อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคนำ (ตอน1)
หน้า 47
เปรียบนักเรียนอริยสัจ ด้วยหนูต่างจำพวกกัน
ภิกษุ ท. ! หนูเหล่านี้มีสี่จำพวก คือ
๑. หนูที่ขุดรู แต่ไม่อยู่
๒. หนูที่อยู่ แต่ไม่ขุดรู
๓. หนูที่ไม่ขุดรู และทั้งไม่อยู่
๔. หนูที่ทั้งขุดรู และทั้งอยู่
บุคคลสี่จำพวก เปรียบด้วยหนู ก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือ
คนปลูกเรือน แต่ไม่อยู่
คนอยู่ แต่ไม่ปลูกเรือน
คนไม่ปลูกเรือน และ ทั้งไม่อยู่
คนทั้งปลูกเรือน และ ทั้งอยู่
สี่จำพวกเหล่านี้ มีอยู่พร้อมในโลก
ภิกษุ ท. ! คนที่ปลูกเรือนแต่ไม่อยู่ เป็นอย่างไร ?
ภิกษุ ท. ! คนบางคนเรียนปริยัติธรรม ที่เป็นสูตร เคยยะ เวยยากรณ์ คาถา อุทาน อิติวุตตกะชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ๑ แต่เขาไม่รู้ตามเป็นจริง ว่า “ นี้เป็นทุกข์ นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์, นี้เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์ และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึง ความดับไม่เหลือของทุกข์ ” ดังนี้ เช่นนี้แล เรียกว่า ปลูกเรือนแต่ไม่อยู่ เรากล่าวว่า เปรียบได้กับหนูที่ขุดรูแล้วไม่อยู่
ภิกษุ ท. ! คนอยู่แต่ไม่ปลูกเรือนนั้น เป็นอย่างไร ?
ภิกษุ ท. ! คนบางคน ไม่ได้เรียนปริยัติธรรม ที่เป็นสูตร ฯลฯ เวทัลละ แต่เขาเป็น ผู้รู้ตามเป็นจริง ว่า “นี้เป็นทุกข์ นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ นี้เป็นความดับไม่เหลือของ ทุกข์ และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึง ความดับไม่เหลือของทุกข์ ” ดังนี้ เช่นนี้แลเรียกว่า อยู่แต่ไม่ปลูกเรือน เรากล่าวว่าเปรียบกันได้กับหนูที่อยู่แต่ไม่ขุดรู
ภิกษุ ท. ! คนไม่ปลูกเรือนและทั้งไม่อยู่นั้น เป็นอย่างไร ?
ภิกษุ ท. ! คนบางคน ไม่ได้เรียนทั้งปริยัติธรรม ที่เป็นสูตร ฯลฯ เวทัลละ และทั้ง ไม่รู้ตามเป็นจริง ว่า “นี้เป็นทุกข์ นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ นี้เป็นความดับไม่เหลือ ของทุกข์ และนี้เป็นทาง ดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ ” ดังนี้ เช่นนี้แล เรียกว่า ไม่ปลูกเรือน และทั้งไม่อยู่ เรากล่าวว่า เปรียบกันได้กับหนูที่ไม่ขุดรู และทั้ง ไม่อยู่
ภิกษุ ท. ! คนที่ปลูกเรือนทั้งอยู่นั้น เป็นอย่างไร ?
ภิกษุ ท. !คนบางคนในโลกนี้ ทั้งเรียนปริยัติธรรม ที่เป็นสูตร ฯลฯ เวทัลละด้วย และทั้งรู้ตามเป็นจริงว่า “นี้เป็นทุกข์ นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ นี้เป็นความดับไม่เหลือ ของทุกข์ และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึง ความดับไม่เหลือของทุกข์ ” ดังนี้ด้วย เช่นนี้แล เรียกว่าทั้งปลูกเรือนและทั้งอยู่ เรากล่าวว่า เปรียบกันได้กับหนูที่ทั้งขุดรูและทั้งอยู่
ภิกษุ ท. ! คนสี่จำพวกเหล่านี้แล เปรียบกันได้กับหนูสี่จำพวกอันมีอยู่พร้อมในโลกนี้
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑๐๗
มูสิกาสูตร (อุปมา หนูขุดรู)
[๑๐๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย หนู ๔ จำพวกนี้ ๔ จำพวกเป็นไฉนคือ
หนูขุดรู แต่ไม่อยู่จำพวก ๑
อยู่แต่ไม่ขุดรูจำพวก ๑
ไม่ขุดรูไม่อยู่ จำพวก ๑
ขุดรูด้วยอยู่ด้วยจำพวก ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย หนู ๔ จำพวกนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน
บุคคลเปรียบด้วยหนู
๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก
๔ จำพวกเป็นไฉน คือบุคคล
ดุจหนูขุดรูแต่ไม่อยู่จำพวก ๑
ดุจหนูอยู่แต่ไม่ขุดรูจำพวก ๑
ดุจหนูไม่ขุดรูไม่อยู่จำพวก ๑
ดุจหนูขุดรูด้วยอยู่ด้วยจำพวก ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลเป็นดุจหนูขุดรูแต่ไม่อยู่อย่างไร บุคคลบางคน ในโลกนี้ ย่อมเล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ ไวยากรณ์ คาถา อุทานอิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ แต่เขาไม่ทราบชัดตามความเป็นจริง ว่านี้ทุกข์ นี้ทุกข สมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา บุคคลเป็นดุจหนูขุดรู แต่ไม่อยู่ อย่างนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย หนูขุดรูแต่ไม่อยู่ แม้ฉันใด เรากล่าวบุคคลนี้ เปรียบฉันนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลเป็นดุจหนูอยู่แต่ไม่ขุดรูอย่างไร บุคคล บางคนในโลกนี้ (ไม่)เล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ ฯลฯ เวทัลละ แต่เขาทราบชัด ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ บุคคลเป็นดุจหนูอยู่แต่ไม่ขุดรูอย่างนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย หนูอยู่แต่ ไม่ขุดรู แม้ฉันใด เรากล่าวบุคคลนี้เปรียบฉันนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลเป็นดุจหนูไม่ขุดรูไม่อยู่อย่างไร บุคคลบางคน ในโลกนี้ ไม่เล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ ฯลฯ เวทัลละ เขาไม่ทราบชัด ตามความ เป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ บุคคลเป็นดุจหนูไม่ขุดรูไม่อยู่อย่างนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย หนูไม่ขุดรูไม่อยู่ แม้ฉันใด เรากล่าวบุคคลนี้เปรียบฉันนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลเป็นดุจหนูขุดรูด้วยอยู่ด้วยอย่างไร บุคคล บางคนในโลกนี้ เล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ ฯลฯ เวทัลละ ทั้งทราบชัด ตามความ เป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา บุคคล เป็นดุจหนูขุดรูด้วยอยู่ด้วย อย่างนี้แล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย หนูขุดรูด้วยอยู่ด้วย แม้ฉันใด เรากล่าวบุคคลนี้ เปรียบฉันนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลเปรียบด้วยหนู ๔ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก
|