น้ำมันประทีปที่เติมเชื้อ เหมือนให้อาหาร สังโยชน์ ประทีปน้ำมันพึงติด เพราะอาศัยน้ำมันและไส้ บุรุษพึง เติมน้ำมันและใส่ไส้ในประทีปน้ำมัน ทุกๆระยะ ก็เมื่อเป็นอย่างนี้ประทีปน้ำมัน นั้น มีอาหารอย่างนั้น มีเชื้ออย่างนั้น พึงลุกโพลงตลอดกาลนาน เชื้อไฟดับ ตัณญหาย่อมดับ ทุกข์ย่อมดับ เมื่อภิกษุเห็นโทษเนืองๆ ในธรรมทั้งหลาย อันเป็น ปัจจัยแห่งสังโยชน์อยู่ ตัณหาย่อมดับ เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับเพราะ อุปาทานดับ ภพจึงดับเพราะภพดับ ชาติจึงดับ เพราะชาติดับชรา และมรณะ โสกปริเทวทุกข โทมนัส และอุปายาสจึงดับ ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ย่อมมี ด้วยประการอย่างนี้ ฯ
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๘๕ ๓. ปฐมสังโยชนสูตร [๒๐๐] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถ บิณฑิก เศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล ... พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุเห็นความพอใจเนืองๆ ในธรรมทั้งหลายอัน เป็นปัจจัย แห่งสังโยชน์อยู่ ตัณหาย่อมเจริญเพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน เพราะ อุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ เพราะภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ เพราะชาติเป็น ปัจจัย จึงมี ชราและมรณะ โสกปริเทวทุกขโทมนัสและอุปายาส ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ [๒๐๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประทีปน้ำมันพึงติด เพราะอาศัยน้ำมันและไส้ บุรุษพึง เติมน้ำมันและใส่ไส้ในประทีปน้ำมันทุกๆระยะ ก็เมื่อเป็นอย่างนี้ประทีปน้ำมัน นั้น มีอาหารอย่างนั้น มีเชื้ออย่างนั้น พึงลุกโพลงตลอดกาลนาน แม้ฉันใด ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุเห็นความพอใจเนืองๆ ในธรรมทั้งหลายอันเป็น ปัจจัยแห่ง สังโยชน์อยู่ ตัณหาย่อมเจริญ ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน เพราะ อุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ เพราะภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติเพราะ ชาติเป็นปัจจัย จึงมีชราและมรณะ โสกปริเทวทุกขโทมนัสและอุปายาส ความเกิดขึ้น แห่งกองทุกข์ ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ [๒๐๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุเห็นโทษเนืองๆ ในธรรมทั้งหลาย อันเป็น ปัจจัยแห่งสังโยชน์อยู่ ตัณหาย่อมดับ เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับเพราะภพดับ ชาติจึงดับ เพราะชาติดับชรา และมรณะ โสกปริเทวทุกข โทมนัส และอุปายาสจึงดับ ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ย่อมมี ด้วยประการอย่างนี้ [๒๐๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประทีปน้ำมันพึงติด เพราะอาศัยน้ำมันและไส้ บุรุษไม่พึง เติมน้ำมัน ไม่ใส่ไส้ในประทีปน้ำมันนั้นทุกๆ ระยะ ก็เมื่อเป็นอย่างนี้ ประทีปน้ำมันนั้น ไม่มีอาหารพึงดับไป เพราะสิ้นเชื้อเก่า และเพราะไม่เติมเชื้อใหม่ แม้ฉันใด ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุเห็นโทษเนืองๆ ในธรรมทั้งหลายอันเป็นปัจจัยแห่ง สังโยชน์ อยู่ ตัณหาย่อมดับ ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะตัณหาดับอุปาทานจึงดับ ฯลฯ ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้