พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๖๗-๖๙
สังวาสสูตรที่ ๑
[๕๓] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเสด็จดำเนินหนทางไกลในระหว่าง เมือง มธุรา และเมืองเวรัญชาต่อกัน คหบดี และ คหปตานีมากด้วยกัน ก็เป็นผู้ดำเนิน หนทางไกล ในระหว่างเมืองมธุราและ เมืองเวรัญชา ต่อกัน ครั้งนั้นแลพระผู้มีพระภาค เสด็จแวะออกจากทาง ประทับนั่ง ที่โคนไม้ แห่งหนึ่ง คหบดี และ คหปตานี เหล่านั้น ได้เห็นพระผู้มีพระภาค ประทับนั่ง ที่โคนไม้แห่งหนึ่ง จึงได้พากันไปเฝ้าพระผู้มี พระภาค ถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ กะคหบดี และคหปตานีเหล่านั้นว่า
ดูกรคหบดี และ คหปตานีทั้งหลาย การอยู่ร่วม ๔ ประการนี้ ๔
(1) ชายผีอยู่ร่วมกับ หญิงผี
(2) ชายผีอยู่ร่วมกับ หญิงเทวดา
(3) ชายเทวดาอยู่ร่วมกับ หญิงผี
(4) ชายเทวดา อยู่ร่วมกับ หญิงเทวดา
(1) ดูกรคหบดีและคหปตานีทั้งหลาย ก็ชายผีอยู่ร่วมกับหญิงผีอย่างไร สามีในโลกนี้ เป็นผู้มักฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ ดื่มน้ำเมาคือสุรา และเมรัย อันเป็น ที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นคนทุศีลมีบาปธรรม มีใจอันมลทินคือ ความตระหนี่ ครอบงำ ด่าและบริภาษ สมณพราหมณ์ อยู่ครองเรือนแม้ภรรยาของเขา ก็เป็นผู้มักฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ ดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่ง ความประมาท เป็นคนทุศีล มีบาปธรรม มีใจอันมลทินคือความ ตระหนี่ครอบงำ ด่าและ บริภาษสมณพราหมณ์ อยู่ครองเรือน ดูกรคหบดีและคหปตานี ทั้งหลาย ชายผีอยู่ร่วมกับหญิงผี อย่างนี้แล
(2) ดูกรคหบดีและคหปตานีทั้งหลาย ก็ชายผีอยู่ร่วมกับหญิงเทวดา อย่างไร สามีในโลกนี้ เป็นผู้มักฆ่าสัตว์ ฯลฯ ด่าและบริภาษสมณพราหมณ์ อยู่ครองเรือน ส่วนภรรยาของเขา เป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ จากการลักทรัพย์ จากการ ประพฤติ ผิดในกาม จากการพูดเท็จ จากการดื่มน้ำเมาคือสุราเมรัย อันเป็น ที่ตั้งแห่งความ ประมาท มีศีล มีกัลยาณธรรม มีใจปราศจากมลทินคือความ ตระหนี่ ไม่ด่าไม่บริภาษ สมณพราหมณ์ อยู่ครองเรือน ดูกรคหบดีและคหปตานีทั้งหลายชายผี อยู่ร่วมกับหญิง เทวดาอย่างนี้แล
(3) ดูกรคหบดี และ คหปตานีทั้งหลาย ก็ชายเทวดาอยู่ร่วมกับหญิงผี อย่างไร สามีใน โลกนี้ เป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ อยู่ครองเรือน ส่วนภรรยา ของเขา เป็นผู้มักฆ่าสัตว์ ฯลฯ ด่าและบริภาษสมณพราหมณ์ อยู่ครองเรือน ดูกรคหบดี และ คหปตานีทั้งหลาย ชายเทวดาอยู่ร่วมกับหญิงผี อย่างนี้แล
(4) ดูกรคหบดีและคหปตานีทั้งหลาย ก็ชายเทวดาอยู่ร่วมกับหญิงเทวดา อย่างไร สามีในโลกนี้ เป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ ไม่ด่าไม่บริภาษสมณ พราหมณ์ อยู่ครองเรือน แม้ภรรยาของเขาก็เป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ ไม่ด่า ไม่บริภาษ สมณพราหมณ์ อยู่ครองเรือนดูกรคหบดี และคหปตานีทั้งหลาย ชายเทวดา อยู่ร่วมกับ หญิงเทวดาอย่างนี้แล ดูกรคหบดีและปตานีทั้งหลาย การอยู่ ร่วม ๔ ประการนี้แล
ภรรยา และ สามีทั้งสองเป็นผู้ทุศีล เป็นคนตระหนี่ มักด่าว่าสมณพราหมณ์ ชื่อว่าเป็นผี มาอยู่ร่วมกัน
สามีเป็นผู้ทุศีลมีความตระหนี่ มักด่าว่าสมณพราหมณ์ ส่วนภรรยาเป็นผู้ มีศีล รู้ความประสงค์ของผู้ขอ ปราศจากความตระหนี่ภรรยา นั้นชื่อว่า เทวดาอยู่ร่วม กับสามีผี
สามีเป็นผู้มีศีล รู้ความประสงค์ของผู้ขอ ปราศจาก ความตระหนี่ ส่วนภรรยา เป็นผู้ทุศีล มีความตระหนี่ มักด่าว่าสมณพราหมณ์ชื่อว่า หญิงผีอยู่ร่วมกับสามีเทวดา
ทั้งสองเป็นผู้มี ศรัทธา รู้ความประสงค์ ของผู้ขอ มีความสำรวม เป็นอยู่ โดยธรรม ภรรยาและ สามีทั้งสอง นั้น เจรจาถ้อยคำที่น่ารัก แก่กัน และกัน ย่อมมีความเจริญ รุ่งเรืองมาก มีความผาสุก
ทั้งสองฝ่ายมีศีล เสมอกัน รักใคร่กันมาก ไม่มีใจร้าย ต่อกัน ครั้น ประพฤติธรรม ในโลกนี้ แล้ว เป็นผู้มีศีลและวัตร เสมอกัน ย่อมเป็นผู้เสวย กามารมณ์ เพลิดเพลิน บันเทิงใจ อยู่ในเทวโลก
จบสูตรที่ ๓
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๖๙-๗๐
สังวาสสูตรที่ ๒
[๕๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย การอยู่ร่วม ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉนคือ
(๑) ชายผีอยู่ร่วมกับหญิงผี
(๒) ชายผีอยู่ร่วมกับหญิงเทวดา
(๓) ชายเทวดาอยู่ร่วมกับหญิงผี
(๔) ชายเทวดาอยู่ร่วมกับหญิงเทวดา
(1) ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ชายผีอยู่ร่วมกับหญิงผีอย่างไรสามีในโลกนี้เป็นผู้ มักฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ มีความละโมบ มีจิตพยาบาท มีความเห็นผิด เป็นคนทุศีล มีบาปธรรม มีใจอันมลทิน คือความตระหนี่ครอบงำ ด่าและบริภาษสมณพราหมณ์ อยู่ครองเรือน แม้ภรรยา ของเขา ก็เป็นผู้มักฆ่าสัตว์ ฯลฯ อยู่ครองเรือน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ชายผีอยู่ร่วมกับ หญิงผี อย่างนี้แล
(2) ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ชายผีอยู่ร่วมกับหญิงเทวดาอย่างไร สามีในโลกนี้ เป็นผู้ มักฆ่าสัตว์ ฯลฯ อยู่ครองเรือน ส่วนภรรยาของเขาเป็นผู้งดเว้น จากการฆ่าสัตว์ จากการ ลักทรัพย์ จากการประพฤติผิดในกาม จากการพูดเท็จ จากการพูดส่อเสียด จากการพูด คำหยาบ จากการพูดเพ้อเจ้อ ไม่มีความละโมบ ไม่มีพยาบาท มีความเห็นชอบ มีศีล มีกัลยาณธรรม มีใจปราศจากมลทินคือ ความ ตระหนี่ ไม่ด่า ไม่บริภาษ สมณพราหมณ์ อยู่ครองเรือน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ชายผ ีอยู่ร่วมกับหญิง เทวดา อย่างนี้แล
(3) ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ชายเทวดาอยู่ร่วมกับหญิงผีอย่างไร สามีใน โลกนี้ เป็นผู้ งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ อยู่ครองเรือน ส่วนภรรยาของเขา เป็นผู้มัก ฆ่าสัตว์ ฯลฯ อยู่ครองเรือน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ชายเทวดาอยู่ร่วมกับหญิงผี อย่างนี้แล
(4) ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ชายเทวดาอยู่ร่วมกับหญิงเทวดาอย่างไร สามีใน โลกนี้ เป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ อยู่ครองเรือน แม้ภรรยาของเขา ก็เป็นผู้งดเว้น จาก การ ฆ่าสัตว์ ฯลฯ อยู่ครองเรือน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ชายเทวดา อยู่ร่วมกับหญิง เทวดา อย่างนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย การอยู่ร่วม ๔ ประการนี้แล
ภรรยาและสามีทั้งสองเป็นผู้ทุศีล เป็นคนตระหนี่ มักด่าว่า สมณพราหมณ์ ชื่อว่าเป็นผีมาอยู่ร่วมกัน
สามีเป็นผู้ทุศีล มีความตระหนี่ มักด่าว่าสมณพราหมณ์ ส่วนภรรยาเป็นผู้มี ศีล รู้ความประสงค์ของผู้ขอ ปราศจากความตระหนี่ ภรรยา นั้นชื่อว่าเทวดาอยู่ร่วมกับ สามีผี
สามีเป็นผู้มีศีล รู้ความ ประสงค์ของผู้ขอ ปราศจากความตระหนี่ ส่วนภรรยา เป็น ผู้ทุศีล มีความตระหนี่ มักด่าว่าสมณพราหมณ์ ชื่อว่าหญิง ผีอยู่ร่วมกับสามีเทวดา
ทั้งสองเป็นผู้มีศรัทธารู้ความประสงค์ ของผู้ขอ มีความสำรวม เป็นอยู่ โดยธรรม ภรรยาและสามี ทั้งสองนั้น เจรจาถ้อยคำที่น่ารักแก่กันและกัน ย่อมมีความ เจริญรุ่งเรืองมาก มีความผาสุก ทั้งสองฝ่ายมีศีลเสมอกัน รักใคร่กันมาก ไม่มีใจร้าย ต่อกัน ครั้นประพฤติธรรมใน โลกนี้แล้ว เป็นผู้มีศีลและวัตรเสมอกัน ย่อมเป็นผู้เสวย กามารมณ์เพลิดเพลินบันเทิงใจอยู่ในเทวโลก
จบสูตรที่ ๔
|