เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่ พุทธวจน คำสอนของพระศาสดา คำสอนตถาคต รวมพระสูตรสำคัญ อนาคามี เว็บไซต์เผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้า
 
ค้นหาคำที่ต้องการ          

 
 ปุคคลวรรคที่ ๔.. บุคคล ๔ จำพวก ๘ (พระสูตร)นัยยะ 1082
 
 
บุคคล ๔ จำพวก

(พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๓๔)

ข้อ (131) ประเภทที่ 1
พระสกทาคามี
พระอนาคามี
พระอนาคามีผู้อันตราปรินิพพายี
พระอรหันตขีณาสพ
----------------------------------------------------------------------------

(132) ประเภทที่ 2
บุคคลผู้ฉลาดผูกไม่ฉลาดแก้  
ฉลาดแก้ไม่ฉลาดผูก  
ฉลาดทั้งผูกฉลาดทั้งแก้  
ไม่ฉลาดทั้งผูกไม่ฉลาดทั้งแก้
----------------------------------------------------------------------------

(133) ประเภทที่ 3
อุคฆฏิตัญญู ผู้อาจรู้ธรรมแต่พอท่านยกหัวข้อขึ้นแสดง  
วิปจิตัญญู ผู้อาจรู้ธรรมต่อเมื่อท่านอธิบายความแห่งหัวข้อนั้น  
เนยยะผู้พอแนะนำได้  
ปทปรมะ ผู้มีบทเป็นอย่างยิ่ง
----------------------------------------------------------------------------

(134) ประเภทที่ 4
บุคคลผู้ดำรงชีพด้วยผลของความหมั่น ไม่ใช่ดำรงชีพด้วยผลของกรรม
บุคคลผู้ดำรงชีพด้วยผลของกรรม ไม่ใช่ดำรงชีพด้วยผลของความหมั่น
บุคคลผู้ดำรงชีพด้วยผลของความหมั่น ทั้งดำรงชีพด้วยผลของกรรม
บุคคลผู้ดำรงชีพด้วยผลของความหมั่นก็ไม่ใช่ ดำรงชีพด้วยผลของกรรมก็ไม่ใช่
----------------------------------------------------------------------------

(135) ประเภทที่ 5
บุคคลผู้มีโทษ  
บุคคลผู้มากด้วยโทษ  
บุคคลผู้มีโทษน้อย  
บุคคลผู้หาโทษมิได้
----------------------------------------------------------------------------

(136) ประเภทที่ 6
(๑) บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้ไม่กระทำให้บริบูรณ์ในศีล
ไม่กระทำให้บริบูรณ์ในสมาธิ
ไม่กระทำให้บริบูรณ์ในปัญญา

(๒) เป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีล
แต่ไม่กระทำให้บริบูรณ์ในสมาธิ
ไม่กระทำให้บริบูรณ์ในปัญญา

(๓) เป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีล
กระทำให้บริบูรณ์ในสมาธิ
แต่ไม่กระทำให้บริบูรณ์ในปัญญา

(๔) เป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีล
กระทำให้บริบูรณ์ในสมาธิ
กระทำให้บริบูรณ์ในปัญญา
----------------------------------------------------------------------------

(137) ประเภทที่ 7
(๑) เป็นผู้ไม่หนักในศีล ไม่มีศีลเป็นใหญ่
เป็นผู้ไม่หนักในสมาธิ ไม่มีสมาธิเป็นใหญ่
เป็นผู้ไม่หนักในปัญญา ไม่มีปัญญาเป็นใหญ่

(๒) เป็นผู้หนักในศีล มีศีลเป็นใหญ่
แต่เป็นผู้ไม่หนักในสมาธิ ไม่มีสมาธิเป็นใหญ่
เป็นผู้ไม่หนักในปัญญา ไม่มีปัญญาเป็นใหญ่

(๓) เป็นผู้หนักในศีล มีศีลเป็นใหญ่
เป็นผู้หนักในสมาธิ มีสมาธิเป็นใหญ่
แต่เป็นผู้ไม่หนักในปัญญา ไม่มีปัญญาเป็นใหญ่

(๔) เป็นผู้หนักในศีล มีศีลเป็นใหญ่
เป็นผู้หนักในสมาธิ มีสมาธิเป็นใหญ่
เป็นผู้หนักในปัญญา มีปัญญาเป็นใหญ่
----------------------------------------------------------------------------

(138) ประเภทที่ 8
บุคคลมีกายออกไปแล้ว มีจิตยังไม่ออก
มีกายยังไม่ออก มีจิตออกไปแล้ว
มีกายยังไม่ออกด้วย มีจิตยังไม่ออกด้วย
มีกายออกไปแล้วด้วย มีจิตออกไปแล้วด้วย

   เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
   การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
   การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
   แสวงหาสัจจะ บำเพ็ญทุกรกิริยา
   ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
   ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
   ปลงสังขาร ปรินิพพาน
   ลำดับขั้นการปรินิพพาน
   เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
   แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๓๔

ปุคคลวรรคที่ ๔


ประเภทที่ 1

          [๑๓๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวกเป็นไฉน

   (๑) พระสกทาคามี
   (๒) พระอนาคามี
   (๓) พระอนาคามีผู้อันตราปรินิพพายี
   (๔) พระอรหันตขีณาสพ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย
บุคคลบางคนในโลกนี้ ยังละโอรัมภาคิยสังโยชน์ไม่ได้
ยังละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยเพื่อให้ได้อุบัติไม่ได้ ยังละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยเพื่อให้ได้ภพไม่ได้ ฯ

อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ ละโอรัมภาคิยสังโยชน์ได้ แต่ยังละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยเพื่อให้ได้อุบัติไม่ได้ ยังละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยเพื่อให้ได้ภพไม่ได้ ฯ

อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ ละโอรัมภาคิยสังโยชน์ได้ ละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยเพื่อให้ได้อุบัติได้ แต่ยังละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยเพื่อให้ได้ภพไม่ได้ ฯ

อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ ละโอรัมภาคิยสังโยชน์ได้ ละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยเพื่อให้ได้อุบัติได้
ละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยเพื่อให้ได้ภพได้ ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลจำพวกไหน ยังละโอรัมภาคิยสังโยชน์ไม่ได้
ยังละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยเพื่อให้ได้อุบัติไม่ได้ ยังละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยเพื่อให้ได้ภพไม่ได้
คือ พระสกทาคามี

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้แล
ยังละโอรัมภาคิยสังโยชน์ไม่ได้
ยังละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยเพื่อให้ได้อุบัติไม่ได้ ยังละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยเพื่อให้ได้ภพไม่ได้ ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลจำพวกไหน ละโอรัมภาคิยสังโยชน์ได้ แต่ยังละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยเพื่อให้ได้อุบัติไม่ได้ ยังละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยเพื่อให้ได้ภพไม่ได้ คือ พระอนาคามี ผู้มีกระแสในเบื้องบน ไปสู่อกนิฏฐภพ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้แล ละโอรัมภาคิยสังโยชน์ได้ แต่ยังละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยเพื่อให้ได้อุบัติไม่ได้ ยังละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยเพื่อให้ได้ภพไม่ได้ ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลจำพวกไหน ละโอรัมภาคิยสังโยชน์ได้ ละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยเพื่อให้ได้อุบัติได้ แต่ยังละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยเพื่อให้ได้ภพไม่ได้
คือ พระอนาคามีผู้อันตราปรินิพพายี

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้แล ละโอรัมภาคิยสังโยชน์ได้ ละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยเพื่อให้ได้อุบัติได้ แต่ยังละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยเพื่อให้ได้ภพไม่ได้ ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลจำพวกไหน ละโอรัมภาคิยสังโยชน์ได้ ละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยเพื่อให้ได้อุบัติได้
ละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยเพื่อให้ได้ภพได้
คือ พระอรหันตขีณาสพ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้แล ละโอรัมภาคิยสังโยชน์ได้ ละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยเพื่อให้ได้อุบัติได้
ละสังโยชน์อันเป็นปัจจัยเพื่อให้ได้ภพได้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก ฯ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------

ประเภทที่ 2

          [๑๓๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวกเป็นไฉน คือ
  (๑) บุคคลผู้ฉลาดผูกไม่ฉลาดแก้
  (๒) ฉลาดแก้ไม่ฉลาดผูก
  (๓) ฉลาดทั้งผูกฉลาดทั้งแก้
  (๔) ไม่ฉลาดทั้งผูกไม่ฉลาดทั้งแก้

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก ฯ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------

ประเภทที่ 3

          [๑๓๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวกเป็นไฉน คือ
  (๑) อุคฆฏิตัญญู ผู้อาจรู้ธรรมแต่พอท่านยกหัวข้อขึ้นแสดง
  (๒) วิปจิตัญญู ผู้อาจรู้ธรรมต่อเมื่อท่านอธิบายความแห่งหัวข้อนั้น
  (๓) เนยยะผู้พอแนะนำได้
  (๔) ปทปรมะ ผู้มีบทเป็นอย่างยิ่ง


ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก ฯ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------

ประเภทที่ 4

          [๑๓๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวกเป็นไฉน คือ
  (๑) บุคคลผู้ดำรงชีพด้วยผลของความหมั่น ไม่ใช่ดำรงชีพด้วยผลของกรรม
  (๒) บุคคลผู้ดำรงชีพด้วยผลของกรรม ไม่ใช่ดำรงชีพด้วยผลของความหมั่น
  (๓) บุคคลผู้ดำรงชีพด้วยผลของความหมั่น ทั้งดำรงชีพด้วยผลของกรรม
  (๔) บุคคลผู้ดำรงชีพด้วยผลของความหมั่นก็ไม่ใช่ ดำรงชีพด้วยผลของกรรมก็ไม่ใช่


ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก ฯ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------

ประเภทที่ 5

          [๑๓๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวกเป็นไฉน คือ
   (๑) บุคคลผู้มีโทษ
   (๒) บุคคลผู้มากด้วยโทษ
   (๓) บุคคลผู้มีโทษน้อย
   (๔) บุคคลผู้หาโทษมิได้

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลเป็นผู้มีโทษอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ประกอบด้วยกายกรรมอันมีโทษ เป็นผู้ประกอบด้วยวจีกรรมอันมีโทษ เป็นผู้ประกอบด้วยมโนกรรมอันมีโทษ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลเป็นผู้มีโทษอย่างนี้แล

ก็บุคคลเป็นผู้มากด้วยโทษอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้ประกอบด้วยกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม อันมีโทษเป็นส่วนมาก ที่หาโทษมิได้เป็นส่วนน้อย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลเป็นผู้มากด้วยโทษอย่างนี้แล

ก็บุคคลเป็นผู้มีโทษน้อยอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ประกอบด้วยกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม อันไม่มีโทษเป็นส่วนมาก ที่มีโทษเป็นส่วนน้อย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลเป็นผู้มีโทษน้อยอย่างนี้แล

ก็บุคคลเป็นผู้หาโทษมิได้อย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ประกอบด้วยกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม อันหาโทษมิได้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลเป็นผู้หาโทษมิได้อย่างนี้แล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้แลมีปรากฏอยู่ในโลก ฯ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------

ประเภทที่ 6

          [๑๓๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวกเป็นไฉน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย
(๑) บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้ไม่กระทำให้บริบูรณ์ในศีล
ไม่กระทำให้บริบูรณ์ในสมาธิ
ไม่กระทำให้บริบูรณ์ในปัญญา

(๒) อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีล
แต่ไม่กระทำให้บริบูรณ์ในสมาธิ
ไม่กระทำให้บริบูรณ์ในปัญญา

(๓) อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีล
กระทำให้บริบูรณ์ในสมาธิ
แต่ไม่กระทำให้บริบูรณ์ในปัญญา

(๔) อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีล
กระทำให้บริบูรณ์ในสมาธิ
กระทำให้บริบูรณ์ในปัญญา

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ฯ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------

ประเภทที่ 7

          [๑๓๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวกเป็นไฉน

(๑) ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้ไม่หนักในศีล ไม่มีศีลเป็นใหญ่
เป็นผู้ไม่หนักในสมาธิ ไม่มีสมาธิเป็นใหญ่
เป็นผู้ไม่หนักในปัญญา ไม่มีปัญญาเป็นใหญ่

(๒) อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้หนักในศีล มีศีลเป็นใหญ่
แต่เป็นผู้ไม่หนักในสมาธิ ไม่มีสมาธิเป็นใหญ่
เป็นผู้ไม่หนักในปัญญา ไม่มีปัญญาเป็นใหญ่

(๓) อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้หนักในศีล มีศีลเป็นใหญ่
เป็นผู้หนักในสมาธิ มีสมาธิเป็นใหญ่
แต่เป็นผู้ไม่หนักในปัญญา ไม่มีปัญญาเป็นใหญ่

(๔) อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้หนักในศีล มีศีลเป็นใหญ่
เป็นผู้หนักในสมาธิ มีสมาธิเป็นใหญ่
เป็นผู้หนักในปัญญา มีปัญญาเป็นใหญ่

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้แลมีปรากฏอยู่ในโลก ฯ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------

ประเภทที่ 8

          [๑๓๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวกเป็นไฉน คือ
   (๑) บุคคลมีกายออกไปแล้ว มีจิตยังไม่ออก
   (๒) มีกายยังไม่ออกมีจิตออกไปแล้ว
   (๓) มีกายยังไม่ออกด้วย มีจิตยังไม่ออกด้วย
   (๔) มีกายออกไปแล้วด้วย มีจิตออกไปแล้วด้วย

ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็บุคคลเป็นผู้มีกายออกไปแล้ว มีจิตยังไม่ออกไปอย่างไร

บุคคลบางคนในโลกนี้ เสพเสนาสนะอันสงัดคือ ป่าและราวป่า เขาตรึกถึงกามวิตกบ้าง ตรึกถึงพยาบาทวิตกบ้าง ตรึกถึงวิหิงสาวิตกบ้าง ในเสนาสนะนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลเป็นผู้มีกายออกไปแล้วมีจิตยังไม่ออกอย่างนี้แล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็บุคคลเป็นผู้มีกายยังไม่ออกไปมีจิตออกไปอย่างไร

บุคคลบางคนในโลกนี้ ไม่เสพเสนาสนะอันสงัด คือป่าและราวป่า เขาตรึกถึงเนกขัมมวิตกบ้าง อัพยาบาทวิตกบ้าง อวิหิงสาวิตกบ้างในที่นั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลเป็นผู้มีกายยังไม่ออกไป มีจิตออกไปแล้วอย่างนี้แล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็บุคคลเป็นผู้มีกายยังไม่ออกด้วย มีจิตยังไม่ออกด้วยอย่างไร
บุคคลบางคนในโลกนี้ ไม่เสพเสนาสนะอันสงัด คือป่าและราวป่า เขาตรึกถึงกามวิตกบ้าง ตรึกถึงพยาบาทวิตกบ้าง ตรึกถึงวิหิงสาวิตกบ้าง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลเป็นผู้มีกายยังไม่ออกด้วย มีจิตยังไม่ออกด้วยอย่างนี้แล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็บุคคลเป็นผู้มีกายออกไปแล้วด้วย มีจิตออกไปแล้วด้วยอย่างไ

บุคคลบางคนในโลกนี้ เสพเสนาสนะอันสงัด คือ ป่าและราวป่าเขาตรึกถึง เนกขัมมวิตกบ้าง อัพยาบาทวิตกบ้าง อวิหิงสาวิตกบ้าง ในเสนาสนะนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลเป็นผู้มีกายออกไปแล้วด้วย มีจิตออกไปแล้วด้วยอย่างนี้แล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก ฯ

 
พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90  
 
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์
อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
 
   
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน อานา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์