พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๓๔๕-๓๔๗
เทศนาสูตร
[๖๐๓] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ปาวาริกอัมพวัน ใกล้เมือง นาฬันทาครั้งนั้นนายบ้านนามว่า อสิพันธกบุตร เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถาม พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคทรงเกื้อกูลอนุเคราะห์สัตว์ ทั่วหน้าอยู่มิใช่หรือ พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า อย่างนั้นนายคามณี ตถาคตเกื้อกูล อนุเคราะห์สัตว์ทั่วหน้าอยู่ ฯ
คา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็เมื่อเช่นนั้น เพราะเหตุไรพระผู้มีพระภาค จึงทรงแสดง ธรรม โดยเคารพแก่คนบางพวก ไม่ทรงแสดงธรรมโดยเคารพ เหมือนอย่างนั้น แก่คนบางพวก ฯ
พ. ดูกรนายคามณี ถ้าอย่างนั้นเราจักทวนถามท่านถึงในข้อนี้ ปัญหาควรแก่ท่าน ด้วยประการใด ท่านพึงพยากรณ์ปัญหานั้นด้วยประการนั้น
(ทรงอุปมาเรื่องการหว่านข้าวในนา)
ดูกรนายคามณี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
นาของคฤหบดีชาวนาในโลกนี้มีอยู่ ๓ ชนิด คือ ชนิดหนึ่งเป็นนาดี ชนิดหนึ่ง เป็นนาปานกลาง ชนิดหนึ่งเป็นนาเลว มีดินเหลว เค็ม พื้นดินเลว ท่านจะสำคัญ ความข้อนั้น เป็นไฉน คฤหบดีชาวนาต้องการจะหว่านพืช จะพึงหว่านในนาไหน ก่อนเล่า ฯ
คา.คฤหบดีชาวนาต้องการจะหว่านพืช พึงหว่านพืชในนาดีก่อน ครั้นหว่านในนานั้น แล้ว พึงหว่านในนาปานกลาง ครั้นหว่านในนาปานกลางนั้นแล้วในนาเลว มีดินเหลว เค็มพื้นดินเลว พึงหว่านบ้างไม่หว่านบ้าง ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะที่สุด จักเป็น อาหารโค ฯ
[๖๐๔] พ. ดูกรนายคามณี เปรียบเหมือนนาดีฉันใด เราย่อมแสดงธรรมอันงาม ในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถ ทั้ง พยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง แก่ภิกษุและภิกษุณีของเราเหล่านั้น (ก่อน) ฉันนั้น ข้อนั้นเพราะเหตุไรเพราะภิกษุและภิกษุณีเหล่านี้มีเราเป็นที่พึ่ง มีเราเป็นที่เร้น มีเราเป็นที่ต้านทาน มีเราเป็นสรณะอยู่
ดูกรนายคามณี นาเลว มีดินเหลวเค็ม พื้นดินเลวฉันใด เราย่อมแสดงธรรมอันงาม ในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถ ทั้ง พยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง แก่อัญเดียรถีย์ สมณะ พราหมณ์และปริพาชก ของเราเหล่านั้น (ในที่สุด) ฉันนั้น ฯ
|