สัญญาเวทยิตนิโรธ การแบ่งสมาธิตามความประณีตของธาตุ ประเภทที่ 1 สัมมาสมาธิอันเป็นอริยะ ประเภทที่ 2 สมาธิ 9 ระดับ ประเภทที่ 1 สัมมาสมาธิ อันเป็นอริยะ (ยังจัดว่าอยู่ในผืนนาเลว) คือมีจิตอยู่กับกาย (กายคตาสติ) เดินรู้ว่าเดิน ยืน นั่ง นอน ก็รู้ มีใจจดจ่ออยู่กับกาย หรือมีอารมณ์อัน เดียว หรือเอาจิตมาอยู่กับลมหายใจ หรือ ละนันทิ ไปเรื่อย ๆ เรียกว่า สัมมาสมาธิ อันเป็นอริยะ สมาธิประเภทนี้เหมือนอยู่ในอิริยาบถปกติ ตามมรรคมีองค์แปด สัมมากัมมันตะ สัมมาวาจา สัมมาอาชีวะ... ขณะที่เราละความเพลิน เห็นเกิด-ดับ พระศาสดาตรัสว่า นี้เป็นสัมมาสมาธิในตัวแล้ว ใช้ในการหลุดพ้นได้ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ประเภทที่ 2 สมาธิ 9 ระดับ ฌานที่1 ฌานที่2 ฌาณที่3 ฌานที่ 4 เรียกรวมว่า จัตตาโรฌานัง หรือรูปสัญญา การหมายรู้ในรูปแล้วจิตตั้งมั่น สมาธิ 9 ระดับแบ่งเป็น 3 ก้อน ก้อนที่1 รูปสัญญา (ณาณ 1-4) ก้อนที่2 อรูปสัญญา (อากาสา-เนวสัญญา) ก้อนที่3 สัญญาเวทยิตนิโรธ (เป็นช่วงลำแสง) ก้อนที่ 1 (ผืนนาปานกลาง) จัตตาโรฌานัง (ฌานทั้ง4) หรือ รูปสัญญา การหมายรู้ในรูปแล้วจิตตั้งมั่น (จัตตาโร แปลว่า 4... ฌานัง แปลว่าการเพ่ง) ระดับนี้เรียกว่า ผืนนาปานกลาง เช่นตั้งมั่นระดับที่1 (ฌาน1) ปฐมฌาน การเข้าถึง ปฐมฌาน ดับได้ (วางได้) วาง อกุศลวิตก 3 อย่างดับลง กาม(สัญญา) พยาบาท เบียดเบียน หรือ นิวรณ์ 5 ดับ (กามฉันทะ พยาบาท ถีนมิธะ อุทธัจจะกุกกุจจ วิจิกิจฉา) เกิด (ในสมาธิ) เกิดวิตก และวิจารณ์ (คิดใคร่ครวญธรรมขณะทำสมาธิ) เกิดปิติ เกิดสุข จิตตั้งมั่น ละ วิตกวิจารณ์ หยุดการใคร่ครวญธรรมได้ เข้าถึง ทุติยฌาน (ฌานที่2) ละ ปิติได้ (เหลือแต่สุข) เห็นเกิด-ดับ ปล่อยวาง (ปิติ) เข้าถึง ตติยฌาน (ฌาณที่3) ละ สุขในสมาธิได้ เหลืออุเบกขา (ไม่ทุกข์ไม่สุข) เข้าถึง จตุตถฌาน (ฌานที่4) ก้อนที่2 (ผืนนาปราณีต) อรูปสัญญา หรือ สัญญาใน อรูป (ไม่มีการเพ่ง หรือไม่มีคำว่า ฌาน เป็นการย้อนกลับ คือการทำในใจ) (อรูปสัญญา-ผืนนาประณีต) 1. อากาสานัญจายตนะ (ทำในใจว่าอากาศไม่มีที่สิ้นสุด) 2. อากิญจัญญายตนะ (วิญญาณไม่มีที่สุด) 3. วิญญานัญจายตนะ (อะไรๆก็ไม่มี ว่างหมด) 4. เนวสัญญานาสัญญายตนะ (สัญญามีก็ไม่ใช่ ไม่มีก็ไม่ใช่ แต่ก็ยังเป็นสัญญา อันหนึ่ง) เป็นระดับสูงสุดที่ได้มาซึ่งภพ ธาตุมี 3 ก้อน (ธาตุเลว ธาตุปานกลาง ธาตุประณีต) รูปสัญญา จัดอยู่ในธาตุ ปานกลาง (มัชฌิมาย ฐาตุยา) เมื่อเราได้ สัมมาสมาธิอันเป็นอริยะ เช่น ยืน เดิน นั่ง นอน สัมมาวาจา ฯลฯ เรายังไม่ได้สมาธิระดับนัยยะที่ 2 เนื่องจากจิตเรายังอยู่ในธาตุเลว ใช้ในการหลุดพ้นได้ แต่จะเป็นพวกที่ไม่ได้ความสุข อันเกิดจากการประพฤติปฏิบัติ หรือ ”สุขวิหารธรรม” ดังนั้นสุขวิหารธรรม จึงเริ่มจาก ปฐมฌาน ขึ้นไป หรือ สุขาปฏิปทา ต่ำกว่านี้ลงมาเรียก ทุกขาปฏิปทา (หลุดพ้นได้) มีทั้งหลุดพ้นเร็ว และหลุดพ้นช้า สุขาปฏิปทาแบบหลุดพ้นช้าก็มี อรูปสัญญา จัดอยู่ในธาตุ ปราณีต (ปณีตาย ฐาตุยา) ธาตุ มี 3 ระดับ 1. ธาตุเลว (หีนาย ฐาตุยา) 2. ธาตุปานกลาง (มัจฌมาย ฐาตุยา) 3. ธาตุปราณีต (ปณีตาย ฐาตุยา) สมาธิระดับ 1 และ 2 จะไม่ได้ สุขอันเกิดจากสมาธิ หรือ สุขวิหารธรรม สุขจากสมาธิระดับที่ 1 และ 2 จะได้สุข เรียกว่า สุขาปฏิปทา ก้อนที่ 3 (ช่วงลำแสง) สัญญาเวทยิตนิโรธ (ช่วงลำแสง) สัญญาเวทยิตนิโรธ อยู่สูงกว่าธาตุประณีต(อรูป) คือเป็นช่วงลำแสงที่กำลังพุ่ง มาหา ฉาก แต่ยังไม่ตกถึงพื้นก็หลุดพ้น คือสามารถหยุด ความเป็นอัตตา ให้อยู่ที่ลำแสง (ลำแสงยังไม่ตกถึงฉากก็หลุดพ้น) สัญญาเวทยิตนิโรธ ไม่ใช่อาวาสของสัตว์ (สัตตาวาส9 ชั้น) เป็นเพียงอาการตั้งมั่นของจิตขณะหนึ่งเท่านั้น สัญญาเวทยิตนิโรธ ดับอะไรได้ ดับสัญญา และเวทนา ดังนั้น สมาธิทุกระดับจะมีสัญญา และเวทนา อยู่ด้วย ในขันธ์5 จึงดับไป 2 ธาตุ รูป ดับไปในชั้นอากาสา พอจะขึ้น สมาธิระดับ สัญญาเวทยิตนิโรธ พระพุทธเจ้าตรัสว่า สัญญาและเวทนาดับ (ดับไปแล้ว 2 ขันธ์) ดังนั้น สัญญา และ เวทนา จึงมีอยู่ในสมาธิทุกระดับจนถึงผืนนาปราณีต ส่วนขันธ์ที่เหลือคือ สังขาร (ความปรุงแต่ง)และ วิญญาณ ผู้ที่เข้าสมาธิระดับ สัญญาเวทยิตนิโรธ มี 2 แบบ - ถ้าไม่เคยสดับ(คำของตถาคต) ไม่อาจหลุดพ้นได้ (เป็นอาคามี ต้องกลับไปเกิด) - ถ้าเคยสดับ เห็นอริยสัจ สามารถนำมาพิจารณา สามารถหลุดพ้นได้ การหลุดพ้นจะต้องออกมาจาก สัญญาเวทยิตนิโรธ(ระดับ9) โดยลงมาที่ เนวสัญญา นาสัญญายตนะ(ระดับ8) เป็นการออกมาแล้วเข้าไปใหม่ เพื่อให้เห็นตัวตนที่เคยเห็น ได้ดับไป เห็นอย่างนี้ จะได้ความเป็นอรหันต์ หากไม่เห็นการเกิด-ดับ ถ้าหายแตก ทำลายขณะนั่งสมาธิอยู่ในช่วงลำแสง (สัญญาเวทยิต) ... จะกลับมาเกิดที่ ผืนนา ปานกลาง(ชั้นพรหม) เพราะมีเชื้อ(ดูพระสูตรที่อุบาลี เห็นไม่ตรงกับ พระสารรีบุตร จนต้องเข้าเฝ้าพระศาสดา) ผืนนา 3 ผืนนาเลว ... นรก กำเนิดเดรัจฉาน เปรตวิสัย เทวดากามภพ... ผืนนาปานกลาง.. ผู้ที่ได้ฌาน 1 – 4 (รูปสัญญา) ผืนนาประณีต... ผู้ที่ได้ อากาสา วิญญนัญจา อากิญจัญญา เนวสัญญา สัญญาเวทยิตนิโรธ ... ช่วงลำแสง (ไม่ใช่อาวาสของสัตว์ แต่เป็นการตั้งมั่นของจิต) เมื่อจิตดับ จะมาเกิดที่ เนวสัญญา(ลดมา1ขั้น) สัญญาเวทยิตนิโรธดับอะไรได้ กามสัญญา(ตริตรึกในกาม) ดับในฌานที่ 1 (วางได้ ดับได้) ชั้นอากาสา รูปสัญญาดับ ... วางในส่วนของรูปได้ (รูปดับ) สมาธิระดับสัญญาเวทยิต จะเหลือ 2 ขันธ์ สังขาร+วิญญาณ สังขารมีในทั้งในลำแสง และ รอยแดด (วิญญาณ) หรือผืนนา รอยแดด(วิญญาณ) เกิดได้ 4 ระดับ (ความหนา) 1. เกิด (อุปาโท) แสงพุ่งมา แต่ยังไม่กระทบพื้น 2. ตั้งขึ้น (ฐิติ ) 3. สำเร็จ (อภินิภติ ) 4. ปรากฏ (ปาตุภาโว) พระศาสดาตรัสการเกิดภพในวิญญาณระดับที่ 2 (ฐิติ) จึงเรียกว่า ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ (ภพใหม่ได้เกิดขึ้นแล้ว สำเร็จแล้ว) ส่วนวิญญาณระดับที่ 1 ยังไม่สำเร็จความเป็นภพ แต่มีวิญญาณที่กำลังก่อตัว ดังนั้นลำแสงที่พุ่งมา จึงมีสังขารอยู่ในตัว และมีวิญญาน (ระดับที่1 อุปาโท) แต่ยังไม่ใช่ภพ (ฐิติ) นี่คืออาการของสมาธิ ใน สัญญาเวทยิตนิโรธ อาการตรัสรู้ของ ฌานทั้ง 4 ฌาน 1-4 เมื่อเกิด(ตายในสมาธิ) จะไปเกิดตั้งแต่ จาตุมหาราชิกา ฌาน 1- 4 อาการจะเหมือนกัน เธอนั้นตามเห็นการเกิดดับของขันธ์5 โดยความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นหัวฝี หรือเห็นใน จัตตาโรฌานัง) (เรากล่าวซึ่งการสิ้นอาสวะในปฐมฌานบ้าง ทุติยฌานบ้าง ตติยฌานบ้าง จตุตถฌานบ้าง)