เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
 
ค้นหาคำที่ต้องการ          

 
  พาลบัณฑิตสูตร โทษของคนพาล หรือผู้ประพฤติชั่วด้วยกาย วาจา ใจ 619
 
  พาลบัณฑิตสูตร
วิบากกรรม ของคนพาล
โทษของผู้ประพฤตืทุจริตทาง กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม

ย่อมเสวยทุกข์โทมนัสเป็นอันมาก
 
 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๔ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๔๐-๒๕๔

พาลบัณฑิตสูตร (คัดย่อพระสูตร)

คนพาลเสวยทุกข์โทมนัส

ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนพาลนั้นนั่นแล ย่อมเสวยทุกข์โทมนัส ๓ อย่างในปัจจุบัน ฯ

ข้อที่หนึ่ง คนพาลเห็นว่าการทำชั่ว(ผิดศีล5) เป็นเรื่องปกติ

คนพาลในโลกนี้มัก คิดความคิดที่ชั่ว มักพูดคำพูดที่ชั่ว มักทำการทำที่ชั่ว คนพาลจะพูด ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม ทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง ถือเอาสิ่งของ ที่เจ้าของ มิได้ให้ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ มีปรกติ ตั้งอยู่ในความประมาทเพราะดื่มน้ำเมา คือสุรา และเมรัย คนพาลจะมีความรู้สึกอย่างนี้ว่า “ปรกติเหล่านั้นมีอยู่ในเรา”และเรา ก็ปรากฏในปรกติเหล่านั้นด้วย ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนพาลย่อมเสวยทุกข์โทมนัส ข้อที่หนึ่ง แม้ดังนี้ในปัจจุบัน

ข้อที่สอง คนพาลเห็นว่าการถูกลงโทษดวยวิธีต่างๆ เป็นเรื่องปกติ

ประการอื่นยังมีอีก คนพาลเห็นราชาทั้งหลายจับโจร ผู้ประพฤติผิดมาแล้ว สั่งลง กรรมกรณ์ (ลงอาญา) ต่างชนิด คือโบยด้วยแส้ โบยด้วยหวาย ตีด้วยตะบองสั้น ตัดมือบ้าง ตัดเท้า ตัดทั้งมือทั้ง เท้าตัดหู ตัดจมูก ตัดทั้งหูทั้งจมูก ลงกรรมกรณ์ ด้วยวิธีหม้อเคี่ยวน้ำส้ม วิธีขอดสังข์ วิธีปากราหู วิธี มาลัยไฟ วิธีคบมือ วิธีริ้วส่าย วิธีนุ่งเปลือกไม้ วิธียืนกวาง วิธีเกี่ยวเหยื่อเบ็ด วิธีเหรียญกษาปณ์ วิธีแปรงแสบ วิธีกางเวียน วิธีตั่งฟาง วิธีราดด้วยน้ำมันเดือดๆ ให้สุนัขทึ้ง ให้นอนหงายบนหลาว ทั้งเป็นๆ หรือตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง ในขณะที่เห็นนั้น คนพาลจะมีความรู้สึกอย่างนี้ว่า ก็ปรกติเหล่านั้น มีอยู่ในเรา และเราก็ปรากฏ ในปรกติเหล่านั้นด้วย ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนพาลย่อมเสวยทุกข์โทมนัส ข้อที่สอง แม้ดังนี้ในปัจจุบัน

ข้อที่สาม คนพาลย่อมเศร้าโศก คร่ำครวญ ร่ำไห้ ทุบอก จากการทำชั่ว

ประการอื่นยังมีอีก กรรมลามกที่คนพาลทำไว้ในก่อน คือ กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ย่อมปกคลุม ครอบงำคนพาลผู้อยู่บนตั่ง หรือ บนเตียง หรือนอนบนพื้นดิน ในสมัยนั้น เปรียบเหมือนเงา ยอดภูเขาใหญ่ ย่อมปกคลุม ครอบงำแผ่นดินในสมัย เวลา เย็น ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล กรรมลามก ที่คนพาลทำไว้ ในก่อน คือ กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ย่อมปกคลุม ครอบงำคนพาล ผู้อยู่บนตั่ง หรือบนเตียงหรือนอนบนพื้นดินในสมัยนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในสมัยนั้น คนพาล จะมีความรู้สึกอย่างนี้ว่า เราไม่ได้ทำความดี ไม่ได้ทำกุศล ไม่ได้ทำเครื่องป้องกัน ความหวาดกลัวไว้ ทำแต่ความชั่ว ทำแต่ความร้าย ทำแต่ความเลว ละโลกนี้ไปแล้ว จะไปสู่คติ ของคนที่ไม่ได้ทำความดี ไม่ได้ทำกุศล ไม่ได้ทำเครื่องป้องกันความ หวาดกลัวไว้ ซึ่งทำแต่ความชั่วความร้าย และความเลว เป็นกำหนด คนพาลนั้นย่อม เศร้าโศก ลำบากใจ คร่ำครวญ ร่ำไห้ ทุบอก ถึงความหลงพร้อม ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนพาลย่อมเสวยทุกข์โทมนัส ข้อที่สาม ดังนี้แลในปัจจุบัน

สรุปย่อ
คนพาลจะรู้สึกว่า การทำชั่ว พูดชั่ว คิดชั่ว การผิดศีล 5 เป็นเรื่องปกติ
คนพาลจะรู้สึกว่า การถูกลงโทษด้วยวิธีการทั้งเบาและหนัก เป็นเรื่องปกติ
คนพาลย่อมเศร้าโศก ร่ำให้ เสียใจ ที่ต้องไปสู่ ทุคติ นรก


....................................................................................................................................................

ทุกข์ในนรก เหมือนบุรุษถูกด้วยหอกวันละ 300 เล่ม
เช้า100 กลางวัน100 เย็น100

คนพาลนั้นนั่นแลประพฤติทุจริต ทางกาย ทางวาจา ทางใจแล้ว เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก พึงกล่าวได้ว่า เป็นสถานที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจส่วนเดียว ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพียงเท่านี้แม้จะเปรียบอุปมา จนถึงนรกเป็นทุกข์ ก็ไม่ใช่ง่ายนัก เปรียบเหมือนพวกราชบุรุษ จับโจร ผู้ประพฤติผิดมาแสดงแด่ พระราชา ว่า ขอเดชะผู้นี้เป็นโจรประพฤติผิด ต่อพระองค์ ขอพระองค์ โปรดลง อาชญาที่ทรง พระราชประสงค์แก่มันเถิด

พระราชาทรงสั่งการนั้นอย่างนี้ว่า
พวกท่าน จงเอาหอกร้อยเล่ม แทงบุรุษนี้ ในเวลาเช้า พวกราชบุรุษจึง เอาหอกร้อย เล่มแทง บุรุษนั้นในเวลาเช้า ครั้นเวลากลางวัน พระราชาตรัสถามอย่างนี้ ว่าบุรุษนั้น เป็นอย่างไร พวกราชบุรุษกราบทูลว่า ขอเดชะยังเป็นอยู่อย่างเดิมพระเจ้า ข้า

พระราชาทรงสั่งการนั้น อย่างนี้ว่าพวกท่าน จงเอาหอกร้อยเล่ม แทงมันในเวลา กลางวัน พวกราชบุรุษจึงเอาหอกร้อยเล่มแทงบุรุษ นั้นในเวลากลางวัน ครั้นเวลาเย็น พระราชาตรัสถามอย่างนี้ว่า บุรุษนั้นเป็นอย่างไร พวกราชบุรุษกราบทูลว่า ขอเดชะ ยังเป็นอยู่อย่างเดิมพระเจ้าข้า

พระราชาทรงสั่งการนั้น อย่างนี้ว่าพวกท่าน จงเอาหอกร้อยเล่ม แทงมันในเวลาเย็น พวกราชบุรุษ จึงเอาหอกร้อยเล่ม แทงบุรุษนั้นในเวลาเย็น

สรุปย่อ
นรก เป็นสถานที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจส่วนเดียว (เป็นสถานที่ไม่มีความสุข)
พระราชาสั่งลงโทษ ให้แทงหอกวันละ 300 เล่ม เช้า 100 กลางวัน 100 เย็น 100

............................................................................................................................................................

ทุกข์ของมนุษย์ เปรียบเหมือนแผ่นหิน 6-7 แผ่น
แต่ทุกข์ในนรก เปรียบเหมือนภูเขาหลวงหิมพานต์


ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงหยิบแผ่นหินย่อมๆขนาดเท่าฝ่ามือ แล้วตรัสถาม ภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน แผ่นหินย่อม ๆ ขนาดเท่าฝ่ามือที่เราถือนี้ กับภูเขาหลวงหิมพานต์ อย่างไหนหนอแล ใหญ่กว่ากัน

ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แผ่นหินย่อมๆ ขนาดเท่าฝ่ามือที่ทรงถือนี้ มีประมาณน้อยนัก เปรียบเทียบภูเขาหลวงหิมพานต์แล้ว ย่อมไม่ถึงแม้ความนับ ย่อมไม่ถึงแม้ส่วน แห่งเสี้ยว ย่อมไม่ถึงแม้การเทียบกันได้

พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล ทุกข์โทมนัสที่บุรุษถูกแทง ด้วยหอก สามร้อยเล่มเป็นเหตุ กำลังเสวยอยู่นั้น เปรียบเทียบทุกข์ของนรก ยังไม่ถึงแม้ ความนับ ยังไม่ถึงแม้ส่วนแห่งเสี้ยว ยังไม่ถึงแม้การเทียบกันได้

....................................................................................................................................................

ทุกข์ในนรก

1. เหล่านายนิรยบาล จะให้คนพาลนั้น กระทำเหตุชื่อการจำ ๕ประการคือ ตรึงตะปูเหล็กแดง ที่มือข้างที่ ๑ ข้างที่ ๒ ที่เท้าข้างที่ ๑ ข้างที่ ๒ และที่ ทรวงอกตรงกลาง คนพาลนั้นจะเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้าเจ็บแสบ อยู่ในนรกนั้น และยังไม่ตายตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด ฯ

2. เหล่านายนิรยบาล จะจับคนพาลนั้น ขึงพืดแล้วเอาผึ่ง ถาก คนพาลนั้น จะเสวย เวทนา อันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบอยู่ในนรกนั้น และยังไม่ตาย ตราบเท่าบาปกรรม ยังไม่สิ้นสุด

3. เหล่านายนิรยบาลจะจับคนพาลนั้น เอาเท้าขึ้นข้างบน เอาหัวลงข้างล่าง แล้วถาก ด้วยพร้า คนพาลนั้นจะเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้าเจ็บแสบอยู่ในนรกนั้น และยังไม่ ตาย ตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด

4. เหล่านายนิรยบาล จะเอาคนพาลนั้นเทียมรถแล้ว ให้วิ่งกลับไปกลับมา บนแผ่นดินที่มีไฟติดทั่ว ลุกโพลงโชติช่วง คนพาลนั้นจะเสวยเวทนา อันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบ อยู่ในนรกนั้น และยังไม่ตายตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด

5. เหล่านายนิรยบาล จะให้คนพาลนั้น ปีนขึ้นปีนลงซึ่งภูเขาถ่านเพลิง ลูกใหญ่ที่มีไฟ ติดทั่ว ลุกโพลง โชติช่วง คนพาลนั้นจะเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบอยู่ใน นรกนั้น และยังไม่ตายตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด ฯ

6. เหล่านายนิรยบาล จะจับคนพาลนั้นเอาเท้าขึ้นข้างบน เอาหัวลง ข้างล่าง แล้วพุ่ง ลงไปในหม้อทองแดงที่ร้อนมีไฟติดทั่ว ลุกโพลงโชติช่วง คนพาลนั้นจะเดือดเป็น ฟองอยู่ในหม้อทองแดงนั้น เขาเมื่อเดือดเป็นฟองอยู่ จะพล่านขึ้นข้างบน ครั้งหนึ่ง บ้าง พล่านลงข้างล่างครั้งหนึ่งบ้าง พล่านไป ด้านขวาครั้งหนึ่งบ้าง จะเสวย เวทนา อันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบอยู่ในหม้อทองแดงนั้น และยังไม่ตายตราบเท่า บาปกรรม ยังไม่สิ้นสุด ฯ

7. เหล่านายนิรยบาล จะโยนคนพาลนั้น เข้าไปในมหานรก ก็มหานรกนั้น แล มีสี่มุม สี่ประตูแบ่งไว้โดยส่วนเท่ากัน มีกำแพงเหล็กล้อมรอบครอบไว้ด้วยแผ่นเหล็กพื้นของ นรกใหญ่นั้นล้วนแล้วด้วยเหล็ก ลุกโพลงประกอบด้วยไฟ แผ่ไปตลอดร้อยโยชน์ รอบด้าน ประดิษฐานอยู่ทุกเมื่อ

สรุปย่อ การลงโทษโดยเหล่านายนิรบาล
1. ตรึงด้วยตะปูเหล็กแดง ที่มือและเท้า และที่กลางอก เป็นการทำเครื่องหมายแทนชื่อ
2.
จับขึงพืดแล้วเอาผึ่ง ถาก จนเจ็บแสบ และทำซ้ำหากบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด
3.
จับเอาเท้าขึ้นข้างบน เอาหัวลงล่าง ถากด้วยพร้า และทำซ้ำหากบาปกรรมยังไม่สิ้นสุด
4.
จับคนพาลเทียมรถ แล้วให้วิ่งไปบนแผ่นดินที่มีไฟติดทั่ว และทำซ้ำจนกว่าจะสิ้นบาป
5.
ให้คนพาลปีนขึ้นปีนลง ภูเขาถ่านเพลิงลูกใหญ่ที่มีไฟ และทำซ้ำจนกว่าจะสิ้นบาป
6.
จับเอาเท้าขึ้นเอาหัวลง แล้วพุ่งลงไปในหม้อทองแดงร้อน จนเดือดเป็นฟองอยู่ในหม้อนั้น
7.
โยนคนพาลเข้าไปในมหานรกที่มีกำแพงเหล็กร้อนทั้ง 6 ด้าน และลุกโพลงด้วยไฟ ที่แผ่ ไปไกลถึงร้อยโยชน์ (1600 กม. 1โยชน์ = 16 กม.)

....................................................................................................................................................

สัตว์เดรัจฉาน 5 จำพวก
คนพาลที่ทำกรรมลามก ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของสัตว์จำพวกต่างๆ


1. สัตว์เดียรัจฉาน จำพวกมีหญ้าเป็นภักษา
ใช้ฟัน และเล็มกินหญ้าสด คือ ม้า โค ลา แพะ เนื้อ หรือแม้จำพวกอื่นๆ ที่มีหญ้าเป็นภักษา คนพาลนั้นนั่นแล ผู้กินอาหาร ด้วยความ ติดใจรส เบื้องต้นในโลกนี้ ทำกรรมลามกไว้ในโลกนี้ เมื่อตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของสัตว์เหล่านั้น

2. สัตว์เดียรัจฉาน จำพวกมีคูถเป็นภักษา ได้กลิ่นคูถแต่ไกลๆแล้ว ย่อมวิ่งไป ด้วยหวังว่า จักกินตรงนี้ จักกินตรงนี้ คือ ไก่ สุกร สุนัขบ้าน สุนัขป่า หรือแม้จำพวก อื่นๆ ที่มีคูถเป็นภักษา คนพาลนั้น นั่นแลผู้กินอาหารด้วยความติดใจรส เบื้องต้นใน โลกนี้ ทำกรรมลามกไว้ในโลกนี้ เมื่อตายไปแล้วย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของสัตว์
เหล่านั้น

3. สัตว์เดียรัจฉาน จำพวกเกิดแก่ตายในที่มืด คือ ตั๊กแตน มอด ไส้เดือน หรือ แม้จำพวกอื่นๆ ที่เกิดแก่ตายในที่มืด คนพาลนั้น นั่นแล ผู้กินอาหารด้วยความ ติดใจรส เบื้องต้นในโลกนี้ ทำกรรมลามกไว้ ในโลกนี้ เมื่อตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึง ความเป็นสหายของสัตว์เหล่านั้น

4. สัตว์เดียรัจฉาน จำพวกเกิดแก่ตายในน้ำ คือ ปลา เต่า จรเข้ หรือแม้จำพวก อื่นๆ ที่เกิดแก่ตายในน้ำ คนพาลนั้นนั่นแล ผู้กินอาหารด้วยความติดใจรส เบื้องต้น ในโลกนี้ ทำกรรมลามกไว้ในโลกนี้ เมื่อตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความเป็นสหาย ของสัตว์เหล่านั้น

5. สัตว์เดียรัจฉาน จำพวกเกิดแก่ตายในของโสโครก คือ เหล่าสัตว์ จำพวกที่ เกิดแก่ตายในปลาเน่าก็มี ในศพเน่าก็มี ในขนมกุมมาสเก่าก็มี ในน้ำครำก็มี ในหลุมโสโครกก็มี หรือแม้จำพวกอื่นๆ ที่เกิดแก่ตายในของโสโครก คนพาลนั้น นั่นแล ผู้กินอาหารด้วยความติดใจรส เบื้องต้นในโลกนี้ ทำกรรมลามกไว้ในโลกนี้ เมื่อตายไปแล้วย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของสัตว์เหล่านั้น

สรุปย่อ สัตว์เดรัจฉาน 5 จำพวก
1. จำพวกมีหญ้าเป็นภักษา ใช้ฟัน และเล็มกินหญ้าสด คือ ม้า โค ลา แพะ เนื้อ ฯลฯ
2. จำพวกมีคูถเป็นภักษา ได้กลิ่นคูถแต่ไกลๆแล้ววิ่งไปหา คือ ไก่ สุกร สุนัข ฯลฯ
3. จำพวกเกิดแก่ตายในที่มืด คือ ตั๊กแตน ไส้เดือน หรือสัตว์อื่นๆที่ เกิดแก่ตายในที่มืด
4. จำพวกเกิดแก่ตายในน้ำ คือ ปลา เต่า จรเข้ หรือจำพวกอื่นๆ ที่เกิดแก่ตายในน้ำ
5. จำพวกเกิดแก่ตายในของโสโครก คือ สัตว์ที่เกิดแก่ตายในของเน่าๆ เช่นปลาเน่า ศพเน่า ขนมเน่า ในน้ำครำ ในหลุมโสโครก ฯลฯ
(หมายเหตุ : พระองค์ไม่ได้กล่าวถึงสัตว์ที่เกิดแก่ตายในอากาศ เข้าใจว่าเป็นสัตว์ชั้นต่ำ ที่ยังไม่พัฒนามาเป็นสัตว์ใน 5 จำพวกที่สูงกว่า)
....................................................................................................................................................


การเกิดเป็นมนุษย์ อุปมาเหมือนเต่าตาบอด

เปรียบเหมือนบุรุษโยนทุ่นมีบ่วงตาเดียวไปในมหาสมุทร ทุ่นนั้นถูกลมตะวันออกพัดไป ทางทิศตะวันตก ถูกลมตะวันตกพัดไปทางทิศตะวันออก ถูกลมเหนือพัดไปทางทิศใต้ ถูกลมใต้พัดไปทางทิศเหนือ มีเต่าตาบอด อยู่ในมหาสมุทร นั้น ล่วงไปร้อยปี จึงจะ ผุดขึ้น ครั้งหนึ่ง ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้น เป็นไฉน เต่าตาบอดตัวนั้น จะพึงเอาคอสวมเข้าที่ทุ่น มีบ่วงตาเดียวโน้น ได้บ้างไหมหนอ

ภิกษุเหล่านั้นทูลว่า ข้อนั้นเป็นไปไม่ได้เลย พระพุทธเจ้าข้า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าจะเป็นไปได้บ้างในบางครั้งบางคราว ก็โดยล่วงระยะกาลนานแน่นอน ฯ

พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เต่าตาบอดตัวนั้นจะพึงเอาคอสวมเข้าที่ทุ่น มีบ่วงตาเดียวโน้น ได้ยังจะเร็วกว่า เรากล่าวความเป็นมนุษย์ที่คนพาล ผู้ไปสู่วินิบาต คราวหนึ่งแล้วจะพึง ได้ ยังยากกว่านี้ นั่นเพราะเหตุไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะในตัวคนพาลนี้ไม่มี ความ ประพฤติธรรม ความประพฤติสงบ การทำกุศล การทำบุญ มีแต่การกินกันเอง การเบียดเบียนคนอ่อนแอ

สรุปย่อ
การเกิดเป็นมนุษย์นั้นมีความยากแสนยาก เหมือนเต่าตาบอด 100ปี โผล่ขึ้นมาหายใจสักครั้ง และเป็นการยากที่จะโผล่หัวขึ้นมาให้พอดีตรงบ่วงตาเดียวบนแอกๆไม่ไผ่ลอยในมหาสมุทร มีถูกลมพัดไปมาทุกทิศทาง

....................................................................................................................................................

การเกิดมาเป็นมนุษย์ของคนพาล


คนพาลนั้นนั่นแล ถ้าจะมาสู่ความเป็นมนุษย์ ในบางครั้ง บางคราว ไม่ว่ากาลไหนๆ โดยล่วงระยะกาลนาน ก็ย่อมเกิดในสกุลต่ำ คือสกุลคน จัณฑาล หรือสกุลคนจักสาน หรือสกุลช่างรถ หรือสกุล คนเทขยะ เห็นปานนั้น

ในบั้นปลาย อันเป็นสกุลคนจน มีข้าวน้ำและโภชนาหารน้อย มีชีวิตเป็นไปลำบาก ซึ่งเป็นสกุลที่จะได้ของกิน และเครื่องนุ่งห่มโดยฝืดเคือง และเขาจะมีผิวพรรณทราม น่าเกลียดชัง ร่างม่อต้อ มีโรคมาก เป็นคนตาบอดบ้าง เป็นคนง่อยบ้าง เป็นคนกะจอกบ้าง เป็นคนเปลี้ยบ้าง ไม่ได้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย และเครื่องตามประทีป เขาจะประพฤติกายทุจริต วจีทุจริตมโนทุจริต ครั้นแล้วเมื่อตาย ไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

เหมือนนักเลงการพนัน เพราะเคราะห์ร้ายประการแรก เท่านั้นจึงต้องเสียลูกบ้าง เสียเมียบ้าง เสียสมบัติทุกอย่างบ้างยิ่งขึ้นไปอีก ต้องถึง ถูกจองจำ เคราะห์ร้าย ของนักเลงการพนันที่ต้องเสียไปดังนั้น เพียงเล็กน้อย ที่แท้แล เคราะห์ร้ายอันใหญ่หลวงกว่านั้น คือ เคราะห์ที่คนพาลนั้นประพฤติกายทุจริต จีทุจริต มโนทุจริตแล้ว ตายไป เข้าถึงอบายทุคติวินิบาต นรก นั่นเอง ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้ภูมิของคนพาลครบถ้วนบริบูรณ์

สรุปย่อ
คนพาลมีโอกาสมาเกิดเป็นมนุษย์ในบางครั้ง ในสกุลต่ำ เป็นคนจน มีผิวพรรณทราม มีโรคมาก ตาบอด เป็นง่อย เป็นนักเลงพนัน ประสบเคราะห์ เสียลูก เสียเมีย เสียสมบัติ ถูกจองจำ เมื่อตายย่อมเข้าถึงอบายทุคติวินิบาตนรก (เป็นวัฏฏะที่วนซ้ำกลับไปนรกอีก เพราะไม่เห็นอริยสัจสี่)

 
 
พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์