พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๕ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๒๗๒ อารัญญกสูตรที่ ๙ [๘๙๕] สาวัตถีนิทาน ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ฤาษีผู้มีศีล มีกัลยาณธรรม มากรูปด้วยกัน อาศัยอยู่ในกุฎีที่มุงบังด้วยใบไม้ ในราวป่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล ท้าวสักกะจอมเทวดา(พระอินทร์ - ชั้นดาวดึงส์) กับ ท้าวเวปจิตติจอมอสูร เข้าไปหาฤาษี ผู้มีศีลมีกัลยาณธรรมเหล่านั้น ถึงที่อยู่ [๘๙๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล ท้าวเวปจิตติจอมอสูร สวมรองเท้าหนา หลายชั้น สะพายดาบ มีผู้กั้นร่มให้ เข้าไปสู่อาศรม ทางทวารอันเลิศ เข้าไปใกล้ฤาษี ผู้มีศีลมีกัลยาณธรรมเหล่านั้นห่างไม่ถึงวา (จอมอสูรไม่ให้เกียรติฤาษี) ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแลท้าวสักกะจอมเทวดา ทรงถอดฉลองพระบาท ประทาน พระขรรค์ให้แก่ผู้อื่น รับสั่งให้ลดฉัตร เสด็จเข้าไปทางอาศรม โดยทางทวาร เข้า-ออก ประทับประคองอัญชลี นมัสการฤาษีผู้มีศีล มีกัลยาณธรรมเหล่านั้น อยู่ใต้ลม (จอมเทวดาให้เกียรติฤาษี) [๘๙๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้นแล ฤาษีผู้มีศีล มีกัลยาณธรรมเหล่านั้น ได้กล่าว กะท้าวสักกะจอมเทวดา ด้วยคาถาว่า กลิ่นของพวกฤาษีผู้ประพฤติพรต มานาน ย่อมจะฟุ้งจากกายไปตามลม ดูกรท้าวสหัสนัยน์(พระอินทร์) พระองค์จงถอยไปเสียจากที่นี้ ดูกรท้าวเทวราช กลิ่นของพวกฤาษีไม่สะอาด ฯ [๘๙๘] ท้าวสักกะตรัสตอบว่า กลิ่นของพวกฤาษีผู้ประพฤตพรตมานาน ย่อมจะฟุ้ง จากกาย ไปตามลม ท่านเจ้าข้าพวกข้าพเจ้า ต่างก็มุ่งหวังกลิ่นนี้ เหมือนกับ บุคคล มุ่งหวังระเบียบดอกไม้อันวิจิตร งดงาม บนศีรษะ ฉะนั้น ก็พวกเทวดา หามีความสำคัญในกลิ่นของผู้มีศีลนี้ว่า เป็นกลิ่นปฏิกูลไม่