(เนื้อหาพอสังเขป)
คำพูดเพ้อเจ้อ ของพราหมณ์และฤาษี (ระดับครูบาอาจารย์)
พระผู้มีพระภาค ตรัสกับ วาเสฏฐะ กล่าวถึงการบัญญัติในเรื่องทาง(ข้อปฏิบัติ) ที่แตกต่างของบรรดา พราหมณ์ ทั้งหลาย ต่างก็อ้างว่า ทางของตน สามารถทำให้ไปถึงเทวดาชั้นพรหมได้ เป็นสหายของ พรหมได้
พระผู้มีพระภาค ทรงถามว่า จะมีพราหมณ์ไตรเพทคนไหน มีอาจารย์คนไหน มีประธานอาจารย์คนไหน หรือ อาจารย์ที่สืบกันมาถึงเจ็ดชั่วของพราหมณ์(7ชั่วโคตร) คนไหนบ้าง ที่เคยเห็นพรหม
วาเสฏฐะ ตอบว่า “ ข้อนั้นหามีไม่พระโคดม!” (ไม่มี)
วาเสฏฐะ ! ในบรรดาฤาษีเก่าแก่ทั้งหลาย ผู้ได้ประกอบมนต์ขึ้น(คำสอน คำสวด) บอกกล่าวแก่พราหมณ์ ไตรเพท ทั้งหลาย ให้ขับตาม ให้กล่าวตาม ให้สวดตาม ให้บอกตาม กันสืบๆมา จนกระทั่งกาลนี้
มีฤาษีสักตนหนึ่ง ไหม ในบรรดาฤาษีเหล่านั้น ที่กล่าวยืนยันอยู่ว่า เรารู้ เราเห็นว่าพรหมอยู่ที่ไหน ด้วยอาการอย่างไร ณ ที่ใด ดังนี้?
“ ข้อนั้นหามีไม่พระโคดม!”
วาเสฏฐะ ! เมื่อไม่มีพราหมณ์ อาจารย์ของพราหมณ์ หรือฤาษี ว่าเคยเห็นพรหม แต่กลับแสดงหนทาง (ข้อประพฤติปฏิบัติ) ไปสู่ความเป็นสหายแห่งพรหม อยู่ดังนี้ ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร คำกล่าวของ พราหมณ์ ผู้ไม่รู้ไม่เห็นพรหม จะมากล่าวแสดงหนทาง ไปสู่ความเป็นสหายกับพรหม ดังนี้นั้น นั่นไม่ใช่ฐานะ ที่จะมีได้
สรุปว่า... พวกพราหมณ์ และฤาษี ที่บัญญัติคำสอนของตน ว่าสามารถไปถึงเทวดาชั้นพรหมได้ เป็นสหายของ พรหมได้ จึงเป็นเรื่องเหลวไหล เป็นคำพูดเพ้อเจ้อ เพราะไม่มีใครที่เคยเห็นพรหม และไม่รู้ว่าพรหมอยู่ที่ไหน
|