.
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ ภาค ๔ เรื่องเบ็ดเตล็ด ตั้งแต่โปรดปัญจวัคคีย์แล้ว ไปจนถึง จวนจะปรินิพพาน
การมาเฝ้าของจาตุมมหาราช ๑
ภิกษุ ท. ! เมื่อคืนนี้ มหาราช ๒ ทั้งสี่ พร้อมทั้งเสนายักษ์ เสนาคนธรรพ์ เสนากุมภัณฑ์ และเสนานาค หมู่ใหญ่ ๆ ตั้งการรักษา การคุ้มครอง แวดล้อมไว้ ทั้งสี่ทิศแล้ว, มีวรรณะรุ่งเรืองยิ่ง ส่องเชตวันทั้งสิ้นให้สว่าง ได้เข้ามาหาเราถึงที่อยู่ ในเมื่อราตรีล่วงไปเป็นอันมาก (ดึก) ครั้นเข้ามาหาแล้ว ไหว้และนั่งอยู่ ณ ที่ควร.
ภิกษุ ท. ! ยักษ์ (คือเสนา) เหล่านั้น บางพวกไหว้เรา, บางพวกปราศรัยด้วยคำ น่าบันเทิงใจ จับใจ, บางพวกน้อมอัญชลีมาทางเรา, บางพวกร้องขานชื่อและโคตร ของตน, บางพวกเฉย ๆ, แล้วนั่งในที่ควรส่วนข้างหนึ่งด้วยกันทั้งนั้น.
ภิกษุ ท. ! มหาราชชื่อเวสสวัณ ผู้นั่งแล้วในที่ควร ได้กล่าวคำนี้กะเราว่า :-
“ข้าแต่พระองค์ ! ยักษ์ชั้นสูง ที่ไม่เลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคก็มี ที่เลื่อมใสก็มี, ยักษ์ชั้นกลาง ที่ไม่เลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคก็มี ที่เลื่อมใสก็มี, ยักษ์ชั้นต่ำ ที่ไม่เลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคก็มี ที่เลื่อมใสก็มี, แต่ว่า ยักษ์ส่วนมาก ไม่เลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคดอก, พระองค์ผู้เจริญ !
เพราะเหตุไรเล่า ?
เพราะเหตุว่า
พระผู้มีพระภาคย่อมแสดงธรรม เพื่องดเว้นจากปาณาติบาต, จากอทินนาทาน, จากกาเมสุมิจฉาจาร, จากมุสาวาท, จากการดื่มสุรา เมรัย ; แต่ยักษ์ส่วนมาก ไม่งดเว้นจากปาณาติบาตเสีย เลย, ไม่งดเว้นจากอทินนาทาน, กาเมสุมิจฉาจาร, มุสาวาท และการดื่มสุราเมรัย.
ธรรมเทศนาของพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงไม่เป็นที่รัก ที่พอใจแก่ยักษ์ทั้งหลายเหล่า นั้น.
“ข้าแต่พระองค์ ! เหล่าสาวกของพระผู้มีพระภาค ผู้เสพเสนาสนะป่าอันสงัดในราว ป่า อันน้อยเสียง ไม่กึกก้อง ปราศจากเสียงคน เป็นที่เหมาะแก่การลับของมนุษย์ สมควรแก่การหลีกเร้น, ในที่นั้นมียักษ์ชั้นสูงอาศัยอยู่.
พวกใดไม่เลื่อมใสในธรรมวินัยของพระผู้มีพระภาค เพื่อให้พวกนั้นเลื่อมใส, ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงรับ อาฏานาฏิยรักขมนต์ เพื่อการคุ้มครองรักษา การไม่ถูกเบียดเบียน การอยู่เป็นผาสุก แก่ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา ทั้งหลายเถิด
ภิกษุ ท. ! เรารับการขอร้องของท้าวมหาราชด้วยการนิ่ง. ลำดับนั้นท้าวมหาราช ชื่อ เวสสวัณ รู้ความยอมรับของเรา จึงกล่าว อาฏานาฏิยรักขมนต์ ขึ้นในขณะนั้น (เป็นคำกาพย์) ว่า :-
“ขอ นอบ น้อม แด่พระวิปัสสีพุทธะ ผู้มีจักขุ มีสิริ.
ขอนอบน้อมแด่พระสิขีพุทธะ ผู้มีความเอ็นดูในสัตว์ทั้งปวง.
ขอนอบน้อมแด่พระเวสสภูพุทธะ ผู้มีตบะ ผู้สิ้นบาปแล้ว.
ขอนอบน้อมแด่พระกกุสันธพุทธะ ผู้ย่ำยีมารและเสนา ได้.
ขอนอบน้อมแด่พระโกนาคมนพุทธะ ผู้ประเสริฐจบพรหมจรรย์.
ขอนอบน้อมแด่พระกัสสปพุทธะ ผู้พ้นแล้วจากกิเลสทั้งปวง.
ขอนอบน้อมแด่พระอังคีรสพุทธะ ๓ ผู้เป็นสากยบุตร มีสิริ,
ผู้แสดงธรรมอันเป็นเครื่องบรรเทาทุกข์ทั้งปวง นี้. ฯลฯ ๔”.
ในที่สุดท้าวมหาราชกล่าวแก่เราว่า “
พวกข้าพระองค์ ท. จะลาไปบัดนี้พวกข้าพระองค์ มีกิจมาก มีธุระมาก” ดังนี้. เราตอบว่า พวกท่านทั้งหลายย่อมรู้จัก เวลาของกิจใด ๆ ดีแล้ว ดังนี้.
ภิกษุ ท. ! ลำดับนั้น มหาราชทั้งสี่ ลุกจากที่นั่ง อภิวาทเรา ทำประทักษิณแล้ว หายไปในที่นั้น. ยักษ์เหล่านั้น ครั้นลุกจากที่นั่งแล้ว บางพวกอภิวาท ทำประทักษิณ บางพวกกล่าวถ้อยคำบันเทิงใจจับใจ บางพวกทำอัญชลี บางพวกร้องขานชื่อและ โคตร บางพวกเฉย ๆ แล้วหายไปในที่นั้น.
เชิงอรรถ
๑. ตรัสเล่าแก่ภิกษุทั้งหลายในวันรุ่งขึ้น, ที่ภูเขาคิชฌกูฏใกล้นครราชคฤห์. บาลี ปา. ที. ๑๑/๒๑๙/๒๑๙.
๒. ท้าวมหาราช ยักษ์ คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ นาค จะเป็นสัตว์ชนิดใด ควรวินิจฉัยดูจากเรื่องนี้ บ้าง.
๓. คือพระผู้มีพระภาคเจ้าของเราในปัจจุบัน.
๔. มนต์ต่อนี้ไป ยังมีอีกมาก แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นพุทธภาษิตแท้ และกลัวว่าจะไม่เป็น ประโยชน์ ในการนำมาใส่ไว้ ทั้งหมด ผู้ปรารถนา พึงเปิดดูใน
อาฏานาฏิยสูตร เถิด. |