ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๓ สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ หน้าที่ ๑๓๘ อาสวัฏฐานิยธรรม (... เมื่อใด จึงมีการบัญญัติสิกขาบท เมื่อ อาสวะมีมากในหมู่สงฆ์ ก็จะทรงบัญญัติสิกขาบท เพื่อกำจัดอาสวะเหล่านั้น) ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ที่เมื่อก่อน ได้มีสิกขาบท น้อยนักเทียว แต่ภิกษุดำรงอยู่ในอรหัตผลเป็นอันมาก และอะไรเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ที่เดี๋ยวนี้ ได้มีสิกขาบทเป็นอันมาก แต่ภิกษุดำรงอยู่ในอรหัตผลน้อยนัก. [๑๗๒] ดูกรภัททาลิ ข้อนี้เป็นจริงอย่างนั้น เมื่อสัตว์ทั้งหลายกำลังเสื่อม พระสัทธรรม กำลังอันตรธาน สิกขาบทมีอยู่มากมาย แต่ภิกษุดำรงอยู่ในอรหัตผลน้อยนัก. พระศาสดายังไม่ทรงบัญญัติสิกขาบท แก่สาวกทั้งหลาย ตราบเท่าที่ อาสวัฏฐานิยธรรม บางเหล่ายังไม่ปรากฏในสงฆ์ในธรรมวินัยนี้. ต่อเมื่อใด อาสวัฏฐานิยธรรม บางเหล่าปรากฏขึ้นในสงฆ์ ในธรรมวินัยนี้ เมื่อนั้น พระศาสดาจึงทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวกทั้งหลาย เพื่อกำจัดอาสวัฏฐานิยธรรม เหล่านั้น อาสวัฏฐานิยธรรม บางเหล่ายังไม่ปรากฏในสงฆ์ ในธรรมวินัยนี้ ตราบเท่าที่ สงฆ์ยังไม่ถึงความเป็นหมู่ใหญ่. ต่อเมื่อใด สงฆ์ถึงความเป็นหมู่ใหญ่ เมื่อนั้นอาสวัฏฐานิยธรรมบางเหล่า จึงจะปรากฏ ในสงฆ์ ในธรรมวินัยนี้ ครั้งนั้น พระศาสดาจึงทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวกทั้งหลาย เพื่อกำจัดอาสวัฏฐานิยธรรมเหล่านั้น. อาสวัฏฐานิยมธรรม บางเหล่ายังไม่ปรากฏในสงฆ์ ในธรรมวินัยนี้ ตราบเท่าสงฆ์ที่ ยังไม่ถึงความเป็นผู้เลิศ ด้วยลาภ ... ยังไม่ถึงความเป็นผู้เลิศ ด้วยยศ ... ยังไม่ถึงความ เป็นพหูสูต ... ยังไม่ถึงความ เป็นรัตตัญญู (รู้กาลนาน รู้ราตรี มีอายุมาก) ต่อเมื่อใด สงฆ์เป็นผู้ถึงความเป็นรัตตัญญู เมื่อนั้น อาสวัฏฐานิยธรรมบางเหล่าจึงปรากฏในสงฆ์ ในธรรมวินัยนี้ ครั้งนั้น พระศาสดาจึงทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวกทั้งหลาย เพื่อกำจัด อาสวัฏฐานิยธรรมเหล่านั้น.