และโทสะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้ได้ปฐมฌาน และโทสะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌาน และโทสะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... ปฐมฌานข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว และโทสะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและสละโมหะ
... เข้าปฐมฌานแล้ว และโมหะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เข้าปฐมฌานอยู่ และโมหะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานแล้ว และโมหะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้ได้ปฐมฌาน และโมหะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌาน และโมหะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... ปฐมฌานข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว และโมหะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและจิตเปิดจากราคะ
[๓๓๒] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว และจิตของข้าพเจ้าเปิด จากราคะ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เข้าปฐมฌานอยู่ และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานแล้ว และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้ได้ปฐมฌาน และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌาน และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... ปฐมฌานข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์

บอกเข้าปฐมฌานและจิตเปิดจากโทสะ
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เข้าปฐมฌานอยู่ และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานแล้ว และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้ได้ปฐมฌาน และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌาน และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... ปฐมฌานข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าปฐมฌานและจิตเปิดจากโมหะ
... เข้าปฐมฌานแล้ว และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เข้าปฐมฌานอยู่ และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานแล้ว และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้ได้ปฐมฌาน และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌาน และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... ปฐมฌานข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าทุติยฌานและตติยฌาน
[๓๓๓] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าทุติยฌานและตติยฌานแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าทุติยฌานและตติยฌานอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าทุติยฌานและตติยฌานแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ทุติยฌานและตติยฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในทุติยฌานและตติยฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานและตติยฌาน ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าทุติยฌานและจตุตถฌาน
... ข้าพเจ้าเข้าทุติยฌานและจตุตถฌานแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าทุติยฌานและจตุตถฌานอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าทุติยฌานและจตุตถฌานแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ทุติยฌานและจตุตถฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในทุติยฌานและจตุตถฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานและจตุตถฌาน ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าทุติยฌานและสุญญตวิโมกข์
... ข้าพเจ้าเข้าทุติยฌาน และสุญญตวิโมกข์แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าทุติยฌานและสุญญตวิโมกข์อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าทุติยฌานและสุญญตวิโมกข์แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ทุติยฌานและสุญญตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในทุติยฌานและสุญญตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานและสุญญตวิโมกข์ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าทุติยฌานและอนิมิตตวิโมกข์
... ๑- ทุติยฌานและอนิมิตตวิโมกข์ ... ๒- ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าทุติยฌานและอัปปณิหิตวิโมกข์
... ทุติยฌานและอัปปณิหิตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าทุติยฌานและสมาธิ
... ทุติยฌานและสุญญตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานและอนิมิตตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานและอัปปณิหิตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าทุติยฌานและสมาบัติ
... ทุติยฌานและสุญญตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานและอนิมิตตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานและอัปปณิหิตสมาบัติ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
#๑. ที่ ... ไว้นี้ หมายความว่าข้าพเจ้าเข้า
#๒. ที่ ... ไว้นี้ หมายความว่า เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ และทำให้แจ้ง


บอกเข้าทุติยฌานและวิชชา ๓
... ทุติยฌานและวิชชา ๓ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าทุติยฌานและสติปัฏฐาน ๔
... ทุติยฌานและสติปัฏฐาน ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าทุติยฌานและสัมมัปปธาน ๔
... ทุติยฌานและสัมมัปปธาน ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าทุติยฌานและอิทธิบาท ๔
... ทุติยฌานและอิทธิบาท ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าทุติยฌานและอินทรีย์ ๕
... ทุติยฌานและอินทรีย์ ๕ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าทุติยฌานและพละ ๕
... ทุติยฌานและพละ ๕ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าทุติยฌานและโพชฌงค์ ๗
... ทุติยฌานและโพชฌงค์ ๗ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าทุติยฌานและอริยมรรคมีองค์ ๘
... ทุติยฌานและอริยมรรคมีองค์ ๘ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าทุติยฌานและอริยผล ๔
... ทุติยฌานและโสดาปัตติผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานและสกทาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานและอนาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานและอรหัตตผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าทุติยฌานและละกิเลส
... ทุติยฌานและราคะข้าพเจ้าสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สละแล้ว เพิกแล้วถอนแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานและโทสะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานและโมหะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าทุติยฌานและจิตเปิดจากกิเลส
... ทุติยฌาน และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌาน และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌาน และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกเข้าทุติยฌานและปฐมฌาน
... ทุติยฌานและปฐมฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าปฐมฌาน
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อุปสัมบันว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานอยู่ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และเข้าปฐมฌานได้แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และเป็นผู้ได้ปฐมฌาน ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และเป็นผู้ชำนาญในปฐมฌาน ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และปฐมฌานข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าทุติยฌาน
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้งแล้ว ซึ่งทุติยฌาน ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าตติยฌาน
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้งแล้ว ซึ่งตติยฌาน ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าจตุตถฌาน
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้งแล้ว ซึ่งจตุตถฌาน ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าวิโมกข์
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้งแล้ว ซึ่งสูญญตวิโมกข์ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว เข้าอยู่ ... ซึ่งอนิมิตตวิโมกข์... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว เข้าอยู่ ... ซึ่งอัปปณิหิตวิโมกข์... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าสมาธิ
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้งแล้ว ซึ่งสุญญตสมาธิ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งอนิมิตตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งอัปปณิหิตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าสมาบัติ
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งสุญญตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งอนิมิตตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งอัปปณิหิตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าวิชชา ๓
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งวิชชา ๓ ดังนี้ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าสติปัฏฐาน ๔
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งสติปัฏฐาน ๔ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าอิทธิบาท ๔
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งอิทธิบาท ๔ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าอินทรีย์ ๕
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งอินทรีย์ ๕ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าพละ ๕
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งพละ ๕ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าโพชฌงค์ ๗
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งโพชฌงค์ ๗ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าอริยมรรคมีองค์ ๘
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งอริยมรรคมีองค์ ๘ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าอริยผล ๔
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งโสดาปัตติผล ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งสกทาคามิผล ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งอนาคามิผล ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งอรหัตผล ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกจิตเปิดจากโมหะและสละกิเลส
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และราคะข้าพเจ้าสละแล้ว คายแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และโทสะข้าพเจ้าสละแล้ว คายแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และโมหะข้าพเจ้าสละแล้ว คายแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกจิตเปิดจากโมหะและจากราคะ
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ ดังนี้ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกจิตเปิดจากโมหะและจากโทสะ
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ ดังนี้ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกรวมทุกอย่าง
[๓๓๔] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าแล้ว เข้าอยู่เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นชำนาญ ทำให้แจ้งแล้ว ซึ่งปฐมฌาน ... ทุติยฌาน ... ตติยฌานจตุตถฌาน ... สุญญตวิโมกข์ ... อนิมิตตวิโมกข์ ... อัปปณิหิตวิโมกข์ ... สุญญตสมาธิ ... อนิมิตตสมาธิ ... อัปปณิหิตสมาธิ ... สุญญตสมาบัติ ... อนิมิตตสมาบัติ ... อัปปณิหิตสมาบัติ ... วิชชา ๓สติปัฏฐาน ๔ ... สัมมัปปธาน ๔ ... อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ ... พละ ๕ ... โพชฌงค์ ๗ ... อริยมรรคมีองค์ ๘ ... โสดาปัตติผล ... สกทาคามิผล ... อนาคามิผล ... อรหัตผล ... ราคะข้าพเจ้าสละแล้ว คายแล้วปล่อยแล้ว สละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว โทสะข้าพเจ้าสละแล้ว ... โมหะข้าพเจ้าสละแล้ว ... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ ... จากโทสะ ... และจากโมหะ ... ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

วัตถุกามวารกถา
ประสงค์จะบอกเข้าปฐมฌาน

[๓๓๕] บทว่า บอก คือ ภิกษุประสงค์จะบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าทุติยฌานแล้ว ดังนี้ เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าตติยฌานแล้ว ดังนี้ เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าจตุตถฌานแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสุญญตวิโมกข์แล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอนิมิตตวิโมกข์แล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอัปปณิหิตวิโมกข์แล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสุญญตสมาธิแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอนิมิตตสมาธิแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอัปปณิหิตสมาธิแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสุญญตสมาบัติแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอนิมิตตสมาบัติแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอัปปณิหิตสมาบัติแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าวิชชา ๓ แล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสติปัฏฐาน ๔ แล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสัมมัปปธาน ๔ แล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอิทธิบาท ๔ แล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอินทรีย์ ๕ แล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าพละ ๕ แล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าโพชฌงค์ ๗ แล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอริยมรรคมีองค์ ๘ แล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าโสดาปัตติผลแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสกทาคามิผลแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอนาคามิผลแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอรหัตผลแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ราคะข้าพเจ้าสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้วเพิกแล้ว ถอนแล้ว ดังนี้ เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า โทสะข้าพเจ้าสละแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า โมหะข้าพเจ้าสละแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.

ประสงค์จะบอกเข้าทุติยฌาน
[๓๓๖] บทว่า บอก คือ ภิกษุประสงค์จะบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า ทุติยฌาน แล้ว แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าตติยฌานแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ๑-

... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ๒-

บทว่า บอก คือ ภิกษุประสงค์จะบอกแก่อนุปสัมบันว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ๓-

... แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.

สัพพมูลกนัย
บทว่า บอก คือภิกษุประสงค์จะบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌาน ทุติยฌานตติยฌาน จตุตถฌาน สุญญตวิโมกข์ อนิมิตตวิโมกข์ อัปปณิหิตวิโมกข์ สุญญตสมาธิ อนิมิตตสมาธิ อัปปณิหิตสมาธิ สุญญตสมาบัติ อนิมิตตสมาบัติ อัปปณิหิตสมาบัติ วิชชา ๓ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘ โสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล และอรหัตผลแล้ว ราคะข้าพเจ้าสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้วละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว โทสะข้าพเจ้าสละแล้ว ... โมหะข้าพเจ้าสละแล้ว... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ

#๑. ที่ ฯลฯ ฯลฯ ไว้นี้หมายถึงว่า ประสงค์จะบอกว่า เข้าทุติยฌาน แต่บอกว่า เข้าจตุตถ #ฌาน เข้าวิโมกข์ เข้าสมาธิ เข้าสมาบัติ ตลอดถึงจิตเปิดจากโมหะ ฯ
#๒. หมายถึงประสงค์จะบอกว่าเข้าตติยฌาน แต่บอกว่าเข้าจตุตถฌาน เข้าวิโมกข์ เข้าสมาธิ #เข้าสมาบัติ ตลอดถึงจิตเปิดจากโทสะ ฯ
#๓. หมายถึงประสงค์จะบอกจิตเปิดจากโมหะ แต่บอกว่าเข้าทุติยฌาน ตติยฌาน เป็นต้น ไปถึง #จิตเปิดจากโมหะ ฯ และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.

บอกเข้าทุติยฌานและตติยฌาน
[๓๓๗] บทว่า บอก คือภิกษุประสงค์จะบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าทุติยฌาน และ ตติยฌานแล้ว ... แต่บอกว่าข้าพเจ้าเข้าจตุตถฌานแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ๑-

... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.

บอกภิกษุอื่นเข้าปฐมฌาน
[๓๓๘] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ภิกษุใดอยู่ในวิหารของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ต้องอาบัติทุกกฏ

... ภิกษุใดอยู่ในวิหารของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว ... ซึ่งทุติยฌาน ... ตติยฌาน ... จตุตถฌาน สุญญตวิโมกข์ ... อนิมิตตวิโมกข์ ... อัปปณิหิตวิโมกข์ ... สุญญตสมาธิ

... อนิมิตตสมาธิ ... อัปปณิ หิตสมาธิ ... สุญญตสมาบัติ ... อนิมิตตสมาบัติ ... อัปปณิหิตสมาบัติ ... วิชชา ๓ ... สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ ... อิทธิบาท ๔ ... อินทรีย์ ๕ ... พละ ๕ ... โพชฌงค์ ๗ ... อริยมรรคมีองค์ ๘ ... โสดาปัตติผล ... สกทาคามิผล ... อนาคามิผล ... อรหัตผล ... ต้องอาบัติทุกกฏ.

... ภิกษุใดอยู่ในวิหารของท่าน: ราคะภิกษุนั้นสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว ... โทสะภิกษุนั้นสละแล้ว ... โมหะภิกษุนั้นสละแล้ว ... ต้องอาบัติทุกกฏ.

... ภิกษุใดอยู่ในวิหารของท่าน จิตของภิกษุนั้นเปิดจากราคะ ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
... จิตของภิกษุนั้นเปิดจากโทสะ ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
... จิตของภิกษุนั้นเปิดจากโมหะ ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
... ภิกษุใดอยู่ในวิหารของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌานในสุญญาคาร ... ซึ่งทุติยฌานในสุญญาคาร ... ซึ่งตติยฌานในสุญญาคาร ... ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.

#๑. ที่ ฯลฯ และ นี้ ... ผู้ต้องการทราบพิสดารพึงดูในเล่ม ๑ หน้า ๔๖๘ ข้อ (๒๗๙)

บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ภิกษุใดใช้สอยวิหารของท่าน ภิกษุนั้น เข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ. ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ๑-

... ภิกษุใดใช้สอยวิหารของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ ได้เข้าแล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ. ... ทุติยฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ. ... ตติยฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ. ... จตุตถฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.

บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ภิกษุใดนุ่งห่มจีวรของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ. ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ๑-

... ภิกษุใดนุ่งห่มจีวรของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญทำให้แจ้ง ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ. บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า

ภิกษุใดบริโภคบิณฑบาตของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ. ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ๑-

... ภิกษุใดบริโภคบิณฑบาตของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ. บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า

ภิกษุใดใช้สอยเสนาสนะของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ. ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ๑-

.... ภิกษุใดใช้สอยเสนาสนะของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.

บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ภิกษุใดบริโภคเครื่องยาอันเป็นปัจจัยของ #๑. ที่ ฯลฯ และ นี้ ... ผู้ต้องการทราบพิสดารพึงดูในเล่ม ๑ หน้า ๔๖๘ ข้อ (๒๗๙)

ภิกษุไข้ของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้งซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ. ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ๑- ...

ภิกษุใดบริโภคเครื่องยาอันเป็นปัจจัยของภิกษุไข้ของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว ... ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.

[๓๓๙] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า วิหารของท่านอัน ภิกษุใด อาศัยแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ...ต้องอาบัติทุกกฏ. ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ๑-

... วิหารของท่านอันภิกษุใดอาศัยแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว ... ซึ่งจตุตถฌานใน สุญญาคาร ...ต้องอาบัติทุกกฏ.

บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า จีวรของท่านอันภิกษุใดใช้สอยแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ. ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ๑-

... จีวรของท่านอันภิกษุใดใช้สอยแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว ... ซึ่งจตุตถฌานใน สุญญาคาร ...ต้องอาบัติทุกกฏ.

บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า บิณฑบาต ของท่านอันภิกษุใดบริโภคแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ...ต้องอาบัติทุกกฏ. ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ๑-

... บิณฑบาตของท่านอันภิกษุใดบริโภคแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว ... ซึ่งจตุตถฌานใน สุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.

บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า เสนาสนะของท่านอันภิกษุใดใช้สอยแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ...ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ๑-

#๑. ที่ ฯลฯ ไว้นี้ พึงทราบตามนัยแห่งจตุตถปาราชิกโน้นเถิด ... เสนาสนะของท่าน อันภิกษุใดใช้สอยแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว ... ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.

บทว่า บอก คือภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า เครื่องยาอันเป็นปัจจัยของภิกษุไข้ของท่าน อันภิกษุใดบริโภคแล้ว ... ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ๑-

... เครื่องยาอันเป็นปัจจัยของภิกษุไข้ของท่านอันภิกษุใดบริโภคแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว ...ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.

[๓๔๐] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ท่านอาศัยภิกษุใด ได้ถวาย วิหาร แล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่ง ปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ๑-

... ท่านอาศัยภิกษุใด ได้ถวายวิหารแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว ... ซึ่งจตุตถฌานใน สุญญาคาร ...ต้องอาบัติทุกกฏ.

บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ท่านอาศัย ภิกษุใดได้ถวายจีวรแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ๑-

... ท่านอาศัยภิกษุใด ได้ถวายจีวรแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว ..ซึ่งจตุตถฌานใน สุญญาคาร ...ต้องอาบัติทุกกฏ.

บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ท่านอาศัย ภิกษุใด ได้ถวายบิณฑบาตแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ๑-

... ท่านอาศัยภิกษุใด ได้ถวายบิณฑบาตแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว ... ซึ่งจตุตถฌานใน สุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.

#๑. ที่ ฯลฯ ไว้นี้ พึงทราบตามนัยแห่งจตุตถปาราชิกโน้นเถิด บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ท่านอาศัยภิกษุใด ได้ถวายเสนาสนะแล้วภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ...ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ๑-

... ท่านอาศัยภิกษุใด ได้ถวายเสนาสนะแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว ... ซึ่งจตุตถฌาน ใน สุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.

บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ท่านอาศัยภิกษุใดได้ถวายเครื่องยา อันเป็น ปัจจัยของภิกษุไข้แล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ ชำนาญทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ๑-

... ท่านอาศัยภิกษุใด ได้ถวายเครื่องยาอันเป็นปัจจัยของภิกษุไข้แล้ว ภิกษุนั้น เข้าแล้ว... ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.

อนาปัตติวาร
[๓๔๑] ภิกษุบอกอุตตริมนุสสธรรมที่มีจริงแก่อุปสัมบัน ๑ ภิกษุอาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล. มุสาวาทวรรค สิกขาบทที่ ๘ จบ.












พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย
อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์